เย้นโม่หลินแทบจะโอบเอวกู้จื่อเฟยเอาไว้ในในอ้อมกอดตามสัญชาตญาณ
วินาทีถัดไปก็สบโอกาสสลับเป็นฝ่ายรุกในการกอดจูบเธอเสียเอง
อ้อมกอดของชายหนุ่มทั้งกว้างทั้งแข็งแกร่ง และมีอุณหภูมิอบอุ่นส่งผ่านเสื้อผ้ามาลวกบนผิวหนัง ส่งผ่านไปยังหัวใจ
กู้จื่อเฟยรู้สึกได้ถึงจูบของเขา รู้สึกถึงอ้อมกอดของเขา หัวใจทั้งดวงก็เต็มตื้นในทันที เป็นความจริงแล้ว
ผู้ชายคนนี้เคยเป็นคนที่ทำได้แค่มองอยู่ห่างๆ แต่ตอนนี้กลับเป็นของเธอแล้วจริงๆ
เป็นของเธอแล้ว
……
วันที่จะเตรียมตัวเดินทางไปสู่ขอนั้นใกล้เข้ามาแล้ว
ช่วงเวลาหลายวันนี้ โห้หลีเฉินจัดการเรื่องงานแต่งงานจนเกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระทั่งสินสอดที่ใช้ในการสู่ขอ เขาก็เป็นคนตระเตรียมด้วยตนเอง
เรื่องทั้งหมดล้วนจัดการได้อย่างเหมาะสม เหลือเพียงแค่รอให้ถึงวันที่จะเดินทางไปยังตระกูลเย้น
เย้นหว่านมักจะไปชื่นชมชุดแต่งงานของเธอ และชุดเจ้าบ่าวที่แขวนอยู่ข้างๆกันในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยๆ
ชุดของโห้หลีเฉินคือชุดสูทสีดำ แต่จากรายละเอียดและแบบชุดก็สามารถมองออกได้ว่าเป็นสไตล์คู่รัก
สามารถพูดได้ว่าตั้งใจมาก
แต่ราวกับว่า การที่โห้หลีเฉินทำหลายสิ่งหลายอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบเช่นนี้ เธอก็คล้ายกับว่าไม่ได้ทำอะไรเพื่อเขา
เย้นหว่านครุ่นคิดไปมา มองชุดเจ้าบ่าวของโห่หลีเฉินแล้วก็ตั้งใจจะติดกระดุมข้อมือให้เขาเม็ดหนึ่ง
ถือว่าเป็นการประดับตกแต่งสิ่งที่สวยงามอยู่แล้วให้สวยงามยิ่งขึ้นไปอีก
ดังนั้นเย้นหว่านจึงถือโอกาสไปหาท่านอาวุโสแปด
แม้ว่าส่วนใหญ่เรื่องงานแต่งงานล้วนเป็นโห้หลีเฉินที่จัดการ แต่ท่านอาวุโสแปดก็จัดการเรื่องซับซ้อนมากมายเช่นกัน ถึงอย่างไรงานแต่งงานก็เรื่องเยอะ
เรื่องอย่างการที่เย้นหว่านตามหากระดุมข้อมือเสื้อ มาหาท่านอาวุโสแปดนั้นสะดวกและเหมาะสมที่สุด
หลายวันมานี้ มากน้อยอย่างไรเย้นหว่านก็มีความสนิทสนมกับท่านอาวุโสแปดอยู่บ้าง และค้นพบว่า ภายในตระกูลหยูที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายเพราะผลประโยชน์ ง่ายต่อการเดินไปในทิศทางที่ผิดเพี้ยน ท่านอาวุโสแปดเป็นบุคคลที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนกับคนอื่น
ไม่เหมือนกับการไม่สนไยดีต่อเรื่องราวของท่านอาวุโสเจ็ด แต่เป็นความนุ่มนวล สุภาพเรียบร้อย จัดการเรื่องราวด้วยความอดทนและเรียบง่าย มีลักษณะท่าทางที่เมตตาอ่อนโยนตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่เคยมีท่าทีของคนเป็นผู้อาวุโส แต่เหมือนกับญาติผู้ใหญ่ที่เรียบง่ายเป็นกันเองคนหนึ่ง
ทำความรู้จักกันมาหลายวัน ก็เต็มไปด้วยความสบายอกสบายใจ
เย้นหว่านเดินไปถึงหน้าประตูห้องท่านอาวุโสแปด ก็เห็นว่าประตูไม่ได้ปิด แง้มเปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง
มีคนอยู่
เธอดีอกดีใจ จะได้ไม่ทำให้เธอมาเสียเที่ยว
เย้นหว่านยื่นมือออกไป คิดจะเคาะประตูอย่างมีมารยาท แต่นิ้วมือยังไม่ทันจะได้แตะเข้ากับบานประตู จู่ๆก็ได้ยินเสียง “เพล้ง” ดังลอยมาจากด้านใน
เป็นเสียงของแก้วตกแตก
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?
