พริบตาเดียวหยูฉู่สองก็สีหน้าบูดบึ้งขึ้นมาทันที
รอมาทั้งชีวิต กว่าจะรอโอกาสได้เปิดคลังสมบัติของตระกูลหยูไม่ใช่ง่ายๆ นี่เป็นโอกาสหายากที่จะทำให้ตระกูลหยูใหญ่โต เขาจะยอมให้มันปิดผนึกต่อไปได้อย่างไง
นั่นมันทำลายสิ่งของให้เสียหายตามอำเภอใจ พลาดโอกาสดีไปชัดๆ
แต่เรื่องที่ใหญ่โตกับตระกูลหยูแบบนี้ สำหรับโห้หลีเฉินกลับไม่ใส่ใจและไม่แคร์เลย
ท่าทางนั้น คือจะไปจากในทันทีทันใดเลย
อยู่สถานภาพแบบนี้ หยูฉู่สองยิ่งแคร์ก็ยิ่งเสียเปรียบ
ในใจเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ความโมโห แต่ไม่มีที่ระบาย ได้แต่ฝืนทนเอาไว้
หมดหนทางจริงๆ หยูฉู่สองได้พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ปู่ให้เขาเข้าไปครั้งหนึ่งก็ได้ แต่ต้องรับปากข้อเรียกร้องของปู่ ไม่งั้น ปู่ยอมปิดผนึกคลังสมบัติถาวร ก็ไม่ให้คนนอกเข้าไป”
ฝู้ยวนได้เปิดปากพูดอย่างจริงใจทันที “ผู้นำตระกูลหยูมีข้อเรียกร้องอะไรก็พูดมาได้เลยครับ ขอแค่ผมสามารถทำได้ ผมจะทำตามแน่นอนครับ”
ท่าทีนี้ สามารถบอกได้ว่าประจบประแจงอย่างไม่รู้สึกอายมากๆ
ถ้าไม่ใช่เขาเท่านั้นที่สามารถเข้าไปหาตำราการแพทย์เจอ ก็ไม่ดื้อดึงเรียกร้องเข้าไปหรอก
เพราะสำหรับฝู้ยวนแล้ว ตระกูลเขาเมื่อเทียบกับตระกูลหยูแล้ว ไม่คู่ควรแก่การพูดถึงจริงๆ
สายตาที่หยูฉู่สองมองเขาไม่เป็นมิตรเลย อีกทั้งยังพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม
“ข้อหนึ่ง ก่อนจะเข้าไป นายจะต้องเซ็นสัญญารักษาความลับก่อน ขอแค่เป็นสิ่งของที่เห็นจากข้างใน จะการจัดวางหรือการจับดูก็ดี ห้ามรั่วไหลออกไปข้างนอกแม้แต่คำเดียว มิเช่นนั้นจะกำจัดตระกูลฝู้ให้สิ้นซาก
ข้อสอง นอกจากตำราการแพทย์แล้ว นายจะดูและแตะต้องของใดๆของด้านในไม่ได้ ถึงมองเห็นโดยที่ไม่ระวัง ก็ต้องลืมให้หมด
ข้อสาม หลังจากเข้าไป จะกระทำอันใดเพียงลำพังไม่ได้ เรื่องที่ทำทั้งหมดต้องให้ฉันเห็นหมด”
สำหรับข้อเรียกร้องสามข้อนี้ ฝู้ยวนได้พยักหน้าโดยที่ไม่คิดเลย
กิริยาท่าทางดีมากๆ “ผู้นำตระกูลหยูวางใจได้ครับ ผมจะทำตามทุกข้ออย่างเคร่งครัดครับ”
มองหน้าตาใจกว้างไม่หวังอะไรอย่างอื่นของฝู้ยวนแล้ว หยูฉู่สองหรี่ตา แววตาเต็มไปด้วยการสำรวจที่เฉียบคม
เขาไม่หวังอะไรอย่างอื่นจริงๆหรือว่าเสแสร้งกันแน่?
ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังไม่พอใจและมีอคติสุดลึกกับฝู้ยวนอยู่ดี
“หยูเซิน ไปร่างสัญญามา”
“ครับ คุณท่านรอสักครู่ครับ”
พ่อบ้านได้โน้มตัวอย่างเคารพนอบน้อม จากนั้นได้เดินจากไป
สักพัก ก็ได้เดินมาพร้อมกับสัญญาฉบับที่เพิ่งร่างออกมาใหม่เอี่ยม หลังจากหยูฉู่สองดูแล้วได้ยื่นมาที่ตรงหน้าของฝู้ยวน
พ่อบ้านหยูเซินพูดว่า “คุณฝู้ นี่เป็นสัญญารักษาความลับครับ ถ้าคุณเผยข้อมูลอันใดของด้านในออกมา ตระกูลฝู้จะกลายเป็นของตระกูลหยูทั้งหมดทันที อีกอย่าง คนของตระกูลฝู้จะมีตระกูลหยูจัดการหมด รวมทั้งความเป็นความตายครับ”
คำสุดท้าย ทำให้ร่างกายของฝู้ยวนอดเกร็งไม่ได้
รวมทั้งความเป็นความตาย พออธิบายคำนี้แล้ว ก็ความหมายว่าจะฆ่าพวกคนตระกูลฝู้ให้สิ้นซาก
กำจัดตระกูล
เรื่องโหดร้ายทารุณแบบนี้ สำหรับตระกูลหยูแล้วกลับเป็นแค่เรื่องชิวๆเท่านั้นเอง
สีหน้าฝู้ยวนซีดเล็กน้อย แววตาลึกๆมีความหวาดกลัวระยิบระยับอยู่ ทันใดนั้นเขาได้พูดอย่างจริงใจ “วางใจได้ครับ ผมจะไม่พูดออกไปแม้แต่คำเดียวแน่นอนครับ”
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความใจเด็ดของเขา ฝู้ยวนได้หยิบปากกาขึ้นมา เซ็นชื่อตัวเองลงไปโดยที่ไม่อ่านรายละเอียดของเนื้อหาเลย
สัญญาฉบับนี้น่ากลัวมาก แต่ก็เรียบง่ายมาก ขอแค่เขาไม่พูดก็จะไม่เป็นไร
เป้าหมายของเขาก็แค่เอาตำราแพทย์เท่านั้น
หยูเซินคอนเฟิร์มลายเซ็นของฝู้ยวนแล้ว ได้พยักหน้าให้หยูฉู่สอง ทีนี้ถึงได้เก็บสัญญาไว้
จากนั้นได้เดินมาที่หน้าห้องลับ กดปุ่มลับปุ่มหนึ่ง และเปิดประตูห้องลับออก
เห็นแค่ประตูบานใหญ่สูงห้าเมตรของตรงหน้าได้ค่อยๆเปิดออก เผยช่องว่างของด้านในออกมา
ด้านในเป็นห้องที่เรียบง่ายมากๆ ในห้องมืดสนิท แม้แต่หน้าต่างก็ไม่มี มองไม่เห็นอะไรเลย
หยูเซินทำทุกอย่างเสร็จ ได้หันไปมองหยูฉู่สองแล้วพูดอย่างเคารพนอบน้อม “คุณท่านครับ เตรียมเรียบร้อยหมดแล้วครับ”
หยูฉู่สองมองฝู้ยวนอย่างไม่พอใจแว๊บหนึ่ง จากนั้นได้เดินผ่านโห้หลีเฉินเข้าไปข้างในอย่างหน้าบึ้งโดยตรง
เย้นหว่านมองห้องที่มืดสนิท ในใจค่อนข้างตื่นเต้น ได้ดึงมือของโห้หลีเฉินไว้ด้วยจิตใต้สำนึก
โห้หลีเฉินได้กุมมือเล็กๆของเธอไว้
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นที่ข้างหูเธอเบาๆ “ไม่เป็นไรนะ มีผมอยู่”
ถึงจะมืดสนิทไม่รู้ว่าข้างในเป็นยังไง ขอแค่มีเขาอยู่ เขาก็จะส่องแสงสว่างให้เธอ
พริบตาเดียวหัวใจที่หวาดกลัวของเย้นหว่านก็ได้สงบลงมา
เธอแหงนหน้ามองเขาพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
เธอไม่กลัว
ยิ่งไปกว่านั้นด้านในเป็นแค่เส้นทางที่ไปคลังสมบัติเฉยๆ ไม่ใช่ถ้ำที่เต็มไปด้วยสัตว์ดุร้ายสักหน่อย
“คุณชาย เชิญครับ”
หยูเซินยืนอยู่ข้างๆ ทำท่ามือเรียนเชิญออกมาอย่างเคารพ
โห้หลีเฉินมองดูด้านใน ก็เห็นหยูฉู่สองที่เดินเข้าไปก่อน ฝีเท้าสงบนิ่ง ใกล้จะมองไม่เห็นเงาคนแล้ว
นั่นก็แสดงว่า อย่างน้อยทางข้างหน้าคือทางเรียบ
เขาจูงมือเย้นหว่านเดินเข้าไปข้างในด้วยกัน
ฝู้ยวนตื่นตาตื่นใจ พร้อมเดินตามไปทันที
จากนั้นพ่อบ้านก็ได้เดินตามเข้าไป เขาเพิ่งเดินเข้าไปไม่ถึงสองก้าว ประตูบานนี้ได้ก็ปิดจากด้านในแล้ว
กู้จื่อเฟยมองประตูบานใหญ่นั้นอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย พร้อมพูดเสียงต่ำว่า “เสี่ยวหว่านเข้าไปแบบนี้ คงไม่เป็นไรมั้งคะ?”
ถึงแม้หยูฉู่สองเป็นปู่ของโห้หลีเฉิน แต่แม้แต่เธอเองก็ยังรู้เลยว่าหยูฉู่สองไม่ค่อยมีความผูกพันกับโห้หลีเฉินเท่าไหร่ แม้กระทั่งยังเป็นบุคคลที่อันตรายสุดๆคนนหนึ่ง
แถมตอนนี้หยูฉู่สองไม่พอใจซะขนาดนั้น กู้จื่อเฟยถึงขั้นกลัวว่าพอเข้าไปในคลังสมบัติแล้ว หยูฉู่สองจะทำเรื่องเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลกับโห้หลีเฉินหรือเปล่า
“วางใจเถอะ โห้หลีเฉินเป็นผู้สืบทอดตระกูลที่มีสายเลือดโดยตรงหนึ่งเดียวของตระกูลหยู ถ้าไม่ถึงขั้นหมาจนตรอก หยูฉู่สองไม่ลงมือกับโห้หลีเฉินหรอก”
ระหว่างที่เย้นโม่หลินพูด กลับมองประตูบานนั้นด้วยสายตาเคร่งขรึม แววตาลึกๆค่อนข้างตึงเครียด
คลังสมบัติของตระกูลหยูเปิดออกปุ๊บ ทรัพยากรของด้านในจะทำให้อำนาจของตระกูลหยูเพิ่มขึ้นทวีคูณโดยตรง ถึงขั้นกว้างขวางยิ่งขึ้น
มีความเป็นไปได้สูงว่าตระกูลหยูจะจากตระกูลใหญ่ระดับโลก ก้าวกระโดดขึ้นไปเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยเหตุนี้ ไม่มีอำนาจใดๆสามารถสั่นคลอนได้
ตามสันดานของหยูฉู่สอง เย้นหว่านแต่งเข้าตระกูลหยูก็ไม่รู้ว่าดีหรือร้าย
ประตูปิดลง ตรงหน้าที่เดิมทียังมีแสงสว่างอยู่นิดหน่อย ได้เข้าสู่ความมืดมิดที่ยื่นมือไม่เห็นห้านิ้วอย่างสิ้นเชิง
ข้างหู สามารถได้ยินแค่เสียงฝีเท้าเดิน
ยังไงเย้นหว่านก็รู้สึกกลัวความมืดที่มองไม่เห็นแบบนี้อยู่ดี ร่างเล็กๆแทบจะยืนแนบชิดกับโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินหยุดฝีเท้าลง และสั่งการด้วยเสียงทุ้ม “เปิดไฟ”
หยูฉู่สองที่ยังจะเดินไปข้างหน้าต่อ ได้ยินคำนี้แล้วหยุดฝีเท้าลง
ผ่านไปสามวิ เขาถึงเปิดปากพูด “เปิดไฟเลย”
“ครับ คุณท่าน”
หลังจากหยูเซินพูดจบ จู่ๆในพื้นที่อันมืดมิดได้มีไฟสว่างขึ้นมาจากบนหัว
จู่ๆตรงหน้าสว่างไสวขึ้นมา เย้นหว่านเอามือปิดตาไว้อย่างไม่คุ้นชิน
ผ่านไปสักพักถึงค่อยๆลืมตาขึ้น หลังจากมองสถานการณ์ของด้านในชัดเจนแล้ว ได้ส่งเสียงตื่นตะลึงออกมาอย่างเหนือความคาดหมาย
“นี่ นี่ไม่ใช่ห้องลับเหรอ?ทำไมถึง……”