แม้ว่ากู้จื่อเฟยจะบอกให้เย้นโม่หลินไม่ต้องกังวลเรื่องกู้หรง เธอจัดการได้ แต่ตอนเย็นเย้นโม่หลินก็ยังไปหากู้หรงโดยลำพัง
เพราะเขาอยากอยู่กับกู้จื่อเฟย เรื่องแบบนี้เขาจะไม่ปล่อยให้กู้จื่อเฟยต้องแบกรับคนเดียวหรอก
กู้หรงมองเขา สีหน้ามืดหม่นลงในทันทีอย่างไม่เป็นมิตร
สีหน้าของเย้นโม่หลินยังคงเดิม เขาเอ่ยอย่างสุภาพ
“คุณอากู้ พอมีเวลาคุยกันหน่อยไหมครับ?”
กู้หรงนั่งอยู่บนโซฟาและไม่ได้ลุกขึ้น น้ำเสียงเรียบนิ่งและเย็นชา
“ระหว่างเธอกับฉันไม่มีอะไรให้คุยกัน”
เขาพูดขึ้น เย้นโม่หลินเจอกับท่าทีไม่ดีแบบนี้ได้น้อยมาก แต่เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นพ่อของกู้จื่อเฟย เขาจึงไม่ได้หงุดหงิดอะไรเลย
เขาเอ่ยอย่างราบเรียบ “เรื่องเกี่ยวกับกู้จื่อเฟย คุณจำเป็นต้องคุยกับผมครับ”
ด้วยท่าทีที่สุภาพจึงยากจะปฏิเสธ
กู้หรงสีหน้าคร่ำเคร่งและไม่พูดอะไร
เย้นโม่หลินเอ่ยต่อ
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดที่ไม่ต้องการให้ผมกับกู้จื่อเฟยคบหากัน แต่ความมุ่งมั่นที่จะคบกันของผมกับกู้จื่อเฟยก็ไม่มีทางสั่นคลอนแน่นอน
ผมจะอยู่กับเธอ ผมจะแต่งงานกับเธอ ผมจะรับผิดชอบเธอไปตลอดชีวิต
คุณเป็นพ่อของเธอ เธอจึงต้องการความยินยอมและคำอวยพรจากคุณ ไม่ว่าจะทำอะไร จ่ายเท่าไหร่ ต้องใช้เวลามากแค่ไหน ผมก็จะเอาความเห็นชอบจากคุณมาให้ได้”
คำพูดของเขาหนักแน่น
กู้หรงมองเขาอย่างค่อนข้างประหลาดใจ
ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันนี้ แม้จะไม่นานแต่เขาก็พอจะเข้าใจอารมณ์ของเย้นโม่หลินขึ้นมาบ้าง เย็นชาขวานผ่าซาก
จะทำอะไรก็เป็นการออกคำสั่ง ว่าอย่างไรก็ต้องอย่างนั้น เป็นประเภทที่ไม่ยอมรับการโต้แย้ง
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่กู้หรงได้ยินเย้นโม่หลินพูดยาวขนาดนี้
มันเกินความคาดหมายของเขา
กู้หรงเอ่ยเสียงขรึม
“คุณชายเย้น ฐานะของเธอศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง จื่อเฟยเป็นแค่เด็กสาวในเมืองเล็กๆ ความรู้ตื้นเขิน ดูจากหลายๆ ด้านแล้วหล่อนไม่คู่ควรกับเธอ”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วเล็กน้อย “คู่ควรหรือไม่ ไม่ได้ตัดสินกันด้วยสิ่งภายนอกเหล่านั้นหรอกครับ”
ในมุมมองของเขา ของพวกนั้นไม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ท่าทีที่ตรงไปตรงมาแบบนั้นยิ่งทำให้กู้หรงประหลาดใจยิ่งขึ้น
ในแวดวงของพวกเขา เขาก็ยิ่งรู้ดีว่าพวกลูกเศรษฐีรุ่นสองหรือรุ่นหนึ่งเหล่านั้น เพราะมีเงินจึงยิ่งสนใจในเงินทอง ฐานะ
นับประสาอะไรกับคนอย่างเย้นโม่หลินที่ฐานะสูงกว่าและแตกต่าง อาจจะเห็นว่าเรื่องเหล่านั้นสำคัญมาตั้งแต่เด็ก
แต่กลับไม่คิดว่าเรื่องที่เขากังวลที่สุด ในการตอบสนองที่เถรตรงที่สุดของเขามันกลับไร้ค่า
เขาไม่แยแสเลยสักนิด
ในใจของกู้หรงหวั่นไหว ตาชั่งที่ไหวไปมาเริ่มเอนเอียงแล้ว
แม้แต่การมองเย้นโม่หลินก็เจริญตาขึ้นมาก
แต่ความกังวลในใจก็ยังไม่ได้คลี่คลายลงโดยสมบูรณ์
เขามองตรงไปยังเย้นโม่หลินแล้วถามขึ้น “คุณรักเฟยเฟยไหม?”
