สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน – บทที่ 951 ออกกำลังกายก่อนนอน?

บทที่ 951 ออกกำลังกายก่อนนอน?

ทั่วทั้งร่างเย้นโม่หลินแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ท่อนหนึ่ง ลมหายใจร้อนผ่าว ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยท่ามกลางความมืด

แต่กู้จื่อเฟยยังคงไม่พอใจ พึมพำว่า

“พี่เย้น นอนแบบนี้ไม่สบาย พี่ยกแขนขึ้นมาวางตรงคอของฉัน เป็นหมอนให้ฉันหน่อย”

เย้นโม่หลิน “……”

เขายกแขนที่แข็งทื่อขึ้นมา ศีรษะเล็กๆวางลงบนนั้นทันที

ส่วนร่างกายของเธอก็โน้มตามมาด้านหน้า ส่วนที่อ่อนนุ่มล้วนแนบชิดอยู่ที่ข้างกายเขา

เขารู้สึกถึงส่วนโค้งเว้านุ่มนิ่มบนร่างกายเธอได้อย่างชัดเจน ความอุ่นร้อนนั้นก็ส่งผ่านเสื้อผ้ามาบนผิวหนังของเขา

เห็นได้อย่างชัดว่าเป็นความอุ่น แต่กลับเหมือนกับเปลวไฟที่ร้อนลวกเขาอย่างไรอย่างนั้น

เย้นโม่หลินรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งว่า ลมหายใจของเขาใกล้จะร้อนเป็นไฟแล้ว ความสามารถในการควบคุมตนเองที่ตนเองภาคภูมิใจก็ใกล้จะปริแตกออกมาได้ในทุกนาที ทำให้ตัวเองกลายร่างเป็นอสูรร้าย ทำเรื่องราวหุนหันพลันแล่นบางอย่าง

กู้จื่อเฟยกลับไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังจุดประกายไฟ นิ้วก้อยที่แตะอยู่เหนือแผงอกเย้นโม่หลินวาดเป็นวงกลมเบาๆ

เธอเอ่ยเสียงเบา “พี่เย้น ได้อยู่กับพี่แบบนี้โดยมีทิวทัศน์ที่สวยงามอยู่เบื้องหน้านั้น ทำให้ฉันควบคุมตัวเองไม่อยู่จนอยากจะกินพี่ขึ้นมา ทำอย่างไรดีคะ”

เย้นโม่หลินราวกับถูกไฟดูด ร่างกายที่แข็งทื่อนั้นสั่นเล็กน้อย

เขาต่างหากที่จะควบคุมไม่อยู่แล้ว

เขากำหมัดแน่น เสียงทุ้มต่ำเป็นอย่างมาก เอ่ยคำสองคำออกมาจากริมฝีปากด้วยความยากลำบาก

“สงบจิตสงบใจ”

ท่ามกลางความมืด นัยน์ตากู้จื่อเฟยกลอกไปมา มุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มนั้นคล้ายกับจิ้งจอก

ถึงตอนนี้แล้ว เขากลับยังสามารถพูดว่าให้สงบจิตสงบใจออกมาได้อีก?

เหตุใดการกระทำที่คร่ำครึของพี่เย้นของเธอถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ?

เธอเอ่ยเสียงเบาว่า “ฉันสงบใจไม่ไหวแล้ว”

เย้นโม่หลิน “……”

เขารู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่มในอ้อมแขน คำพูดดึงดูดใจข้างหู อสูรร้ายในร่างกายของเขาก็เกือบจะคำรามและพุ่งหลุดออกมาจากกรงขังแห่งการควบคุมตัวเองแล้ว

เขาสูดลมหายใจลึกครั้งแล้วครั้งเล่า

“สงบจิตสงบใจอีกครั้ง”

