ต่อจากนี้จะทำยังไง?
เย้นหว่านหยุดชะงัก สถานการณ์ในตอนนี้สำหรับพวกเขาแล้วเรียกได้ว่าเลวร้ายอย่างมาก
แม้หยูฉู่สองจะไม่ได้ทำอะไรกับโห้หลีเฉิน แต่เรื่องในวันนี้ก็ถือเป็นการเผชิญหน้ากัน หยูฉู่สองจะต้องมีความขุ่นเคืองใจและไม่ปล่อยโห้หลีเฉินไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
ตอนนี้ที่ยังปล่อยโห้หลีเฉินเอาไว้ คงไม่พ้นเพราะเมื่อยังหายาถอนพิษไม่ได้ โห้หลีเฉินก็ยังเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลหยูก็เท่านั้น
หากได้ยาถอนพิษมาล่ะก็ ไม่แน่ว่าหยูฉู่สองอาจจะลงมือกับโห้หลีเฉินก็ได้
ถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะถูกไล่ล่า
“โห้หลีเฉิน พวกเราหนีไปกันเถอะ”
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินด้วยแววตาวูบไหว “ตระกูลไร้ความอดทน พวกเราเองก็อย่าไปสนใจพวกเขาเลย ออกไปจากที่นี่ ขีดเส้นแบ่งกับพวกเขาและยุติความสัมพันธ์ใดๆ กับตระกูลหยูไปเลย ดีไหม?”
โห้หลีเฉินก็ไม่ได้มีความสนิทชิดเชื้อกับหยูฉู่สองสักเท่าไหร่ ยิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ ต่อตระกูลหยู
หากโห้หลีเฉินในตอนนี้ยังเป็นประธานของตระกูลแห่งเมืองหนานอยู่ ตอนนี้ก็คงไม่มีข้อพิพาทและภยันตรายมากมายขนาดนี้
ตระกูลหยูนั้นราวกับคุกก็ไม่ปาน
แววตาของโห้หลีเฉินหม่นลงเล็กน้อย ฝ่ามือที่เห็นข้อต่อได้อย่างชัดเจนนั้นลูบผมของเย้นหว่าน
เขาเอ่ยเสียงทุ้ม “ตอนนี้พวกเราไปไม่ได้”
“ทำไมล่ะ?” เย้นหว่านฉงน
โห้หลีเฉินอธิบาย “ที่หยูฉู่สองปล่อยเย้นโม่หลินหนีไปได้ ก็เพราะในตอนนั้นสถานการณ์มันบังคับ สู้กับฉันได้ไม่คุ้มเสีย อีกอย่างเพราะเขายังสามารถกู้สถานการณ์ได้ด้วยการส่งคนตามไปไล่ล่าพวกเย้นโม่หลิน กระทั่งจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลเพื่อทำลายตระกูลเย้น”
ความหมายก็คือ เรื่องนี้ไม่ได้ถึงทางตันจนไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ ดังนั้นหยูฉู่สองจึงคิดถึงส่วนได้ส่วนเสียแล้วจึงปล่อยพวกเย้นโม่หลินไปชั่วคราว
เย้นหว่านคิดได้ในทันที โห้หลีเฉินบอกกับเธอต่อไปอีก
“แต่ถ้าหากหนีไป และตั้งใจจะซ่อนตัว ใต้หล้ากว้างใหญ่ หยูฉู่สองก็คงหาฉันไม่ได้เจอร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ถ้าไม่มีฉัน พวกเขาในตอนนี้ก็จะเสียโอกาสครั้งใหญ่ที่จะเข้าไปในคลังสมบัติ ความฝันของหยูฉู่สองที่ต้องการใช้คลังสมบัติเพื่อทำให้ตระกูลหยูยิ่งใหญ่ ก็จะพังทลาย
ดังนั้นไม่ว่าเขาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมากมายแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ฉันหนีไปจากตระกูลหยูง่ายๆ อย่างแน่นอน
หากการคาดคะเนของฉันถูกต้อง ตอนนี้ตระกูลหยูทั้งหมดคงถูกคนจำนวนมากปิดล้อมไว้หมดแล้ว หากเราคิดจะออกไปจากตระกูลหยูก็คงยาก”
จากเรื่องที่พวกเย้นโม่หลินหนีไปเมื่อครู่ ตอนนี้หยูฉู่สองคงจะได้สติและโยกย้ายสับเปลี่ยนบอดี้การ์ดจำนวนมากกว่าเดิมมาที่ตระกูลหยูใหม่อีก
ตอนนี้ต่อให้พาคนฝ่าออกไปก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย
เย้นหว่านตะลึงงัน หัวใจพลันเย็นเฉียบขึ้นมา
ถ้าว่าอย่างนั้น งั้นเธอกับโห้หลีเฉินก็เหมือนโดนกักบริเวณกลายๆ เลยไม่ใช่เหรอ?
