ถ้าเธอวิ่งตอนนี้จะยังทันมั้ยนะ?
“จับเธอมาให้ฉัน!”
เมื่อฝู้เหวยข่ายออกคำสั่ง บอดี้การ์ดหลายคนก็วิ่งเข้าหากู้จื่อเฟยอย่างรวดเร็ว
กู้จื่อเฟยนั้นไม่มีทางหนีได้เลย ในชั่วพริบตาก็ถูกผู้ชายคนหนึ่งจับล็อกมือทั้งสองไว้ แล้วบังคับให้เธอเดินไปหาฝู้เหวยข่าย
กู้จื่อเฟยขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ เอ่ยด่าว่าฝู้เหวยข่าย
“ฝู้เหวยข่าย นี่นายจะทำอะไร? จับฉันทำไม รีบให้เขาปล่อยเลยนะ!”
ตอนนี้มันเป็นสังคมแห่งการช่วยเหลือนะ
บนใบหน้าของฝู้เหวยข่ายไร้ซึ่งความอ่อนโยนและมีเหตุผลอย่างเดิมอีกต่อไป เขาจ้องมองกู้จื่อเฟยด้วยแววตาดุร้าย
ถามขึ้น “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ดวงตาของกู้จื่อเฟยสั่นไหว เธอพูด “ฉันมาเที่ยวที่นี่น่ะสิ ไม่ได้รึยังไง?”
“หา เที่ยว?”
ฝู้เหวยข่ายหัวเราะเย้ยหยัน แล้วบีบคางของกู้จื่อเฟยอย่างแรงจนเธอรู้สึกเจ็บ
เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ฉันเหมาที่นี่ไว้หมดแล้ว คนนอกไม่มีใครเข้ามาได้ทั้งนั้น เธอจะมาเที่ยวถึงในนี้ได้ยังไง?”
กู้จื่อเฟยหน้าซีด
แม้ที่นี่จะเป็นโรงแรม แต่ความจริงได้ถูกฝู้เหวยข่ายเหมาไว้แล้ว ดังนั้นเธอจึงปลอมตัวเข้ามา
คำพูดนั้น แน่นอนว่าไม่สามารถเปิดเผยกับฝู้เหวยข่ายได้
เธอกัดฟันพูดอย่างหัวเสีย “ฉันไม่รู้ว่าที่นี่ถูกนายเหมาไปแล้ว ก็เลยเข้ามาโดยบังเอิญและกำลังจะไปจองห้องที่แผนกต้อนรับน่ะสิ ถ้ารู้แต่แรกว่านายเหมาไปแล้วฉันก็ไม่มาที่นี่หรอก”
น้ำเสียงและท่าทีรังเกียจนั้นของกู้จื่อเฟย ทำให้ฝู้เหวยข่ายรู้สึกหน่วงขึ้นในอก
นี่คือผู้หญิงที่เขาชอบพอตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่รู้จักวางตัว ยิ่งเธอต่อต้าน เขาก็ยิ่งต้องการเอาชนะเธอมากขึ้นเท่านั้น
ไม่ช้าก็เร็วเธอจะต้องเป็นผู้หญิงของเขา
นิ้วของฝู้เหวยข่ายที่บีบคางของกู้จื่อเฟยยิ่งออกแรงหนักขึ้น นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยไปบนผิวของเธออย่างเชื่องช้า
น้ำเสียงบูดบึ้งและดุร้าย “กู้จื่อเฟย ฉันขอเตือน อย่ามาเล่นลูกไม้กับฉัน เธออยู่ที่นี่แล้วพวกโห้หลีเฉินเองก็มาด้วยใช่ไหม?”
