ภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า มีสาวใช้ยืนอยู่ข้างกำแพงสี่คน เมื่อได้ยินคำพูดของโห้หลีเฉิน ก็ยิ้มน้อยๆและก้าวขึ้นมาด้านหน้าทันที พร้อมกับนำชุดแต่งงานลงมาด้วยความระมัดระวัง
หลังจากนั้นก็เอ่ยกับเย้นหว่านอย่างเคารพนบนอบว่า “คุณหนู พวกเราจะสวมให้คุณค่ะ”
เย้นหว่านมองดูชุดแต่งงานที่จำเป็นต้องใช้คนจำนวนสามคนจึงจะสามารถถือเอาไว้ได้แล้ว แววตาก็เปล่งประกายอย่างอดไม่อยู่
นี่คือชุดแต่งงานที่มีนัยยะสำคัญว่าเป็นของเธอโดยแท้จริง
เธอสูดจมูก พยักหน้า
เต็มไปด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ และยังมีความตื่นเต้นและความปลาบปลื้มยินดี
ผ่านเรื่องราวมามากมายขนาดนี้ ในที่สุดเธอก็จะได้แต่งให้กับโห้หลีเฉินแล้ว จนกระทั่งตอนนี้ เธอเพิ่งจะสัมผัสได้ถึงความจริงแท้ของเรื่องที่เหมือนกับความฝันเรื่องนี้
โห้หลีเฉินเดินออกไปจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
ด้านในเหลือเพียงแค่เย้นหว่านและสาวใช้อีกสี่คนที่ทำหน้าที่เปลี่ยนชุดแต่งงานให้กับเย้นหว่าน
โห้หลีเฉินนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องด้วยท่าทางสง่างามและสูงส่ง แต่สายตากลับมองไปยังทิศทางห้องเปลี่ยนเสื้อโดยไม่ขยับไปไหนตั้งแต่ต้นจนจบ
หากมองอย่างละเอียดแล้ว ก็คล้ายกับว่ามีความตื่นเต้นเล็กๆอยู่เลือนราง
กู้จื่อเฟยก็นั่งรออยู่อีกด้านหนึ่งเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นการตกแต่งเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกภายในห้องแล้ว ก็รอเย้นหว่านสวมชุดแต่งงานออกมา ภายในใจเต็มไปด้วยความอิจฉา
มีโห้หลีเฉินอยู่ เย้นหว่านนั้นถูกทะนุถนอมจนกลายเป็นองค์หญิงไปแล้ว เขารับผิดชอบหาเงินเลี้ยงครอบครัว และจัดการทุกสิ่ง ส่วนเธอก็เพียงแค่งดงามอย่างบุปผาต่อไป
ความสัมพันธ์แบบนี้ ดีเสียจนทำให้กู้จื่อเฟยอิจฉา
ถ้าหากว่าเธอกับเย้นโม่หลินจะสามารถเป็นแบบนี้ด้วยได้…
เพิ่งจะคิดถึงตรงนี้ กู้จื่อเฟยก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ทำให้พี่เย้นลำบากใจมากเกินไปแล้ว
เย้นโม่หลินก็ดีมากเช่นกัน แต่เขากลับไม่ใช่แฟนหนุ่มที่ละเอียดรอบคอบ ดูแลด้วยความอ่อนโยนเหมือนกับโห้หลีเฉิน แต่เป็นผู้ชายประเภทที่คิดอะไรก็พูดออกมาแบบนั้น และไม่ค่อยเข้าใจความคิดของผู้หญิง
การเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด สายตาดีเลิศ เรื่องแบบนั้นไม่มีอยู่จริง
แต่พี่เย้นก็มีข้อดีของพี่เย้น ยกตัวอย่างเช่น…
กู้จื่อเฟยลูบคาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยแววขบคิด คล้ายกับว่าสิ่งที่เธอรู้นั้นไม่ค่อยมากเท่าใด
แรกเริ่มเธอถูกหน้าตาของเย้นโม่หลินปราบเสียราบคาบ ตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกพบ หลังจากนั้นก็ถูกบุคลิกภาพและเสน่ห์ดึงดูด เย็นชาดุดัน ถึงแม้จะเป็นท่าทีที่ห่างเหินต่อผู้คนก็ยังรู้สึกว่าหล่อเหลาอย่างที่สุด
ความสามารถเขายอดเยี่ยม จัดการเรื่องราวใดๆล้วนเป็นไปตามระเบียบแบบแผน ราวกับว่าทุกเรื่องราวล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา คล้ายกับว่าเป็นราชามาแต่กำเนิด
กระทั่งท่าทีดื้อดึงและยึดถือในประเพณีของเขาก็ยังเจริญตามาก
เพียงแต่ว่า เมื่อเขาอยู่ในห้วงแห่งความรักจะมีสภาพเป็นอย่างไร จะแสดงออกอย่างไรกันแน่นั้น กู้จื่อเฟยยังไม่ชัดเจนมากพอ
อย่างน้อยเมื่อเทียบกับความเข้าใจระหว่างกันและกันของเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินนั้นก็ยังห่างชั้นอยู่มาก
บางที เธอคงต้องสืบเสาะค้นหาให้มากหน่อย
พี่เย้นของเธอจะเป็นแบบไหนกันนะ
หลังผ่านช่วงเวลาแห่งการรอคอยไปพักหนึ่ง ประตูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ถูกเปิดออกจากด้านใน
สายตาของโห้หลีเฉินและกู้จื่อเฟยล้วนมองเข้าไปด้านในทันที
เสี้ยวพริบตานั้น ทั้งสองคนมีความรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าสว่างจ้า
กู้จื่อเฟยนั้นตะลึงค้างไปแล้ว เอ่ยออกมาด้วยความตะลึงว่า “โอ้โฮ สวยเกินไปแล้วนะ!”
