บอดี้การ์ดบางคนก็มีลังเลใจบ้าง สายตาพากันมองไปยังพี่ใหญ่ของพวกเขา
กำลังวังชาหัวหน้าบอดี้การ์ดก็มีเมื่อยล้าบ้าง “พวกนายสองสามคนไปเถอะ อย่าสูบนานไปล่ะ ทุกคนก็ผลัดเปลี่ยนกันไปผ่อนคลาย”
ตอนนี้เป็นช่วงเช้า คนที่ออกจากเมืองมีไม่มาก พวกเขาคาดการณ์ว่าเย้นโม่หลินไม่กล้าออกมาในเวลานี้อย่างมั่นใจ
เขาจะต้องฉวยโอกาสมาตอนที่คนออกเมืองเยอะอย่างตอนกลางวันกับตอนเย็นอย่างแน่นอน ปะปนอยู่ในฝูงชน คนเยอะจะยิ่งยุ่งวุ่นวาย โอกาสที่เขาหนีออกไปสำเร็จก็มากขึ้น
“พี่ใหญ่ พี่ก็ไปสูบสักสองมวนกับพวกเราสิ?”
“ไม่ล่ะ เบื้องบนกำชับไว้ ต้องรักษาการณ์อย่างเคร่งครัดตลอดเวลา ต้องรักษาความตื่นตัวสูงสุด แม้ว่าตอนนี้คนจะน้อย ฉันก็ต้องเฝ้าตรวจสอบที่นี่อย่างละเอียด”
รักษาความตื่นตัวสูงสุดอยู่ตลอดเวลา จึงจะเกิดความผิดพลาดได้ยาก
แต่ตอนนี้รถน้อย พวกพี่น้องออกไปสูบบุหรี่พักผ่อน คนน้อยก็น่าจะพอถูไถผ่านไปได้
พวกบอดี้การ์ดก็ไม่พูดโน้มน้าวต่อ เดินเกาะไหล่อ้อมไปด้านนอกทางด่วนสูบบุหรี่พักผ่อนกัน
คนที่เหลือก็ไร้เรี่ยวแรง คอยเฝ้าอย่างเกียจคร้าน รถมาคันหนึ่งก็ไปตรวจสอบคันหนึ่ง
“เอ๊ะ มีรถบรรทุกมาขบวนหนึ่ง ”
บอดี้การ์ดชี้ถนนข้างหน้า
เห็นเพียงรถบรรทุกคันใหญ่ห้าคันค่อยๆ ขับมา
หัวหน้าบอดี้การ์ดยืนตรงทันที พลางออกคำสั่ง “ขวางรถตรวจสอบ”
“ครับ”
พวกบอดี้การ์ดก็รีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
รถบรรทุกให้ความร่วมมืออย่างดี ต่างจอดอยู่ที่ข้างทางทีละคัน
หัวรถทั้งหมดมีจำนวนสองคน ผู้ชายวัยกลางคนผิวคล้ำหนึ่งคน และหนุ่มน้อยที่ดูอายุไม่ถึงยี่สิบปีหนึ่งคน
หลังจากผู้ชายวัยกลางคนลงจากรถ ก็ยื่นเอกสารทุกอย่างของตัวเองอย่างทันทีไม่รอช้า เอ่ยอย่างยิ้มๆ
“นายท่าน ผมขับรถขนส่งวัว บัตรผ่านอะไรต่างมีครบหมดครับ”
หัวหน้าบอดี้การ์ดประเมินผู้ชายด้วยสายตาคมกริบหนึ่งรอบ แล้วมองหนุ่มน้อยอายุน้อยคนนั้นที่อยู่ข้างๆ หลังจากนั้นจึงจะพลิกดูเอกสารพวกนี้ทันที
เอกสารครบถ้วน อีกทั้งขนส่งที่ถนนเส้นนี้ตลอดปีด้วย
ไม่มีปัญหา
หัวหน้าบอดี้การ์ดคืนเอกสารให้เขา พลางเอ่ย “เราต้องตรวจรถทีละคัน”
“หา? ยังต้องตรวจเหรอ?”