เมื่อได้ยินเสียงสูดลมหายใจหนักหน่วงข้างหู กู้จื่อเฟยก็ยิ้มและจนปัญญา

ดูท่าคืนวันนี้ก็คงจะไม่สำเร็จ ไม่อาจทำลายแนวป้องกันของพี่เย้นได้

เพียงแต่ว่า ก็มีความก้าวหน้า พยายามจนได้รางวัลเป็นการนอนด้วยกันทุกวันจนถึงเช้ามา ทำให้ในใจของเย้นโม่หลินยอมรับการนอนร่วมเตียงเคียงหมอนของพวกเขาได้แล้ว

ได้นอนด้วยกันแล้ว ระยะห่างที่จะได้กลืนกินเขาเข้าปาก ยังจะไกลอีกหรือ?

กู้จื่อเฟยยิ้มเริงร่า ราวกับจิ้งจอกที่เห็นเนื้อติดมันชิ้นโต

……

สถานที่พักเจ้าหน้าที่ของเย้นโม่หลินอยู่ห่างจากเย้นหว่านอยู่มาก มีความแตกต่างทางด้านระยะเวลาไม่น้อย

อย่างน้อยทางฝั่งที่เย้นโม่หลินอยู่ก็เป็นเวลาเข้านอนแล้ว

ทางด้านเย้นหว่าน ฟ้าเพิ่งจะมืด และกำลังกินอาหารมื้อเย็น

เธอกดวางการโทรศัพท์แบบวิดีโอคอลแล้วก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า เธอยังอยู่บนโต๊ะกินข้าว คนที่เหลืออีกสามคนล้วนมองมาที่เธอ

คิดถึงเนื้อหาทะลึ่งตึงตังในระหว่างที่วิดีโอคอลเมื่อสักครู่นี้แล้ว เย้นหว่านก็หน้าแดงระเรื่อเขินอายขึ้นมาทันที จึงรีบวางโทรศัพท์มือถือลง

เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ฮ่าๆ พี่ชายฉันปลอดภัยดี ฉันก็วางใจเช่นกัน พวกคุณรีบกินข้าวเถอะค่ะ กินข้าว กินกันต่อเลย”

จู่ๆโห้หลีเฉินก็เขยิบเข้ามาใกล้เธอ ร่างกายสูงใหญ่แทบจะโอบเธอเอาไว้ในอ้อมกอด

ริมฝีปากบางของเขาอยู่ข้างใบหูเธอ พ่นลมหายใจร้อนเบาๆ

“ก่อนนอนออกกำลังกายให้มากหน่อย ร่างกายจะได้แข็งแรง?”

เขาเพิ่มคำว่าก่อนนอนสองคำนี้เป็นพิเศษ ความหมายนั้นตรงไปตรงมาจนทำให้คนคิดจะแกล้งโง่ก็ไม่สามารถทำได้

เย้นหว่านเขินอายเสียจนเกือบจะจับตะเกียบไม่อยู่ แก้มแดงระเรื่อจนสามารถเห็นได้ชัด

เธอรีบผลักโห้หลีเฉินออก เอ่ยด้วยความเขินอายปนโกรธ

“ฉันพูดถึงพี่ชายของฉันต่างหากค่ะ”

รอยยิ้มที่มุมปากโห้หลีเฉินชัดเจนกว่าเดิม แววตาสงบนิ่งสีนิลราวกับอาบย้อมไปด้วยความร้อนแรง

สายตาแบบนั้น เจือไปด้วยความรู้สึกอันตรายจากการถูกรุกรานที่เย้นหว่านคุ้นเคยเป็นอย่างมาก

น้ำเสียงเขาแหบพร่า “สำหรับพวกเราก็น่าจะเหมาะสม ไม่สู้คืนวันนี้มาลองดูกัน?”

เรื่องพวกนี้ยังสามารถลองดูได้ด้วย?