หัวใจของกู้จื่อเฟยเต้นเร็วขึ้นและตื่นตระหนกอย่างมาก
ฝู้เหวยข่ายพาคนมาเยอะขนาดนี้อย่างกะทันหัน แม้โห้หลีเฉินเองจะมีบอดี้การ์ดอยู่ในโรงแรมไม่น้อย แต่จำนวนคนมันเทียบสัดส่วนกันไม่ได้
หากปะทะกันขึ้นมาก็ยากจะบอกว่าใครจะชนะใครจะแพ้
อย่างน้อยเรื่องจำนวนคน พวกของโห้หลีเฉินนั้นก็ด้วยกว่า
กู้จื่อเฟยคิดอย่างวุ่นวายใจ ก่อนปฏิเสธไปอย่างไม่รู้ตัว “เปล่า ฉันบอกไปแล้วว่าฉันแค่มาผิดที่ นายรีบปล่อยฉันซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”
เธอคิดว่า เขาพาคนมามากขนาดนี้ แจ้งตำรวจจะสามารถขู่เขาได้
แต่ฝู้เหวยข่ายไม่แยแสแม้แต่น้อย สายตาที่เขาจ้องมองเธอยิ่งดุร้ายเย็นชามากขึ้นไปอีก
“กู้จื่อเฟย บอกความจริงมาระหว่างที่ฉันยังพูดดีๆ ด้วย อย่าให้ฉันต้องใช้กำลัง”
สีหน้าของเขามืดทะมึน “พวกเธอปะทะกับอารองของฉันใช่ไหม? ก่อนหน้านี้ฉันได้รับคำเตือนล่วงหน้าของอารอง และระหว่างทางก็ติดต่อเขาไม่ได้แล้ว
พวกเธอทำอะไรกับอารองของฉันใช่ไหม?”
หัวใจของกู้จื่อเฟยบีบรัด ฝู้เหวยข่ายมาเพื่อช่วยเหลืออารองของเขาอย่างที่คิด
แต่ตอนนี้ฝู้หงได้นอนอยู่บนพื้นราวสุนัขตายไปแล้ว อีกไม่นานก็ได้ไปโลกหน้า
ความขัดแย้งนี้ไม่สามารถจบลงด้วยดีได้
การปะทะกันคงเลี่ยงไม่ได้
กู้จื่อเฟยปวดหัวตึ้บและแสร้งทำเป็นสับสน “ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดอะไรอยู่ รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
เธอดิ้นรนสุดกำลัง
แต่ไม่ว่าจะเป็นบอดี้การ์ดที่ล็อกมือทั้งสองข้างของเธอ หรือฝู้เหวยข่ายที่บีบคางเธออยู่ ลำพังกำลังของเธอไม่สามารถสั่นคลอนได้เลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของฝู้เหวยข่ายกลับยิ่งเลวร้าย “พวกเธอลงมือกับอารองของฉันจริงๆ สินะ!”
ระหว่างทางเขาเพียงแค่กังวลเท่านั้น แต่เมื่อมาที่นี่แล้วได้เจอกับกู้จื่อเฟยเข้า เขาก็พอเดาออกได้คร่าวๆ ยิ่งได้เห็นท่าทีตื่นตระหนกของกู้จื่อเฟยอีก เขาก็ยิ่งมั่นใจ
ทันใดนั้นเขาก็พลันรู้สึกโมโหเดือดดาลแทบไม่ไหว
ท่านฝู้รองคือคนที่เขาขอให้มาช่วยจากตระกูล เป็นคนที่สนับสนุนอย่างเต็มที่ในสงครามธุรกิจนี้ของเขา เขาคาดหวังอย่างเต็มที่ว่าด้วยความช่วยเหลือของท่านฝู้รอง โห้ถิงจะล้มละลายภายในไม่กี่วัน
แค่เขากลับคาดไม่ถึงว่าพวกโห้หลีเฉินจะหาที่นี่เจอ แล้วยังกล้าลงมือกับท่านฝู้รองอีก!
ตอนนี้เขาติดต่อท่านฝู้รองไม่ได้ แถมยังติดต่อพ่อบ้านไม่ได้อีก ยิ่งกว่านั้นการสนับสนุนทั้งหมดก็ถูกระงับไปแล้ว
เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ซะแล้ว
“ดี ในเมื่อพวกเธอกลัวจับอารองของฉัน งั้นฉันก็จะจับเธอบ้าง ดูซิว่าพวกเขาอยากจะแลกเปลี่ยน หรือจะพินาศไปด้วยกัน
ท่าทีฝู้เหวยข่ายดุร้ายอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะชอบกู้จื่อเฟย แต่เมื่อเทียบกับธุรกิจของเขา เขาก็สามารถใช้งานเธอได้ทุกเมื่อ
กู้จื่อเฟยเบิกตากว้างด้วยความหวาดผวา เธอกรีดร้อง
“ฝู้เหวยข่าย ปล่อยฉันนะโว้ย! ถ้านายกล้าทำกับฉันแบบนี้ ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!”
ตัวประกัน จะให้เธอเป็นตัวประกันงั้นเหรอ?