ชายวัยกลางคนเหนือความคาดหมายเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับโดยไม่สะทกสะท้านทันที ท่าทางพูดจาด้วยง่ายมาก “นายท่าน เชิญคุณตรวจได้ตามสบายเลยครับ ที่ด้านหลังบรรทุกไว้เป็นวัวทั้งหมด มันนิสัยเจ้าอารมณ์ ตอนที่คนของคุณดู ระวังหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะบาดเจ็บเอา”
หัวหน้าบอดี้การ์ดยกมือให้สัญญาณ บอดี้การ์ดคนอื่นมุ่งไปด้านหน้าทันที แยกคนออกเป็นกลุ่มไปที่รถห้าคัน
ให้คนขับรถของทุกคันลงจากรถ ตรวจสอบเอกสารทีละคัน
ทว่ารถคันที่สามเกิดปัญหาเล็กน้อยนิดหน่อย
ด้านในมีแค่ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งลงมา ลำตัวมีผิวสีคล้ำ ใบหน้าเรียบเฉย มองดูแล้วโหดๆ
บอดี้การ์ดถามเขา “ในรถคนนี้มีแค่คุณคนเดียวเหรอ?”
ในรถสี่คันที่เหลือ ต่างมีคนขับสองคน เพราะระยะทางไกล ต้องเปลี่ยนคนขับ
ชายร่างสูงเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ยังมีอีกคน”
“อยู่ไหนล่ะ?” บอดี้การ์ดซักถาม
ชายร่างสูงเอ่ยอย่างหงุดหงิด “คุณดูเอาเอง”
พูดจบ เขาก็เดินตรงไปพิงด้านข้างตัวรถ ใบหน้าอึมครึมท่าทีไม่อยากสนใจใคร
เป็นครั้งแรกที่บอดี้การ์ดถูกปฏิบัติด้วยใบหน้าเย็นชาเช่นนี้
หากรู้ว่าการตรวจถนนเส้นนี้ พวกเขาคนเยอะทรงอิทธิพล ทั้งยังเป็นคนของตระกูลหยู ไม่ว่าตรวจสอบรถของใคร ต่างปฏิบัติด้วยความอ่อนน้อม กลัวว่าจะให้ความร่วมมือได้ไม่ดี
ทว่าคนนี้ แม้จะให้ความร่วมมือ แต่ว่าไม่ไว้หน้าให้เลยแม้แต่นิดเดียว นิสัยเจ้าอารมณ์เสียยิ่งกว่าพวกเขา
บอดี้การ์ดอยากสั่งสอนเขาตรงนี้สักรอบ
“อย่าให้ฉันตรวจเจออะไรผิดปกติล่ะ ไม่อย่างนั้นฉันเอาคุณตายแน่”
บอดี้การ์ดพูดไปด่าไปด้วยน้ำเสียงกดต่ำลงนิดหน่อย
จากนั้น เปิดประตูรถออก มองไปยังด้านใน
เมื่อมองไป เขายิ่งโกรธใหญ่ทันที “แม่งเอ๊ย ยังกล้านอนอีกเหรอ!เสียงดังตั้งขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องลุกขึ้นรึไง?”
พร้อมด้วยเสียงด่าทอนี้ บอดี้การ์ดคนอื่นก็มองเข้าไปด้านในรถ
ก็มองเห็นผู้ชายที่เป็นวัยรุ่น ร่างกายผอมเล็ก สองเท้ากำลังกระดกอยู่ที่หน้ารถ นอนกรนหลับสนิท
ความคิดที่อยากจะรบกวนให้ตื่นไม่เป็นผลสักนิด
นี่มันหมูรึไง?
บอดี้การ์ดไม่แยแสแล้วเปิดประตูรถอีกฝั่งเลย เขาออกแรงโยกตัวชายหนุ่มร่างผอมเล็ก
“รีบตื่นเร็วเข้า ตื่น!”
“หา แผ่นดินไหวแล้ว แผ่นดินไหวแล้วงั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มร่างผอมเล็กตกใจจนดีดตัวขึ้น เนื่องจากความสูงของตู้รถบรรทุกมีจำกัด หัวก็ชนกับหลังคารถเข้าอย่างจัง
เขาก็ร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดทันที
ชายร่างสูงพิงอยู่ข้างรถ มองดูฉากภาพนั้นด้วยสายตาเย็นชา นัยน์ตาเปี่ยมด้วยความมืด
ชายหนุ่มร่างผอมเล็กกุมหัวที่เจ็บอยู่พักหนึ่ง จึงจะค่อยๆ ถลึงตามองบอดี้การ์ดอย่างตำหนิ
“คุณเป็นบ้าเหรอ? ฉันนอนหลับอยู่ดีๆ คุณมาโยกตัวฉันกะทันหันทำไม? เจ็บสุดๆ เลย”
พูดแล้ว เขาก็นวดหัวของตัวเอง
บอดี้การ์ดถูกว่าต่อหน้า มุมปากกระตุกขึ้น อารมณ์เริ่มไม่ดีแล้ว
มือหนึ่งก็ดึงชายหนุ่มร่างผอมเล็กลงมาจากรถอย่างดุดัน เอ่ยด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“ตรวจดูรถ! ลงจากรถแล้วยืนให้ดี!”
