เย้นโม่หลินมองกู้จื่อเฟยอย่างมึนๆ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงวางขวดเหล้าในมือลงอย่างไม่เต็มใจนัก
พูดเสียงต่ำ “ครับ”
โทนเสียงต่ำนั้น ราวกับแสดงอาการคับข้องใจ
กู้จื่อเฟยนิ่งเฉยอย่างกับคนถูกไฟช็อตทันที
เธอมองเย้นโม่หลินด้วยความประหลาดใจ ไม่มีท่าทีโต้ตอบใดๆ เทพบุตรที่ปกติแล้วจะสูงส่งเย็นชาราวกับหิมะ ไม่นึกว่าจะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนเช่นนี้กับเธอ
หัวใจของเธออย่างกับถูกอุ้งเท้าเจ้าแมวน้อยตะปบ
ไม่อาจต้านทานเลยจริงๆ
เย้นหว่านมองพี่ชายตัวเองด้วยความตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก และอดไม่ได้ที่จะมอง
เธอเกรงว่าเมื่อกี้จะฟังผิดไปรึเปล่า?
‘ครับ’คำที่อ่อนโยนซะขนาดนั้น ใช่พี่ชายของเธอจริงๆ เหรอที่พูดออกมาน่ะ?
ความรู้สึกกลับกันอย่างเห็นได้ชัด จนไม่กล้าดูเลย
จากนั้นเธอเพิ่งจะเข้าใจ ทำไมโห้หลีเฉินไม่ให้เธอไปช่วยพยุง กู้หรง นอกจากหญิงชายที่แตกต่างกัน ก็เพราะเขาคาดการณ์ได้ก่อนแล้วว่ากู้จื่อเฟยถูกเย้นโม่หลินกอดรัด
และป่ายฉีที่ไม่ได้ช่วยเย้นโม่หลิน เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องเข้าไปช่วยพยุง กู้หรง
เพราะเธอแค่ต้องการดูความสนุกก็พอแล้ว
ป่ายฉีตกใจยิ่งกว่าเดิม แข็งทื่อไปทั้งตัวราวกับท่อนไม้
ให้ตายเถอะ
พี่ชายเขากลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?เขาไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไม่เชื่อเรื่องที่ได้ยินมา เขาอยากจะสาดน้ำใส่เย้นโม่หลิน ปลุกให้เขารีบๆ ตื่นพาตัวเองที่เย็นชากลับมา
แต่เขายังไม่ทันได้ทำอะไร ก็ได้เห็นฉากที่ทำให้เขาหมดอาลัยตายอยาก
เย้นโม่หลินใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวกู้จื่อเฟยไว้ เอนศีรษะลงบนไหล่ของกู้จื่อเฟยเบาๆ แถมยังลูบไล้
เขาพูดเบาๆ “กู้จื่อเฟย ตัวเธอนุ่มนิ่มดีนะ ฉันชอบกอดเธอจัง”
กู้จื่อเฟยตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที
เธอเบิกตากว้าง มองผู้ชายที่ซบไหล่ของเธออย่างเหลือเชื่อ ด้วยท่าทียังกับเห็นผี
นี่ใช่เย้นโม่หลินรึเปล่าเนี่ย?
ไม่ใช่ว่าถูกใครสลับตัวไปนะ?
เหล่าคนที่มุงดูอยู่ราวกับถูกฟ้าผ่า เย้นหว่านกับป่ายฉีไม่รู้จะอธิบายเงาที่อยู่ในใจตอนนี้อย่างไรดี
ขณะที่กู้จื่อเฟยยังสับสนงุนงงอยู่ เย้นโม่หลินที่พิงกู้จื่อเฟย คลอเคลียกับหน้าหล่อๆ ทีละนิด ทีละนิด
กู้จื่อเฟยถูกกอดรัดแน่นขึ้นในทันที “คุณ คุณจะทำอะไรน่ะ? ”
เย้นโม่หลินจ้องมองกู้จื่อเฟย นัยน์ตาลางๆ ของเขาเหมือนกับมีไฟลุก
“ขอจูบ”
เสียงนุ่มๆ นั่น เหมือนกับกำลังออดอ้อน
ร่างทั้งร่างของกู้จื่อเฟยระเบิดในทันที!