เย้นโม่หลินที่ตอบคำถามอย่างคล่องแคล่วเมื่อครู่เงียบลงในทันที
นั่นไม่ใช่เป้าหมายที่เขากำลังพยายามทำอยู่ในตอนนี้
เขาตอบเสียงทุ้ม “ผมจะตกหลุมรักเธอ และหลังจากนั้นก็จะเป็นเพียงคนเดียวที่ผมรัก”
จะตกหลุมรัก?
หลังจากนั้น?
กู้หรงสังเกตเห็นความหมายในคำพูดนั้นได้อย่างชัดเจน
เขาตกตะลึง เร่งเสียงขึ้นโดยไม่รู้ตัว “คุณยังไม่ได้รักเฟยเฟยงั้นเหรอ?”
เย้นโม่หลินเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างเยือกเย็น
ความสัมพันธ์ของเขากับกู้จื่อเฟยในตอนนี้ ยังอยู่ในช่วงของการพยายามที่จะรักกัน
กู้หรงยิ่งตกใจ “งั้นทำไมเธอถึงอยากอยู่กับเฟยเฟยกันล่ะ?”
และยังยืนยันความสัมพันธ์แล้วเมื่อสามวันก่อนอีกด้วย
ในความเข้าใจของกู้หรงต่อเย้นโม่หลินนั้น คนนอกอย่างเขารู้ดีว่าเย้นโม่หลินไม่ใช่คนที่จะถูกบังคับหรือทำอะไรเพื่อจะอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งตามอำเภอใจได้
ยิ่งไม่มีทางมาหาเขาแล้วพูดยืดยาวขนาดนั้นเพื่อผู้หญิงที่ไม่ได้รัก
แต่เย้นโม่หลินก็ทำเรื่องพวกนั้นมาหมดแล้ว แต่กลับบอกว่ายังไม่ได้รักกู้จื่อเฟย
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
แววตาของเย้นโม่หลินหม่นลง สีหน้าดูอึดอัดเล็กน้อย
เรื่องแบบนี้เดิมทีเป็นเรื่องไม่ควรพูด
แต่อีกฝ่ายคือคุณพ่อของกู้จื่อเฟย ก็ไม่ควรจะปิดบังเช่นกัน
เขาจึงเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา “ก่อนหน้านี้เพราะความผิดพลาด ผมกับกู้จื่อเฟยจึงเกิดความสัมพันธ์กันขึ้น ด้วยความยินยอมของเธอ ผมจะรับผิดชอบเธอครับ”
หยุดไปเล็กน้อยเขาก็พูดเสริม “ผมยินดีที่จะแต่งงานกับเธอและจะพยายามรักเธอ มอบการแต่งงานที่สมบูรณ์แบบด้วยความรักให้กับเธอ”
คำพูดอันหนักแน่นนั้นราวกับคำสาบาน
สงบใจและไพเราะ
แต่กู้หรงฟังแล้วเบิกตากว้าง แสดงสีหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
นี่เขาได้ยินอะไรมา?
ดังนั้น ที่แท้ก็เพราะเผลอหลับนอนด้วยกันอย่างไม่ระวัง พวกเขาถึงได้คบกันงั้นเหรอ?
นอกจากนั้นเย้นโม่หลินก็รับผิดชอบให้กู้จื่อเฟยด้วย
ขมับของกู้หรงเต้นตุบๆ ปฏิกิริยาแรกในสมองไม่ได้คิดว่าลูกสาวของตนถูกรังแก แต่เป็น….
กู้จื่อเฟยจงใจรึเปล่า?
วางแผนจะนอนกับเย้นโม่หลิน จากนั้นก็ให้เขารับผิดชอบ?