“ลงก็ลง คุณอย่าดึงสิ ถ้าดึงแขนฉันหัก คุณจะรับผิดชอบไหม?”
ชายหนุ่มร่างผอมเล็กสะบัดมือของบอดี้การ์ดออกอย่างไม่พอใจมาก
เสียงพูดไปด่าไปของฝั่งนี้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ ผู้ชายวัยกลางคนที่หัวรถมองเห็นสถานการณ์นี้ก็หน้าซีดเผือดทันทีก่อนรีบร้อนวิ่งมาไกล่เกลี่ย
“นายท่านท่านนี้ คุณอย่าโกรธไปเลยครับ ผู้ร่วมงานของผมคนนี้เป็นคนเขลา ร่างกายอ่อนแอชอบอู้งาน ยังไม่รู้จักพูด คุณอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับเขาเลยนะครับ”
เมื่อพูดเอาใจจบ ชายวัยกลางคนเปลี่ยนสีหน้าทันที เบิกตาโตถลึงตามองชายร่างผอมเล็ก
“ปกติขี้เกียจก็ว่าไป แต่นี่ยังไม่ดูเวล่ำเวลาอีกรึไง? ตอนนี้คนตระกูลหยูตรวจรถ นายให้ความร่วมมือดีๆ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ฉันจะไล่นายออก”
เมื่อชายหนุ่มร่างผอมเล็กได้ยินคำพูดนี้ ก็ตกใจกลัวทันที
เขาก็นึกไม่ถึงว่าบอดี้การ์ดโหดๆ นี่ยังมีที่มาภูมิหลังที่ใหญ่โตขนาดนี้
เขารีบเปลี่ยนสีหน้า ยกรอยยิ้มประจบสอพลอ เอ่ยขอโทษอย่างจริงใจ
“นายท่านผมยังไม่ตื่นดี ไม่ทราบว่าเป็นคนของตระกูลหยู ผมผิดไปแล้ว ผมไม่กล้าอีกแล้ว คนใหญ่โตอย่างคุณอย่าคิดเล็กน้อยคิดน้อยกับความผิดของคนต่ำต้อยเลย อย่าคิดหยุมหยิมกับผมเลยนะครับ”
ว่าแล้ว ชายหนุ่มร่างผอมเล็กนำเอกสารทุกอย่างของตัวเองให้ไปอย่างรวดเร็ว “นายท่านนี่เป็นเอกสารของผม เชิญคุณดูได้เลย”
ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้ มันเหมือนสุนัขรับใช้สุดๆ
มองดูแล้วก็เป็นขยะที่ไม่มีความทะเยอทะยานใดๆ
ได้เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลหยู ฝีมือย่อมไม่ด้อย ได้พอเปิดหูเปิดตาบ้าง
ชั่วพริบตาเขาก็ดูถูกชายหนุ่มร่างผอมเล็กคนนี้แล้ว รู้สึกว่าโกรธเขาไปมีแต่จะลดระดับชั้นของตัวเองลง
บอดี้การ์ดเลยไม่แม้แต่จะแยแสเขา หยิบเอกสารมาทันที พลิกดูสักพัก มั่นใจว่าไม่มีปัญหาจึงโยนคืนไปให้เขา
ร่างผอมเล็กหยิบเอกสารกลับด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอ ไม่กล้าล่วงเกินด้วยแม้แต่น้อยแล้วยืนเรียงอยู่ข้างชายร่างสูงอยู่อย่างเป็นระเบียบ
ความเป็นระเบียบที่ไม่เข้าท่า ก็ยิ่งยุยงให้ระเบิด
บอดี้การ์ดก็ยิ่งไม่อยากสนใจเขาแล้ว จึงเอ่ยรายงานให้หัวหน้าบอดี้การ์ด
“ตรวจสอบคนขับรถหมดแล้ว ไม่มีปัญหาครับ”
บอดี้การ์ดอีกคนก็เดินมาข้างหน้า เอ่ย “ตัวรถกับวัวก็ตรวจสอบหมดแล้ว ไม่มีปัญหาครับ”