แก้มของเธอแดงอย่างกับลูกแอปเปิล เธอสับสนไปหมด ไม่รู้จะจัดการกับเย้นโม่หลินยังไงดี
ความแตกต่างระหว่างผู้ชายคนนี้กับผู้ชายในความทรงจำนั้นต่างกันมากๆ
แทบจะรับมือไม่ได้เลย
หลังจากป่ายฉีตกใจจนเป็นท่อนไม้ไปแล้ว เขาก็หันกลับมา พูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
“ภาพนี้มันคุ้นอย่างบอกไม่ถูกเลย สองสามคืนก่อน คุณหนูกู้ก็จีบตัวคุณชายเย้นแล้วขอกอดหน่อย จูบหน่อยสิ ดูเหมือนคุณชายเย้นของเราจะเรียนรู้ได้ดีเลยนะ เมาจนลืมไม่ลงแล้ว”
กู้จื่อเฟย “……”
แก้มของเธอร้อนผ่าวด้วยความอาย จนอยากจะมุดแผ่นดินหนีเลยทีเดียว
แรกๆ ก็แค่เขิน ไม่นึกว่าป่ายฉียังเติมเชื้อเข้าไปในกองไฟอีกด้วยการพูดถึงเรื่องในคืนนั้น!
ที่น่ากลัวกว่า เธอดันจำสิ่งที่ทำลงไปเมื่อคืนนั้นได้หมด น่าอายจริง
กู้จื่อเฟยรีบผลักเย้นโม่หลินที่กำลังยืนหน้ามาจูบออกอย่างรวดเร็ว
แต่ผลักออกไปได้แค่นิดเดียว เย้นโม่หลินกลับกอดกู้จื่อเฟยไว้แน่นอย่างกับกาวติดหนึบขึ้นมาทันที
น้ำเสียงดื้นรั้น “กอดเธอถึงจะสบาย อยากกอด อยากกอดไปตลอดเลย”
กู้จื่อเฟย “……”
น่าขายหน้าจัง
เธอหน้าแดงไม่กล้ามองหน้าผู้ชายที่อยู่ข้างกาย หัวใจเต้นแรงจนแทบจะบินออกมาจากอก เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอเย้นโม่หลินที่เป็นแบบนี้ ความสนิทสนมของเขาที่มีต่อเธอทำให้เธอปฏิเสธเขาไม่ได้
สามคนนั้นที่อยู่ข้างๆ ยกเว้นใบหน้าไร้อารมณ์ของโห้หลีเฉิน ส่วนอีกสองคนก็กลายเป็นหินไปแล้ว
เย้นหว่านกับป่ายฉีแสดงออกโดยไม่ได้นัดกันว่า พวกเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เสียมารยาทเอามากๆ ที่เอาเหล้ามาอ้างแล้วลวนลามผู้หญิงแบบนี้
เย้นหว่านลังเลครู่หนึ่ง คิดจะแยกพี่ชายของตัวเองออก
“จื่อเฟย ถ้าอย่างนั้นก็เอาพี่ชายฉันมาให้ฉันเถอะ ฉันจะพาเขาไปนอน”
เย้นหว่านคิดจะเดินเข้าไป
แต่เธอไม่ทันได้เข้าไปใกล้ เย้นโม่หลินเหมือนจะสังเกตเห็นบางอย่าง แล้วกอดกู้จื่อเฟยไว้แน่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ
“ฉันแค่อยากกอดเธอ กู้จื่อเฟย ให้ฉันกอดเถอะนะ”
ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงน้อยใจ จะให้คนเป็นบ้าแท้ๆ
กู้จื่อเฟยกวักมือเรียก แล้วหยิบมือถือออกมาส่งให้เย้นหว่าน
เย้นหว่านทำท่างุนงง “ทำอะไร?”
กู้จื่อเฟยมองผู้ชายข้างกายที่กลายเป็นขนมตังเม รอยยิ้มยินดีปนความเขินอาย
“เธอช่วยฉันถ่ายหน่อยสิ รอพี่เย้นสร่างเมา เดี๋ยวฉันเอาให้เขาดู”
เย้นหว่าน “……”พี่ชายของเธอจะทำหน้ายังไงกันนะ? จะหน้าแตกไหม?
กู้จื่อเฟยยังพูดอีก “หลังจากที่เขาสร่างเมาจะให้เขาอ้อนเป็นเด็กๆ ตั้งตารอเลย”
เย้นหว่านมองกู้จื่อเฟย ไม่รู้จะพูดอะไรเลย
แสดงความชื่นชมเอาไปเลยหนึ่งแสนคะแนน ยอมรับหัวใจอันทรงพลังเธอเลย อายแค่วินาทีเดียว วินาทีต่อมาวางแผนแกล้งพี่ชายเธอคืน
ไม่แปลกใจเลยที่เย้นโม่หลินตกอยู่ในกำมือของกู้จื่อเฟยไม่อาจควบคุมตัวเองได้
แต่ เย้นหว่านก็ไม่คัดค้านสักนิด
เธอก็อยากเห็นมาก หลังจากที่พี่ชายเธอสร่างเมาแล้วเห็นสภาพตัวเองอย่างนี้ จะมีปฏิกิริยายังไงนะ
รับรองว่า สนุกแน่
เย้นหว่านเริ่มถ่ายคลิปวิดีโอทันที
ป่ายฉียืนอยู่ข้างๆ อย่างหมดอาลัยตายอยาก รู้สึกว่าท้องฟ้ามืดมน มองไม่เห็นอนาคตอีก
อนาคตจะเป็นอย่างไร มีแต่เรื่องน่าอาย
เขาเดินไปหา กู้หรงอย่างอ่อนแรง ตั้งใจช่วยเหลือเขาจากชะตาชีวิต จะได้ออกจากสถานที่น่าเจ็บปวด
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
ในเวลานั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ประตูเปิดออกมาพบกับเว่ยชียืนที่อยู่ กล่าวอย่างเคารพต่อโห้หลีเฉิน
“ท่านครับ ข่าวใหม่ล่าสุด ฝู้เหวยข่ายเดินทางกลับตระกูลฝู้แล้ว”
โห้หลีเฉินหรี่ตาของเขา เผยให้เห็นรอบยิ้มชั่วร้ายตรงมุมปาก
เหยื่อติดแล้วล่ะ
เขาหันมาพูดกับเย้นหว่าน “พวกเราต้องออกเดินทางตอนนี้ ไปเมืองเจียง”
เย้นหว่านแปลกใจ มองเย้นโม่หลินเมาหมดสติและยังกอดกู้จื่อเฟย ลำบากใจอย่างมาก
“แล้วพี่ชายฉันล่ะ?”
โห้หลีเฉินพูดอย่างตรงไปตรงมา “ไปขึ้นรถ พอถึงที่นั้น ฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็พอสร่างแล้ว”
เย้นหว่านมุมปากกระตุก มองเย้นโม่หลินอย่างกังวลใจ
พาเขาขึ้นรถสภาพนี้เนี่ยนะ
เธอขยิบตาใส่กู้จื่อเฟย “จื่อเฟย เธอโอเคไหม?”
เย้นโม่หลินตอนนี้อย่างกับขนมตังเม ซึ่งระหว่างทางหมายความว่า ต้องอยู่ในท่าดูแลเด็กทารก ก่อนที่เย้นโม่หลินจะสร่างเมา
กู้จื่อเฟยไม่ลังเล แล้วพยักหน้ารับ
“ฉันไม่เป็นไร ธุระสำคัญกว่า”
สองวันมานี้พวกเขาเฝ้ารอให้ฝู้เหวยข่ายเดินทาง ในที่สุดก็มาถึง ไม่มีเหตุผลที่จะล่าช้าว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ส่วนเย้นโม่หลิน……
กู้จื่อเฟยมองเย้นโม่หลินที่กอดเธอแน่น กระซิบเสียงเบา
“พวกเราไปด้วยกัน ดีไหม?”