แท่งกราฟบนหน้าจอเปลี่ยนแปลง ท่ามกลางสายตาของทุกคน
คะแนนของโห้หลีเฉิน เพิ่มจาก1295เป็น1305 เท่ากับคะแนนของหยูฉู่สอง
เมื่อได้เห็นแท่งกราฟชัดๆ ชั่วขณะนั้นในหอประชุมก็แซงแซ่ไปด้วยเสียงฮือฮา
คนส่วนใหญ่มีทั้งคาดไม่ถึง ตกใจ และผิดหวัง
ท่านอาวุโสเจ็ดถูกข่มขู่ขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังโหวตคะแนนให้โห้หลีเฉิน นี่มันคือการไม่ไว้หน้าท่านประมุขชัดๆ
เขาคิดอะไรอยู่กันแน่? ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือไง?
สีหน้าของหยูฉู่สองดำทะมึนเสมือนรอยไหม้ก้นหม้อ ไอความดุร้ายกระจัดกระจายออกมารอบกาย ทำให้อุณหภูมิทั่วทั้งห้องประชุมติดลบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน
แต่ละคนต่างตื่นกลัวหัวหด ไม่กล้าส่งเสียงอะไรออกมา
ดูเหมือนท่านประมุขจะโกรธเข้าเสียแล้ว
ด้านท่านอาวุโสเจ็ดที่ยืนอยู่ศูนย์กลางมรสุม สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย
เขามองไปที่หยูฉู่สองด้วยแววตาไม่สบายใจ กล่าวโต้แย้งให้ตัวเองอย่างประหม่าว่า
“ท่านประมุข ผม ขอโทษ ท่านก็รู้ว่าผมรักสงบ ผมไม่สามารถทนมองตระกูลหยูกับตระกูลเย้นเบาะแว้งกันได้ ถ้าหากต่อสู้กัน มันต้องเกิดสงครามขึ้นแน่ๆ แบบนั้น ก็จะมีคนตายมากมาย……….”
ท่านอาวุโสเจ็ดยังพูดไม่ทันจบ คำพูดของเขาก็หยุดชะงักเพราะสายตาเย็นยะเยือกราวกับจะแช่เขาให้แข็งตายคู่นั้นของหยูฉู่สอง
หน้าของเขาซีดขาว ตัวแข็งค้างนึกกลัวภายหลัง
เขาทำให้ท่านประมุขไม่พอใจเสียแล้ว จบกันชีวิต
ท่านอาวุโสรองลุกขึ้น แล้วเอ่ยพูดอย่างมีความสุขเป็นไหนๆว่า
“ไอ้เจ็ดทำดีมาก! เดิมทีการเปิดขุมทรัพย์ของตระกูลหยู ขอแค่ใช้ทรัพยากรในขุทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ ก็จะสามารถแข็งแกร่งขึ้นมาได้ภายในไม่กี่ปี จนกลายเป็นที่หนึ่งของโลก
ถ้าหากตอนนี้เปิดสงครามกับตระกูลเย้น ก็จะมีแต่เสียกับเสีย เสียทั้งกำลังคน เสียทั้งทรัพย์สิน สุดท้ายพอสู้กันก็เสียหายด้วยกันทั้งคู่ ตระกูลก็จะล่มจมจนถอยหลังกลับไปเท่าเมื่อสิบปีก่อน
ดังนั้น ไม่สู้กันคือทางออกที่ดีที่สุด ถ้าตระกูลหยูของเรา ใช้ขุมทรัพย์อย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป สามปีหลังจากนี้ต้องเป็นที่หนึ่งของโลกได้อย่างแน่นอน”
คำพูดเหล่านี้ปลุกปั่นผู้คนได้เป็นอย่างดี ดวงตาของทุกคนในหอประชุมต่างทอประกาย คาดหวังเป็นอย่างมาก
แม้ว่าตอนนี้ตระกูลหยูจะเป็นตระกูลใหญ่ที่ถือว่าเยี่ยมยอดแล้ว และคนเล็กๆอย่างพวกเขาก็พอจะเรียกลมเรียกฝนได้ก็ตาม แต่พอได้อยู่ในตำแหน่งที่สูง ก็ปรารถนาที่จะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ
ถ้าหากตระกูลหยูกลายเป็นที่หนึ่งของโลกอยู่เหนือกว่าตระกูลอื่นๆ แบบนั้นสถานะของพวกเขาก็จะยิ่งสูง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถเดินเรียงหน้ากระดานได้
สีหน้าของท่านอาวุโสสามบิดเบี้ยวเป็นอย่างมาก ถลึงตามองท่านอาวุโสรองอย่างโกรธเกลียด แทบอยากจะฉีกปากอีกฝ่ายให้ขาดซะเดี๋ยวนี้
ความสงบสุขอะไร?