แลกเปลี่ยน? สภาพเจียนตายของฝู้หงนั้นไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้เลย
กู้จื่อเฟยไม่อยากจะให้ตัวเองกลายเป็นภาระของพวกโห้หลีเฉิน และไม่ต้องการให้พวกเขาถูกบังคับให้ประนีประนอมเพราะเธอ
“แน่จริงก็มาตายไปด้วยกันกับฉันเลยสิ ฝู้เหวยข่าย!”
ฝู้เหวยข่ายมองกู้จื่อเฟยที่ตื่นเต้นหวั่นไหว แววตาของเขาก็ยิ่งหม่นลง ในดวงตาฉายความบ้าคลั่ง
เขาเอ่ยถามลอดไรฟัน “เธอทำเพื่อเย้นโม่หลินงั้นเหรอ? เพื่อเขาแล้วสามารถตายไปพร้อมกับฉัน แม้แต่ชีวิตก็ไม่ต้องการงั้นเหรอ?”
“ใช่!”
กู้จื่อเฟยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เธอพูดอย่างหนักแน่น “อย่าคิดจะใช้ฉันไปข่มขู่พวกเขา ฉัน…..”
เพียะ!
เสียงตบที่ดังขึ้นชัดเจน ขัดจังหวะคำพูดของกู้จื่อเฟย
แก้มของเธอถูกบังคับให้หันไปอย่างแรง รู้สึกได้ถึงความแสบร้อนบนใบหน้า กระทั่งในปากก็มีกลิ้นคาวเลือดเล็กน้อย
ท่าทีของฝู้เหวยข่ายน่ากลัวราวกับปีศาจ
“เธอไม่มีโอกาสนั้นหรอก! เธอเบิกตาดูให้ชัดเจนว่าฉันจะจัดการกับพวกโห้หลีเฉินยังไง ฉันจะเหยียบย่ำเย้นโม่หลินลงใต้ฝ่าเท้าของฉันยังไง
ในเมื่อเธอเป็นห่วงมากนัก ฉันก็จะสนองให้ ฉันจะฆ่าเธอต่อหน้าเขา”
กู้จื่อเฟยหน้าถอดสีทันที รู้สึกได้ถึงความกลัวและน่าสะอิดสะเอียนที่จู่โจมจิตใจ
ฝู้เหวยข่ายนี่มันไอ้โรคจิตที่แต่งตัวดีชัดๆ!
“พาเธอไป”
ฝู้เหวยข่ายออกคำสั่งกับลูกน้องก่อนเดินไปที่ล็อบบี้ของโรงแรมอย่างก้าวร้าว
ข้างหลังเขา บอดี้การ์ดหลายสิบคนยืนเรียงแถวกันอย่างเรียบร้อย ท่าทางนั้นดุร้ายและน่าสะพรึงกลัว
เมื่อพนักงานต้อนรับที่ล็อบบี้เห็นท่าทางนั้นก็สั่นสะท้าน ไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาต้อนรับแล้วหันตัววิ่งหนีไป
นี่ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะทักทายได้
ฝู้เหวยข่ายเดินเข้าไปในล็อบบี้แล้วสั่งการเสียงเย็น
“จัดการ ไปหามา ไปจับพวกเย้นโม่หลินมาให้ฉันให้หมด!”
ใบหน้ายับย่น เขาต้องการให้พวกเขาตายอย่างอนาถ
ในเวลาเดียวกัน เว่ยชีเดินไปยังห้องอาหารอย่างรีบร้อย และรายงานต่อโห้หลีเฉินและเย้นหว่านที่กำลังกินข้าวอยู่
“นายท่าน คุณหนูเย้น เกิดเรื่องแล้ว!”
“ฝู้เหวยข่ายพาบอดี้การ์ดมาหลายสิบคนเข้ามาแล้ว”
เย้นหว่านสำลักอาหารอย่างกะทันหัน ใบหน้าหวาดผวา
หลายสิบคน?
ต้องการจะทำอะไร? ยกพวกตีกันงั้นเหรอ?
แต่โห้หลีเฉินหลับมีท่าทีนิ่งสงบ เขาวางตะเกียบอย่างสง่างาม วางซุปอุ่นๆ ลงตรงหน้าเย้นหว่าน
เอ่ยด้วยความอ่อนโยน “ดื่มซุปสักหน่อย จะได้คล่องคอ”