เสี้ยววินาทีนั้น เธอยังนึกว่าตัวเองได้เห็นนางฟ้า
สายตาที่มองตรงไปยังร่างเย้นหว่านของโห้หลีเฉินนั้นทำให้คนร้อนรุ่มยิ่งกว่า คล้ายกับว่าวินาทีถัดไปก็สามารถจุดไฟขึ้นมาได้อย่างไรอย่างนั้น
มุ่งมั่นและร้อนแรง
เย้นหว่านแก้มแดงระเรื่อ ท่าทางดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก
เธอมองตอบสายตาโห้หลีเฉินที่เป็นประกายไม่หยุด “สวยไหมคะ”
เธอถามเสียงเบา
โห้หลีเฉินมองเธอตรงๆ โดยไม่พูดอะไร
ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืน เดินไปถึงด้านหน้าเย้นหว่านด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับวาดแขนโอบเอวเธอเอาไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเอง
เย้นหว่านตะลึงเล็กน้อย มองไปทางเขาด้วยความประหลาดใจ แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก ริมฝีปากบางของโห้หลีเฉินก็หยุดเสียงของเธอเอาไว้เสียแล้ว
จูบของเขานั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บ้าคลั่งราวกับพายุฝน
เย้นหว่านตัวแข็งทื่อในทันที
แก้มแดงก่ำ หัวใจเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าจะสามารถกระเด็นหลุดออกมาจากอกได้ทุกนาที
ทำไมโห้หลีเฉินไม่พูดอะไรแต่จูบเธอเสียอย่างนั้น
ข้างๆยังมีคนดูอยู่เยอะแยะขนาดนี้นะ!
น่าอายเกินไปแล้ว
แต่จูบของเขานั้นทั้งดุเดือดและรุนแรง เย้นหว่านไม่สามารถปฏิเสธได้เลยแม้แต่น้อย ทั่วทั้งร่างคล้ายกับว่าถูกตะคริวกินอย่างไรอย่างนั้น จึงทำได้เพียงแค่พิงร่างเข้ากับเขา
ปล่อยให้เขาเรียกร้องตามใจปรารถนา
สาวใช้สี่คนยืนเรียงแถวถือปลายกระโปรงยาวอยู่ด้านหลังเย้นหว่าน
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว พวกเธอก็ยิ้มบางๆ คนทั้งหมดหลุบตาก้มศีรษะลง ไม่มองไม่พูด เงียบจนเหมือนทำหน้าที่เป็นฉากหลัง
กู้จื่อเฟยเอ่ยเสียงแผ่วว่า “อะไรกันเนี่ย รุนแรงมาก”
การโดนสาดความหวานใส่เข้าเต็มๆอย่างกะทันหันนั้นทำให้กู้จื่อเฟยเอียนเป็นอย่างมาก
เธออยากจะจิ้มตาตัวเอง ปิดตาไม่ดู
แต่ภาพเบื้องหน้างดงามมากเกินไป สวยงามและโรแมนติกยิ่งกว่าละครเกาหลีที่ใช้มุมกล้องถ่ายทำเสียอีก
มองดูแล้วเจริญตาเสียจนทำให้คนอิจฉา
เย้นหว่านที่สวมชุดแต่งงาน และโห้หลีเฉินที่สวมชุดสูทเข้าคู่กันนั้น เมื่อมองดูแล้วก็ทำให้ทั้งสองคนเหมือนกำลังอยู่ในงานแต่งงานจริงๆ
งดงามเป็นที่สุด
กู้จื่อเฟยครุ่นคิด และหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากในกระเป๋า กดถ่ายรูปเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินแชะๆไปหลายรูป
บันทึกเสี้ยววินาทีนี้เอาไว้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดโห้หลีเฉินก็ผละออกจากริมฝีปากของเย้นหว่านด้วยความอาลัยอาวรณ์