นี่เขาเพียงแค่เปลี่ยนลูกไม้เพื่อจะหลอกกินเธอต่างหาก

เย้นหว่านเขินอายจนเกือบจะหารอยแยกบนพื้นแล้วมุดเข้าไป ทำไมพี่ชายเธอถึงได้ซื่อสัตย์ ปฏิบัติหน้าที่ในสิ่งที่พึงกระทำ ยั่วอย่างไรก็ยั่วไม่ขึ้น พอมาถึงโห้หลีเฉินกลับกลายเป็นยั่วขึ้นง่ายขนาดนี้กัน?

อีกทั้งยังเย้าแหย่ด้วยหัวข้อในการสนทนานี้ต่อหน้าคนอื่นด้วย

เย้นหว่านหน้าแดงหัวใจเต้นเร็วจนแทบทนไม่ไหว ทิ้งตะเกียบลงแล้วรีบลุกขึ้นทันที นัยน์ตาไหวระริกนั้นไม่กล้ามองไปที่ใครสักคน

“ฉันกินอิ่มแล้ว พวกคุณค่อยๆกิน ค่อยๆคุยกันไปนะคะ ฉันจะกลับไปที่ห้องก่อน”

เอ่ยจบแล้ว เธอก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ากำลังหลบหนีอย่างไรอย่างนั้น

สายตาโห้หลีเฉินมองแผ่นหลังเธอเงียบๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ต้องได้รับการปลดปล่อย

เขาเอ่ยยิ้มๆว่า “รอผมที่ห้อง”

เย้นหว่านที่กำลังหลบหนีเดินเซจนเกือบจะหกล้ม

นี่มันมีความนัยซ่อนอยู่ในคำพูดนี้ชัดๆ ทั้งคำพูดและนัยล้วนบอกเป็นนัยให้คนเขินอาย

ทำไมโห้หลีเฉินถึงได้ทะลึ่งตึงตังขนาดนี้กัน

เมื่อเห็นเย้นหว่านวิ่งจากไปไกลจนกระทั่งเงาก็ไม่เห็นแล้ว โห้หลีเฉินถึงได้หันหน้ากลับมามองผู้อาวุโสอีกสองคน

บนใบหน้าปรากฏความสงบนิ่งเอื่อยเฉื่อยขึ้นมาในเสี้ยวพริบตา ราวกับไม่ใช่คนเดียวกับที่เติมเชื้อเพลิงเข้ากองไฟเมื่อครู่นี้

เขาเอ่ยพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย

“พวกคุณอยากจะพูดอะไร เลือกพูดในเรื่องสำคัญ”

เมื่อจัดการเสร็จแล้ว เขาก็จะไปหาเย้นหว่าน ที่ยั่วยวนนั่นเป็นเรื่องจริง ที่จะกินเธอก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน

เรื่องอย่างการมีลูกก็ถึงกำหนดที่จะต้องพูดคุยกันแล้ว

สำหรับเรื่องนี้เขาไม่สามารถแพ้ให้กับเย้นโม่หลินจอมซื่อบื้อคนนั้นได้

ท่านอาวุโสรองกับท่านอาวุโสแปดมองมาทางโห้หลีเฉินอย่างตกตะลึง ยังไม่ทันได้สติคืนกลับมาจากบรรยากาศอันคลุมเครือไม่ชัดเจนเมื่อสักครู่นี้

สามารถมองออกเลยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนายน้อยกับคุณเย้นนั้นดีมากจริงๆ รักกันมากจริงๆ

พวกเขาผู้ชราที่ดูอยู่ล้วนพากันอิจฉาแล้ว

ท่านอาวุโสแปดฟื้นคืนสติได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า

“หลังจากที่ตระกูลได้ประชุมแบบเปิดกว้างในเช้าวันนี้แล้ว ท่านผู้นำตระกูลก็เคลื่อนย้ายกำลังคนเป็นจำนวนมาก กำลังเตรียมตัวโจมตีตระกูลเย้นแล้วครับ”

ดูท่าจะรู้ว่าไม่มีหวังในการตามฆ่าเย้นโม่หลิน จึงวางแผนที่จะลงมือโจมตีตระกูลเย้นก่อนที่เย้นโม่หลินจะกลับตระกูล