เย้นหว่านสงสัย ยังไม่ทันจะรอเธอไปดู ก็ได้ยินเสียงผู้ชายดังลอยมาจากด้านใน ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยการเสียดสีอย่างรุนแรง
“ไอ้แปดเรี่ยวแรงนายดูเหมือนจะไม่ไหวขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ กระทั่งการรินไวน์ก็ยังถือแก้วไม่มั่นคงแล้วหรือ”
“เหอะ คนไร้ค่าก็คือคนไร้ค่า หมดหนทางช่วย”
ชายสองคน คนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ ล้วนเสียดสีอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ปกปิดเลยแม้แต่น้อย
เย้นหว่านประหลาดใจเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่า บุคคลที่เป็นท่านอาวุโสแปดอันสูงส่งในตระกูลหยูจะถูกคนเอ่ยเสียดสีต่อหน้าเช่นนี้ด้วย?
เป็นใครที่มีความกล้ามากขนาดนั้นกันนะ
เธอเดินก้าวไปด้านหน้าเล็กน้อยด้วยความสงสัย มองผ่านรอยแยกของประตูที่เปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง จึงเห็นสถานการณ์ภายในห้อง
บริเวณเคาน์เตอร์บาร์ที่จัดวางอยู่ภายในห้องตอนนี้มีท่านอาวุโสสี่ และท่านอาวุโสห้านั่งอยู่ตรงนั้น ใต้เท้าพวกเขามีเศษแก้วไวน์แดงที่ตกแตกอยู่ ไวน์สาดกระจายไปทั่วพื้นทุกแห่ง
ส่วนพวกเขาทั้งสองก็กำลังมองท่านอาวุโสแปดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยแววเยาะเย้ยเสียดสีโดยไม่ปิดบังลักษณะท่าทีเลยแม้แต่น้อย
ท่านอาวุโสแปดกำลังถือถาดอยู่ ด้านบนยังมีแก้วไวน์แดงอีกแก้ววางอยู่
เขายืนตัวแข็งทื่อ สีหน้าไม่น่ามองเป็นอย่างมาก นิ้วมือจับถาดเอาไว้แน่น คล้ายกับว่าพยายามอดทนอย่างสุดความสามารถ
ท่านอาวุโสสี่เอ่ยต่อว่า “สายเลือดไอ้แปดของพวกคุณอ่อนแอลงเรื่อยๆ แบกรับภารกิจใดๆของตระกูลไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ก็นับเป็นพวกเลี้ยงเอาไว้ในบ้าน นอกจากกินข้าว เรื่องอะไรก็ทำไม่สำเร็จ
ให้เป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่อง อยู่ในตำแหน่งนั้นก็ไม่รู้จักพิจารณาถึงหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งนั้นบ้าง จะไม่ละอายใจในตำแหน่งท่านอาวุโสแปดได้อย่างไร? ไอ้แปดไม่สู้นายเป็นฝ่ายถอนตัวออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสในที่ประชุมเสียเอง จะได้ไม่ถูกเตะออกไปแล้วน่าเวทนายิ่งกว่าเดิม”
คำพูดนี้ไม่แม้แต่จะคำนึงถึงว่าจะทิ่มแทงใจคนเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของท่านอาวุโสแปดซีดเผือดลงเรื่อยๆ เม้มริมฝีปากแน่นโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ
เย้นหว่านที่มองอยู่ไกลๆ ก็ยังรู้สึกได้ถึงความอัดอั้นตันใจและอาการโมโหสุดจะทนของท่านอาวุโสแปดได้อย่างชัดเจน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการสบประมาทปรามาสเช่นนี้ ในใจใครจะไปรู้สึกดีได้ แต่ดูเหมือนว่าตำแหน่งในสถานการณ์ตอนนี้ของท่านอาวุโสแปดจะท่าไม่ดีเป็นอย่างมาก กระทั่งความมั่นใจในการโต้กลับก็คล้ายกับว่าไม่มี
ท่านอาวุโสห้ายิ้มเยาะ กล่าววาจาทิ่มแทงต่อไปว่า “พี่สี่กล่าวได้ถูกต้องไอ้แปดชีวิตคนเราต้องรู้จักข้อบกพร่องของตนเอง ตอนนี้นายก็เป็นแค่คนไร้ค่า อาศัยตำแหน่งท่านอาวุโสแปดก็ดูแล้วน่าเวทนาจริงๆ
นายดู เรื่องใหญ่อย่างการเข้าคลังสมบัติในครั้งนี้ นอกจากไอ้เจ็ดที่มีนิสัยรักอิสระ ไม่อยู่ในกรอบประเพณี เป็นฝ่ายบอกว่าจะไม่เข้าไปเอง ผู้อาวุโสคนอื่นๆทั้งหมดล้วนเข้าไปในคลังสมบัติกันทั้งนั้น คลังสมบัติเป็นที่เก็บความลับที่สำคัญมากที่สุดของตระกูลหยู นายที่มีสถานะเป็นถึงผู้อาวุโสกลับไม่ได้เข้าไป เห็นได้อย่างชัดเจนว่านายถูกไล่ออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสแล้ว นายรู้ไหมว่าเหล่าคนรับใช้วิพากษ์วิจารณ์นายว่าอะไรบ้าง แม้ว่าจะเป็นคนรับใช้ก็มีไม่กี่คนที่ให้ความสำคัญกับนาย”
นิ้วมือที่กำถาดแน่นของท่านอาวุโสแปดสั่นระริกน้อยๆอย่างอดไม่อยู่
แต่ละคำแต่ละประโยค ทั้งหมดล้วนเหมือนกับมีดเล่มหนึ่งที่ทิ่มแทงเข้ามาที่หัวใจเขา
ตำแหน่งสูงส่งอย่างท่านอาวุโสแปด เขาไหนเลยจะไม่มีความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง คำพูดเหล่านี้ ทั้งหมดล้วนเป็นการปรามาส เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขา
“ช่างมันเถอะๆ คนแบบนายก็เป็นพวกที่เล่นลูกไม้หน้าด้านๆจับตำแหน่งท่านอาวุโสแปดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ไม่มีศักดิ์ศรีแม้แต่น้อย”
ท่านอาวุโสห้ายิ้มเยาะ ยื่นมือออกมาทำท่าทีราวกับเรียกคนรับใช้จนถึงขั้นเลวทราม
“ส่งไวน์มาให้ฉัน ค่อยรินแก้วใหม่ให้พี่สี่ ยังมี บนพื้นให้ความรู้สึก เหนียวเหนอะหนะก็ทำความสะอาดด้วย แค่มองก็สกปรกจะตายอยู่แล้ว”
ท่านอาวุโสแปดจับถาดเอาไว้แน่น ตัวแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อน
หลังจากทำให้เขาอับอายแล้ว ก็สั่งให้เขาทำเรื่องต่างๆ นี่เป็นการปฏิบัติและดูถูกต่อเขาราวกับเป็นคนรับใช้
ไร้ซึ่งการให้เกียรติ และไร้ซึ่งศักดิ์ศรียิ่งกว่า
ร่างกายของเขาเกร็งเขม็ง อดกลั้นต่อความรู้สึกที่แทบจะไม่สามารถอดทนได้
แต่ถ้าหากระเบิดออกมา สิ่งที่รอต้อนรับเขาอยู่ก็มีเพียงแค่จุดจบที่น่าเวทนายิ่งกว่าเดิม
“อย่างไร? ยังไม่ขยับอีก? นายคิดจะก่อกบฏสินะ?”
ท่านอาวุโสห้ากระแทกฝ่ามือเข้ากับเคาน์เตอร์บาร์ สีหน้าทะมึนในทันที
มีความหมายราวกับต้องการยืมหัวข้อดังกล่าวมาแสดงความคิดเห็น
เย้นหว่านที่เห็นเหตุการณ์นี้ คิ้วก็ขมวดเป็นปมแน่น เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ท่านอาวุโสแปดที่มีตำแหน่งสูงส่งในตระกูลหยู ในยามปกติจะได้รับการปฏิบัติและถูกข่มเหงรังแกเช่นนี้
จนถึงขั้นได้รับความทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าคนรับใช้ธรรมดาเสียอีก
คิดถึงช่วงเวลาที่ได้ทำความรู้จักกันกับ ท่านอาวุโสแปดที่มีความสุภาพอ่อนโยนและความอดทน ก็ทำให้เย้นหว่านรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา คนดีๆแบบนี้ ทำไมจะต้องถูกคนชั่วร้ายพวกนี้รังแกด้วยกัน?
เธอไม่ยอม และเปิดประตูห้องด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
พละกำลังก็ไม่น้อย ประตูห้องจึงกระแทกเข้ากับกำแพงทางด้านหลังจนเกิดเสียงดัง “ปัง”
ความสนใจของทั้งสามคนที่อยู่ในห้องถูกดึงดูดให้หันมาทันที
“มารดามันเถอะ ใครมันกระทำตามอำเภอใจ กล้าสร้าง……”
ท่านอาวุโสห้าอ้าปากก็ด่าออกมาชุดหนึ่ง แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยจบก็เห็นว่าคนที่เข้ามาคือเย้นหว่าน จึงตกตะลึงจนต้องกลืนคำพูดที่เหลือลงไป
ทันใดนั้นก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เปลี่ยนสีหน้าในทันที เอ่ยยิ้มๆว่า
“ที่แท้ก็เป็นเสี่ยวหว่านนี่เอง หนูมาทำอะไรที่นี่หรือ รีบเข้ามานั่งเร็วเข้า”