นัยน์ตาของเขาราวกับมีเปลวไฟลุกไหม้ มองมาทางเธอ อย่างต้องการจะแผดเผาเธอ
เย้นหว่านแก้มแดงหัวใจเต้นแรง ทั่วทั้งร่างคล้ายกับว่าถูกสูบแรงออกไปจนต้องพิงร่างอยู่ในอ้อมแขนของโห้หลีเฉิน
เธอกัดริมฝีปาก บ่นเสียงเบาอย่างแง่งอนว่า “ลิปสติกของฉันไม่เหลือแล้ว”
ภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อครู่นี้ สาวใช้สี่คนแต่งหน้าให้เธอดูสวยงามเป็นพิเศษ
โห้หลีเฉินลูบริมฝีปากเย้นหว่านอย่างเบามือ น้ำเสียงดึงดูดเสียจนจะทำให้เป็นบ้า
“คุณเป็นอย่างไรก็สวยทั้งนั้น”
เพียงแค่อ้าปากก็เอ่ยคำหวานออกมาได้นั้นทำให้เย้นหว่านไร้ซึ่งหนทางในการหลบหลีกไปในเสี้ยวพริบตา
หัวใจเต้นระรัวขณะที่เอนร่างพิงอยู่ในอ้อมแขนของเขา จนถึงขั้นไม่มีเวลามาเขินอาย ด้านข้างยังมีคนมากมายขนาดนั้นดูอยู่
คล้ายกับว่าขอเพียงแค่มีเขาอยู่ สิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเธอทั้งหมดล้วนกลายเป็นภาพลวงตา ภายในโลกของเธอมีเพียงแค่เขา
“เสี่ยวหว่าน พวกเราแต่งงานกันในวันที่สิบเอ็ด เดือนสิบเอ็ดเถอะ”
โห้หลีเฉินจ้องมองเย้นหว่าน เอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ
เย้นหว่านหัวใจเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง มองมาที่เขาอย่างเลื่อนลอย ความปีติยินดีในใจหมุนวนไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
กระทั่งวันแต่งงานเขาก็ดูเรียบร้อยแล้ว
เธอพยักหน้า “ค่ะ”
โห้หลีเฉินยิ้ม “ไม่ถามหรือว่าทำไมถึงเป็นวันนั้น?”
“ขอเพียงแค่คุณเป็นคนเลือก จะต้องเป็นวันที่ดีแน่นอน”
เย้นหว่านตอบคำถามโดยไม่ลังเล เต็มไปด้วยความศรัทธาและการพึ่งพาอาศัยครั้งใหม่
โห้หลีเฉินเห็นท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ของเธอแล้ว ภายในร่างกายก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้ง คิดอยากจะกระทำเรื่องอย่างว่ากับเธอขึ้นมาจริงๆ
เขาควบคุมความร้อนใจที่กระเพื่อมเป็นระลอกเอาไว้ น้ำเสียงแหบพร่าเซ็กซี่
“เด็กโง่ วันที่สิบเอ็ด เดือนสิบเอ็ด เป็นวันที่ผมให้สัญญากับคุณ”
สัญญา?
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินอย่างมึนงง
เขาเอ่ยทีละคำทีละประโยค คล้ายกับเอ่ยคำสาบานว่า
“ผมสัญญากับคุณว่าจะครองคู่กับคุณไปตลอดชีวิต”
หัวใจของเย้นหว่านเต้นเร็วขึ้นไปหนึ่งจังหวะ คำพูดของชายหนุ่มแต่ละคำนั้นราวกับเสียงระฆังที่ดังขึ้นในใจของเธอ จารึกลงในจิตวิญญาณของเธอ
ครองคู่กันไปตลอดชีวิต
เป็นคำสัญญาที่หนักหน่วง เป็นความปรารถนาอันงดงามที่สุด
เธอหน่วยตาแดงระเรื่อ จ้องมองไปที่เขา ตอบกลับด้วยเสียงสะอื้น “โห้หลีเฉิน ฉันอยากจะอยู่เคียงข้างคุณไปจนแก่เฒ่าค่ะ”