โห้หลีเฉินพยักหน้า “ยังไม่ต้องลงมือทำอะไร เฝ้าสังเกตเอาไว้ตลอดเวลาก็พอ”

“ครับ”

ท่านอาวุโสรองเอ่ยต่อว่า “นายน้อย ยังมีอีกเรื่องหนึ่งครับ”

“หลังจากที่ตระกูลประชุมแบบเปิดกว้าง ท่านอาวุโสเจ็ดก็ให้การสนับสนุนพวกเรา จึงทำให้ผู้นำตระกูลโมโห เดิมผู้นำตระกูลได้สั่งลงมาแล้วว่า วางแผนจะจัดการท่านอาวุโสเจ็ดเป็นการส่วนตัว

แต่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆผู้นำตระกูลถึงได้เปลี่ยนความคิด ไม่ได้แตะต้องท่านอาวุโสเจ็ดอีก”

เดิมพวกเขาวางแผนที่จะปรึกษากับนายน้อยว่าจะช่วยเหลือท่านอาวุโสเจ็ดอย่างไร หรือไม่ก็ดึงเขาเข้ามาเป็นพวกเดียวกัน

โห้หลีเฉินนั้นไม่รู้สึกประหลาดใจอะไร “คุณอยากจะรู้เหตุผล?”

“นายน้อย คุณรู้เหตุผลหรือครับ” ท่านอาวุโสรองตื่นตะลึง เลื่อมใสศรัทธาในตัวโห้หลีเฉินมากขึ้นไปอีก “อย่างนั้นคุณรีบเล่าให้ผมฟังเถอะครับ สมองของผมนั้นคิดไม่ออกจริงๆว่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เป็นมาอย่างไร”

ตอนนี้เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ท่านอาวุโสเจ็ดที่มองดูแล้วคล้ายกับคนสมถะ จะแอบซ่อนความสามารถอะไรเอาไว้กันแน่

ยิ่งไม่รู้เลยว่า เขาเป็นมิตรหรือว่าศัตรู

โห้หลีเฉินยกมุมปากยิ้มเย็น เอ่ยช้าๆว่า

“ท่านอาวุโสเจ็ด เป็นศัตรูไม่ใช่มิตร”

ท่านอาวุโสรองกับท่านอาวุโสแปดมีท่าทางเคร่งเครียดขึ้นมาทันที รู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย

เมื่อผ่านเรื่องราวในวันนี้ไป พวกเขาก็รู้สึกได้เช่นกันว่าท่านอาวุโสเจ็ดไม่ธรรมดา ถ้าหากว่าเขาเป็นศัตรู ไม่ใช่มิตร อย่างนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องยุ่งยากตึงมือเป็นอย่างมาก

ท่านอาวุโสรองรีบเอ่ยถามว่า “นายน้อย คุณรู้เรื่องท่านอาวุโสเจ็ดว่าเป็นมาอย่างไรกันแน่ใช่ไหมครับ เขาเป็นคนของผู้นำตระกูลหรือ”

“ถ้าหากว่าเขาเป็นคนของผู้นำตระกูล ตอนที่ประชุมแบบเปิดกว้างก็คงไม่ออกเสียงให้กับผมหรอก”

โห้หลีเฉินหรี่ตาลง สายตาคมกริบนั้นเจือไปด้วยแววซับซ้อน

เขาเอ่ยต่อว่า

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

Status: Ongoing

“คุณผู้หญิง ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ” นี้คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ เธอรู้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไง แกล้งทำเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเชื่อฟัง แต่ในหนึ่งวัน เธอโดนเขาจับขึ้นเตียงและลูบไล้ เธอตกใจ “คุณโห้ คุณเคยบอกแล้วว่า เราเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางสัญญา” “ผมยกเลิกแล้ว” เขาได้รู้แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เขาตามหามานาน เขาจะปล่อยมือไปได้ยังไง? “เพื่อเป็นการชดเชย ผมเป็นของคุณแล้ว”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท