ป่ายฉีมองหน้าตาลังเลของกู้จื่อเฟยแล้วอดเร่งรัดไม่ได้
“กู้จื่อเฟย รีบเอามือถือออกมาสิ”
ขืนชักช้า เดี๋ยวฝู้ยวนออกมาก็ไม่ได้ดูแล้ว
กู้จื่อเฟยมองเย้นโม่หลินอย่างลังเลตัดสินใจไม่ได้พร้อมถามว่า “คุณอยากดูจริงเหรอคะ?”
เย้นโม่หลินพยักหน้า “อืม”
“งั้นก็ได้”
ในที่สุดกู้จื่อเฟยก็ประนีประนอม
เธอลงมาจากรถ แล้วเดินมาที่ข้างกายเย้นโม่หลินพร้อมพูดกับเขาว่า “เดี๋ยวเอาไว้เหลือแค่เราสองคน ฉันค่อยให้คุณดูค่ะ”
แววตาของเย้นโม่หลินขยับเล็กน้อย พร้อมมองกู้จื่อเฟยด้วยแววตาลึกซึ้ง นี่เธอกำลังปกป้องเขา ไม่อยากให้เขาขายหน้าต่อหน้าทุกคนเหรอ?
แต่ถ้าทั้งสองดูเป็นการส่วนตัว ถึงเขาขายหน้ายังไง ก็มีแค่เธอเห็นคนเดียว
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เย้นโม่หลินค่อนข้างว้าวุ่น ที่จริงเขาไม่อยากให้เธอเห็นเขาขายขี้หน้าที่สุด แต่กลับถูกเธอเห็นคนเดียว แต่ความรู้สึกแบบนี้กลับไม่ทำให้เขาต่อต้านเลย
เย้นโม่หลินไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ก็ได้ตอบเบาๆคำหนึ่ง “โอเค”
ป่ายฉีกลับปรี๊ดแตกในทันที พร้อมพูดเสียงสูง “เฮ้ๆๆ กู้จื่อเฟยนี่เธอทำแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย?ของน่าดูก็ต้องด้วยกันทุกคนสิถึงจะสนุก พวกเธอสองคนดูเองจะไปสนุกอะไร”
กู้จื่อเฟยหันไปมองป่ายฉีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมพูดอย่างชิวๆ “ก็ต้องสนุกอยู่แล้ว ดูสองต่อสองฉันถึงจะจู๋จี๋กับพี่เย้นของฉันได้”
ป่ายฉี “……” จู่ๆรู้สึกหมดคำพูด แถมยังมาโชว์ความรักหวานชื่นต่อหน้าเขาอีก
แววตาของเย้นโม่หลินระยิบระยับเล็กน้อย แววตาลุกวาวอย่างห้ามใจไม่ได้
แม้แต่ความอึดอัดเสี้ยวสุดท้ายเขาก็ไม่แคร์แล้ว แม้กระทั่งตั้งตารอกู้จื่อเฟยดูคลิปวิดีโอนี้กับเขาสองต่อสอง ดูเขาขายขี้หน้า
เย้นหว่านส่ายหัวอย่างจนปัญญา “เฮ้อ ไม่มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว”
กู้จื่อเฟยเพิ่งจะคบกับเย้นโม่หลิน ก็เริ่มปกป้องเย้นโม่หลินแล้ว ปกป้องอย่างกับหัวแก้วหัวแหวน แม้แต่เรื่องขายหน้าก็ไม่ให้ดูหน่อย
ต่อไปคงยิ่งไม่มีทางได้ดูแล้ว จู่ๆเหมือนชีวิตได้ขาดความสนุกไปนิดหน่อย
โห้หลีเฉินยื่นมือโอบเย้นหว่านไว้ หัวเราะเสียงต่ำพร้อมพูดว่า “อยากดูขนาดนั้นเลยเหรอ?เดี๋ยวผมกลับไปถ่ายให้คุณดู”
ทันใดนั้นแววตาของเย้นหว่านเปล่งประกายขึ้นมาจริงๆ “ของคุณ?”
โห้หลีเฉินยิ้มเล็กน้อย “ของคุณ”
เย้นหว่าน “……”
จู่ๆก็รู้สึกไม่อยากดูแล้ว
ฝู้ยวนเอายาสมุนไพรออกมา หลังจากผ่านการตรวจสอบของป่ายฉี ได้แน่ใจว่าคือหยิงหลิงไม่มีผิด
พวกเขาได้ขึ้นเครื่องเดินทางไปที่ตระกูลหยูโดยตรง
อยู่บนเครื่องบิน ป่ายฉีก็เริ่มลงมือสกัดฤทธิ์ยาออกมา และเคี่ยวเป็นยาน้ำให้โห้หลีเฉินดื่ม
เห็นโห้หลีเฉินได้ดื่มยาครึ่งถ้วยจนหมด เย้นหว่านมองเขาด้วยความตื่นเต้นพร้อมพูดว่า “รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ?”
โห้หลีเฉินยิ้มอย่างจนปัญญา เพิ่งจะดื่มลงไปเอง ถึงยาวิเศษก็เห็นผลเร็วขนาดนี้หรอก
แต่เขาก็ยังได้พูดอย่างเอ็นดู “ขมนิดหน่อย ถ้ามีลูกอมสักเม็ดก็คงจะดีแล้ว”
เย้นหว่าน “……” เธอได้ถามอันนี้เหรอ?
ด้วยความจนปัญญา เธอรีบหาลูกอมออกมาเม็ดหนึ่งจากตู้ที่อยู่ข้างๆ แกะกระดาษลูกอมออกแล้วป้อนเข้าไปในปากของโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินหุบปากเร็วมาก ได้กัดนิ้วของเย้นหว่านไปด้วย
การสัมผัสที่นิ่มนวลนั้น ทำให้แก้มของเย้นหว่านแดงก่ำขึ้นมาทันที ราวกับว่ากระแสไฟได้ส่งจากนิ้วมือมาที่หัวใจของเธอ
“คุณทำอะไร?” เธอรีบดึงมือกลับอย่างเขินอาย
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าโห้หลีเฉินยิ่งลึกซึ้งขึ้น แววตาเหมือนมีเปลวไฟกระโดดโลดเต้นอยู่เบาๆ
บรรยากาศของทั้งคู่กุ๊กกิ๊กจนทำให้คนโกรธจนผมชี้ตั้ง
ป่ายฉีมุมปากกระตุกยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าเขาเป็นหนุ่มโสดมายี่สิบกว่าปี ก็ไม่เคยถูกทำร้ายจิตใจหนักเท่าหลายวันนี้มาก่อน
เย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟยโชว์ความหวาน โห้หลีเฉินกับเย้นหว่านยังมาสาดความหวานใส่อีก
จิตใจเขาหดหู่ จู่ๆรู้สึกสงสัยชีวิตนิดหน่อย เขาก็ควรจะหาแฟนสักคนแล้วใช่มั้ย?
หลังจากทานยาไปครึ่งชั่วโมง ร่างกายของโห้หลีเฉินเริ่มมีปฏิกิริยาแล้ว
เหมือนที่ป่ายฉีคาดการณ์ไว้เลย เลือดของเขาเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนมาไหลเวียนดีขึ้น จากเมื่อก่อนที่ไหลเวียนไม่ดีได้ฟื้นฟูกลับมาปกติ
สภาพร่างกายถึงขั้นไม่เลวเลย
สามารถบอกได้ว่า ถ้าโห้หลีเฉินกินยาตัวที่สามลงไป ร่างกายของเขาจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก แท้กระทั่งจะแข็งแรงกว่ายุคทองของเมื่อก่อนเสียอีก
สามารถถือได้ว่ามีความโชคดีในความโชคร้าย
และตอนนี้ โลหิตของเขาก็จะสามารถเปิดคลังสมบัติของตระกูลหยูได้อย่างสิ้นเชิง
เนื่องจากจะเปิดคลังสมบัติของตระกูลหยู โห้หลีเฉินจึงได้ให้คนแจ้งเรื่องนี้ให้หยูฉู่สองทราบล่วงหน้า
สามารถเปิดคลังสมบัติออก หยูฉู่สองย่อมยินดีมากๆอยู่แล้ว
ถึงแม้เขาเป็นผู้นำตระกูลหยูมานานหลายปี แต่ก็ไม่มีสิทธิ์เปิดคลังสมบัตินี้ สำหรับคลังสมบัติที่ใหญ่มหาศาลของตระกูลหยู เขาเองก็นึกอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน
ตอนนี้สามารถเปิดคลังสมบัติเข้าไปดูในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ สำหรับเขากับตระกูลหยูแล้ว ล้วนเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
เพราะฉะนั้น พอเขาได้ยินข่าว ก็ได้เปิดเส้นทางลับที่ไปคลังสมบัติไว้แต่เนิ่นๆ พาพ่อบ้านที่ไว้ใจได้ที่สุดกับบอดี้การ์ดสิบคนที่จงรักภักดี มารอโห้หลีเฉินอยู่ที่ทางเข้าไปสู่ห้องลับ
ส่วนผู้อาวุโสคนอื่นๆของตระกูลหยู ตอนนี้เขายังปิดบังไว้อยู่ ไม่คิดจะบอกในทันที
ถึงแม้คลังสมบัติของตระกูลหยูเป็นสมบัติทั้งหมดของตระกูลหยู แต่ตอนนี้ไม่มีใครรู้สถานการณ์ของด้านใน เขาในฐานะผู้นำตระกูล ต้องเข้าไปดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยพูด
นี่เป็นเหตุผลแค่ผิวเผิน ในใจเขาย่อมมีความเห็นแก่ตัวอยู่แล้ว
หลังจากโห้หลีเฉินและพวกลงจากเครื่อง ก็ไม่ได้ล่าช้า ภายใต้การนำทางของหยูฉู่สองได้ไปห้องลับจากเส้นทางลับโดยตรง
หยูฉู่สองรออย่างตื่นเต้นและดีใจ เห็นโห้หลีเฉินเดินเข้ามา ทันใดนั้นใบหน้าได้เผยรอยยิ้มที่ชื่นใจสุดขีดออกมา
“เฉิน หลานไม่ทำให้ปู่ผิดหวังจริงๆ……”
คำพูดของเขายังพูดไม่จบ รอยยิ้มของใบหน้าก็ได้แข็งทื่อตามแล้ว
หยูฉู่สองขมวดคิ้วไว้ สายตาเปลี่ยนมาเฉียบคมและอันตรายในทันที มองคนที่อยู่ข้างหลังโห้หลีเฉินอย่างระแวง
ในนั้นมีเย้นหว่าน เย้นโม่หลิน กู้จื่อเฟยป่ายฉีแล้วก็ฝู้ยวน
เย้นหว่านเป็นยอดรักดวงใจและว่าที่ภรรยาของโห้หลีเฉิน นายหญิงของตระกูลหยู เธอเข้าไปที่คลังสมบัติของตระกูลหยูด้วย เขาสามารถทนได้
แต่เย้นโม่หลินเป็นคนของตระกูลเย้น ถึงแม้ทั้งสองตระกูลมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก แต่คลังสมบัติของตระกูลหยูถือเป็นความลับ ให้เขาเข้าไป ไม่ว่าจะเหตุหรือผลล้วนไม่ค่อยดี
ป่ายฉีกับกู้จื่อเฟยยิ่งไม่ต้องพูดถึง ป่ายฉียิ่งเป็นคนนอก ส่วนกู้จื่อเฟยหยูฉู่สองยิ่งไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเธอคือใคร
และฝู้ยวนอีก หยูฉู่สองยิ่งมองข้ามเขาโดยตรง คนนอกคอกแบบนี้ อย่าคิดจะได้เข้าไปในคลังสมบัติของตระกูลหยูเลย
เข้าคลังสมบัติครั้งแรก แม้แต่ผู้อาวุโสของตระกูลหยูเขาก็ยังปิดบังเลยนะ
หยูฉู่สองสำรวจไปรอบหนึ่ง ก็ได้พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “นอกจากเย้นหว่าน คนอื่นล้วนเข้าไปไม่ได้ ก่อนที่เย้นหว่านจะเข้าไป ก็ต้องเซ็นสัญญารักษาความลับก่อน”
รู้สึกได้ว่าตัวเองจะพูดจาเย็นชาเคร่งขรึมเกินไป หยูฉู่สองได้ซอฟน้ำเสียงลงมาหน่อยหนึ่งพร้อมอธิบายว่า “คลังสมบัติเป็นเส้นชีวิตสำคัญที่สุดของตระกูลหยู สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นก็เพื่อรากฐานของตระกูล ยิ่งเป็นความลับขั้นสุดยอด หวังว่าพวกคุณจะเข้าใจนะ”
คำพูดมีเหตุมีผล ความลับของตระกูลคนอื่น คนนอกไม่สมควรเข้าไปจริงๆ อันนี้สามารถเข้าใจได้อยู่ แต่ฝู้ยวนได้ขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า “ผมจำเป็นต้องเข้าไปครับ”