กู้หรงคิดอย่างเด็ดเดี่ยวว่าความเป็นไปได้นี้สูงมากทีเดียว
ส่วนเย้นโม่หลินเจ้าเด็กทึ่มคนนี้ ยังเต็มใจสละทั้งชีวิตของตัวเองเพื่อรับผิดชอบต่อกู้จื่อเฟย
ทันใดนั้นกู้หรงก็เปลี่ยนทัศนคติต่อเย้นโม่หลินไป อีกทั้งมองเขาอย่างเห็นใจนิดๆ
เขาพูด “หยิบไวน์แก้วนั้นขึ้นมาสิ เรามาดื่มกันสักหน่อย”
ดื่มเหล้า?
เย้นโม่หลินไม่เข้าใจ พูดอยู่ดีๆ ทำไมหัวข้อสนทนาเปลี่ยนเป็นอยากดื่มเหล้าไปได้?
เขาพูดอย่างเคร่งขรึม
“คุณอากู้ ดื่มเหล้ามากไปจะไม่ดีต่อร่างกายนะครับ”
“คุณไม่ใช่จะมาคุยกันดีๆ กับฉันหรอกเหรอ? เรามาคุยไปดื่มไปกันเถอะ”
เย้นโม่หลิน “….” ที่พูดไปตั้งเยอะเมื่อกี้นี้ยังไม่เรียกคุยอีกเหรอ?
มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย มองไปยังพ่อตาในอนาคตตรงหน้า รู้สึกว่าเขาและกู้จื่อเฟยสมกับเป็นพ่อลูกกันแท้ๆ ทำเอาเขาตามความคิดพวกเขาไม่ทันเลย
ไม่นานนัก บนโต๊ะที่มีขวดไวน์สองสามขวดและแก้วที่รินไวน์เอาไว้สองใบ
กู้หรงดื่มแก้วต่อแก้ว เหมือนกับความสัมพันธ์แบบเพื่อนทั่วไปอย่างนั้น เขาทักให้เย้นโม่หลินดื่ม
ขณะดื่ม เขาก็ถามอย่างเป็นกันเองว่า
“คุณรู้จักกับกู้จื่อเฟยยังไงเหรอ?”
เย้นโม่หลินดื่มไวน์แดงแล้วเอ่ยตอบในขณะเดียวกัน “เพราะเสี่ยวหว่านน่ะครับ ผมรู้สึกขอบคุณที่กู้จื่อเฟยดูแลเสี่ยวหว่านมานานขนาดนี้”
“ความประทับใจแรกของคุณที่มีต่อกู้จื่อเฟยคืออะไรล่ะ?”
กู้หรงถามอีก
หลังจากเย้นโม่หลินยกแก้วกระดกไวน์ในแก้วรวดเดียวแล้วจึงตอบกลับอย่างช้าๆ
“ไม่ได้ประทับใจอะไร”
กู้หรง “……”
คนที่เจอหน้าแฟนสาวของตัวเองครั้งแรกแล้วไม่มีความประทับใจอะไรเลย เย้นโม่หลินน่าจะเป็นคนแรก
ดูเหมือนว่าเขาไม่มีสิ่งที่เรียกว่ารักแรกพบกับคุณเลย
“มา ดื่มกันต่อ”
กู้หรงรินไวน์ให้กับเย้นโม่หลินอีกอย่างไม่ปล่อยให้แก้วของเขาว่างเลยแม้ครู่เดียว
และเย้นโม่หลินไม่เคยปฏิเสธ เขาดื่มไปแก้วแล้วแก้วเล่า
คำถามของกู้หรงโยนออกมาเรื่อยๆ
“ครั้งแรกที่คุณมีความประทับใจลึกซึ้งต่อกู้จื่อเฟยคือเมื่อไหร่?”
“ตอนนี้คุณคิดว่ากู้จื่อเฟยเป็นยังไง?”
“คุณคิดว่าคุณจะตกหลุมรักหล่อนได้รึเปล่า?”
ทุกคำถามล้วนเกี่ยวกับกู้จื่อเฟยทั้งสิ้น เขาดื่มไปพลางพูดไปพลาง แทบจะเหมือนการคุยเล่นกันอย่างนั้น
แต่กลับยังคงความห่วงใยลูกสาวของตน
ความจริงแล้วเย้นโม่หลินไม่ได้ชอบที่จะคุยกับคนอื่นมากเกินไป แต่เพื่อได้รับความยินยอมของว่าที่พ่อตา เขาจึงบอกไปหมดเปลือกไม่มีกั๊ก