โห้หลีเฉินลูบผมของเย้นหว่านอย่างปวดใจ โทษตัวเองที่ไม่ได้ปกป้องเธอให้ดี ทำให้เธอต้องมาวิตกกังวลไปด้วย
แววตาของเขาวาบประกายหม่นที่คลุมเครือวูบหนึ่ง
เขาแย้มยิ้มสง่างามทันทีแล้วเอ่ย “ตอนนี้พวกเราก็อยู่ที่ตระกูลหยู มันอาจจะไม่ใช่เรื่องดี หยูฉู่สองยังไม่ลงมือกับฉัน ฉันก็อยู่ที่นี่ไปก่อน จะได้สามารถรู้แผนการและกลอุบายของหยูฉู่สองได้ง่ายอีกด้วย
ฉันอยู่ที่นี่ ยังไงก็พวกพี่ชายของเธอได้ไม่มากก็น้อย”
จากนี้ ตระกูลเย้นจะเผชิญกับการโจมตีดั่งพายุ การต่อสู้ครั้งนี้จะสั่นสะเทือนไปทั้งโลก
กลุ่มอิทธิพลนับไม่ถ้วนจะต้องประสบกับหายนะ
ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ ก่อนนี้ตระกูลเย้นยังสามารถต่อกรกับตระกูลหยูได้อย่างสูสี แต่ตอนนี้ตระกูลเปิดคลังสมบัติแล้ว ไม่นับทรัพย์สินภายในนั้น เอกสารด้านประวัติศาสตร์ก็มีค่าอย่างประมาณไม่ได้
เพียงแค่อาศัยเนื้อหาข้อมูลที่หยูฉู่สองได้มาในตอนนั้นก็เป็นไปได้อย่างมากว่าจะนำตระกูลเย้นไปแล้วหนึ่งก้าว
ฝั่งหนึ่งอยู่กับที่ อีกฝั่งหนึ่งเลื่อนระดับขึ้น ความสมดุลของการต่อสู้ครั้งนี้ก็จะเอนเอียงทันที
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน สำหรับตระกูลเย้นแล้วพูดได้ว่าเสียเปรียบอย่างมาก
เย้นหว่านแววตาวูบไหว มือเล็กกำเสื้อของโห้หลีเฉินไว้แน่น
“แต่นายเองก็จะเป็นอันตราย…”
จะให้โห้หลีเฉินตกอยู่ในอันตรายเพื่อสอดแนมข้อมูลมาช่วยเหลือตระกูลเย้น
ในตอนนี้สำหรับตระกูลหยูเองก็ไม่ถือเป็นครอบครัวของเขาแล้ว มันอาจกลายเป็นสถานที่ล้อมสังหารเขาได้ทุกเมื่อ
โห้หลีเฉินสัมผัสใบหน้าเล็กที่ซีดเซียวของเย้นหว่าน แล้วปลอบโยนอย่างนุ่มนวล
“หยูฉู่สองไม่ได้ยาถอนพิษมาง่ายดายขนาดนั้นหรอก และฉันเองก็จะไม่เป็นอะไรไปด้วย อีกอย่าง ผู้ชายของเธอจะเป็นคนที่จะยอมโดนจับ ให้ถูกกดขี่ได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือไง?
ต่อให้ฉันจะอยู่ที่ตระกูลหยู ก็จะมีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่
เธอวางใจเถอะ ฉันจะจัดการแล้วพาเธอออกไปจากตระกูลหยูในเวลาที่เหมาะสม”
เมื่อได้ยินว่าโห้หลีเฉินวางแผนจะออกจากตระกูลหยู หัวใจที่ห้อยต่องแต่งของเย้นหว่านก็ค่อยๆ รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหน่อย
เมื่อออกจากถ้ำเสือแดนหมาในนี่ไป โห้หลีเฉินถึงจะปลอดภัยได้อย่างแท้จริง
เย้นหว่านพยักหน้าอย่างจริงจัง แววตาสุกสว่าง
“ฉันจะอยู่ด้วยกันกับนาย”
ท่าทีการแสดงของเธอนั้นแน่วแน่มาก หักล้างความเป็นไปได้ที่โห้หลีเฉินจะลอบส่งเธอหนีไปก่อนโดยสิ้นเชิง
ต่อให้จะอยู่ในถ้ำเสือแดนหมาใน เธอก็จะยืนอยู่เคียงข้างเขา
โห้หลีเฉินสบแววตาแน่วแน่ของเย้นหว่าน ความอบอุ่นแผ่ซ่านในใจอย่างเต็มอิ่ม
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ตราบใดที่ยังมีเย้นหว่านอยู่ข้างๆ เขาก็ไร้ซึ่งความกลัว เป็นรูปลักษณ์ที่ต้องการมากที่สุด
เขาเอื้อมดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด “โอเค”
เขาไม่ได้ปฏิเสธเธอ และจะไม่ส่งให้เธอหนีไปคนเดียว
ตอนนี้สถานการณ์กำลังวุ่นวาย ตระกูลเย้นเองก็ไม่ได้แน่นอนว่าจะปลอดภัย มีเพียงให้เย้นหว่านอยู่ข้างกายเขาเท่านั้น เขาจึงจะวางใจได้จริงๆ
ผู้หญิงของตัวเองก็ต้องปกป้องด้วยตัวเอง
“เธอสัญญากับฉัน นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ตลอด24ชั่วโมงรวมถึงตอนเข้าห้องน้ำ ก็จะต้องอยู่กับฉันตลอดเวลา เข้าใจไหม?”
เย้นหว่านอึ้งไปเล็กน้อย ไปห้องน้ำก็ต้องอยู่ด้วยกันเหรอ?
แก้มของเธอค่อยๆ แดงเรื่อขึ้นมา เมื่อเหลือบมองด้วยความขวยเขินไปที่ท่านอาวุโสแปดที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยิ่งเขินอายขึ้นไปอีก
ใบหน้าของท่านอาวุโสแปดเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
คนหนุ่มสาวนี่ดีจริงๆ นะ
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบาง แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร
เมื่อเทียบกับเขา สถานการณ์ของเย้นหว่านที่ตระกูลหยูต่างหากที่อันตรายที่สุด
หยูฉู่สองจะต้องคิดหาวิธีจับตัวเย้นหว่านไว้อย่างแน่นอน เมื่อควบคุมเย้นหว่านไว้ได้ ก็จะสามารถบีบบังคับโห้หลีเฉินได้ และหยูฉู่สองก็จะได้เปรียบในการต่อสู้ที่สูสีนี้
และที่นี่คือตระกูลหยู อำนาจของหยูฉู่สองสามารถแทรกแซงเข้าไปได้ทุกที่ ต่อให้จะเป็นเวลาเพียงชั่วครู่ที่เข้าห้องน้ำ ก็สามารถถูกคนของหยูฉู่สองจับตัวเย้นหว่านไปได้
24ชั่วโมงไม่ห่างแม้แต่นิ้วเดียว เป็นการปกป้องแบบประชิดตัวอย่างแท้จริง
……
“เวรเอ๊ย รถเราถูกทำพังหมดแล้ว”
ในป่าแห่งหนึ่งนอกตระกูลหยู ป่ายฉีก่นด่าอย่างหัวเสีย
พวกเขานั้นไม่ได้มาที่ตระกูลหยูโดยที่ไม่ได้เตรียมการอะไรมาเลย พวกเขาได้เตรียมรถและของจำเป็นสำหรับการหลบหนีฉุกเฉินซ่อนไว้ในป่าแต่แรกแล้ว
แต่เมื่อพวกเขารีบโซซัดโซเซมาถึงที่นี่ สิ่งที่เห็นกลับมีเพียงความยุ่งเหยิงเท่านั้น
“พวกมันไล่ตามมาแล้ว!” เว่ยชีเอ่ยเสียงต่ำ
แววตาหม่นมองไปยังทิศทางที่มา ระหว่างต้นไม้มีความสั่นไหวบางๆ เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
คนที่ไล่ตามมาก็ไม่น้อย
เขามองพลางขมวดคิ้วแน่น แล้วออกคำสั่งทันที “พวกนายสกัดอยู่ที่นี่ คุณชายเย้น พวกเรารีบไปกันเถอะครับ ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง พวกเราจะเดินออกไปโบกรถ”
สีหน้าของเย้นโม่หลินซีดขาวอย่างมากจนแทบจะไม่มีเลือดฝาดอยู่เลย ซีดเผือดราวกับจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ
แต่เขากลับยืดหลังตรงอีกครั้ง ท่าทีเยือกเย็นแน่วแน่จนหวาดหวั่น
เขาเอื้อมมือไปอุ้มกู้จื่อเฟยที่กึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วพูดอย่างว่องไว “ไป”
สิ้นเสียงพูด เขาก็เดินนำไปอีกทิศทางหนึ่งทันที