เมื่อก่อนพวกเขาเคยล้อมฆ่าเย้นโม่หลิน พอเย้นโม่หลินกลับไปได้ ก็ต้องนำพวกในตระกูลเย้นมาสู้กับตระกูลหยูอยู่ดี เรื่องของสงครามมันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อยู่แล้ว
แต่ตอนนี้มันมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาไม่สามารถพูดเรื่องนี้ออกมาได้ ไม่อย่างนั้น ตรงกันข้ามพวกเขาก็จะกลายเป็นคนผิดที่เริ่มสงครามขึ้นมาก่อน
เมื่อเรื่องมันจบแบบนี้ อย่างแรกคือสูญเสียสิทธิ์ในการเป็นฝ่ายเริ่มก่อน อย่างหลังตามมาด้วยตระกูลเย้นที่เริ่มสู้กลับ
ท่านอาวุโสสามคิดหาวิธีรับมือไม่ออกเลย รู้สึกเหมือนตัวเองถูกพลิกกลับด้าน เหมือนถูกเอาไปย่าง
เขารีบเข้าไปหาหยูฉู่สอง แล้วพูดเสียงเบาว่า
“ท่านประมุข ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี?”
คะแนนเท่ากันแล้ว คะแนนโหวตสุดท้ายของท่านอาวุโสเจ็ด มีอิทธิพลเป็นอย่างยิ่ง แบบนี้พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้โจมตีตระกูลเย้นแล้ว
หยูฉู่สองมองท่านอาวุโสเจ็ดด้วยสายตาเย็นเหยียบ ดูชั่วร้ายอันตรายถึงชีวิต
เยี่ยมไปเลย แม้แต่เขาก็ยังคาดไม่ถึง ว่าสุดท้ายท่านอาวุโสเจ็ดจะขุดหลุมฝังเขา
ไอ้เจ็ดซ่อนตัวตนจริงๆมาตั้งหลายปี อีกฝ่ายไม่ได้รักอิสระ รักความสบาย และไม่สนโลกอย่างที่แสดงออกมาภายนอก
เขาไม่เชื่อว่าท่านอาวุโสเจ็ดท้าทายเขาอย่างโจ่งแจ้งเพียงเพราะความสงบสุข
รอยยิ้มบนหน้าของท่านอาวุโสรองไม่ได้ลดลงเลยสักนิด เพราะรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ตอนแรกเขากังวลแทบตาย คิดไม่ถึงเลยว่าการที่มาติดตามเจ้านาย จะทำให้ได้รู้ว่าโห้หลีเฉินมีความสามารถอะไรแบบนี้ด้วย สามารถกลับแพ้เป็นชนะ ภายใต้สถานการณ์ย่ำแย่แบบนี้ได้
เขาเอ่ยพูดเสียงดังฟังชัดว่า
“ท่านประมุข ผลโหวตออกมาแล้ว สุดท้ายเป็นคะแนนจากท่านอาวุโสเจ็ด ความคิดเห็นของคนครึ่งหนึ่งคือไม่สนับสนุนให้โจมตีตระกูลเย้น ท่านประกาศผลออกมาเถอะ ทุกคนจะได้กลับไปทำการทำงาน”
ท่านอาวุโสสามถลึงตาใส่ท่านอาวุโสรองอย่างเกลียดชัง กล้ามาพูดใส่ท่านประมุขขนาดนี้เลยเหรอ
ตั้งแต่ที่ไปติดตามโห้หลีเฉิน ก็กลายเป็นคนทรยศอย่างเต็มรูปแบบเลยนะ
เมื่อทุกอย่างได้ข้อสรุป ทุกคนก็หันไปมองทางหยูฉู่สอง รอให้ท่านประมุขประกาศผลตัดสิน
ถึงแม้จะเป็นแค่การประกาศพอเป็นพิธีก็ตามที
สีหน้าของหยูฉู่สองบูดบึ้งจนถึงที่สุด รังสีข่มขู่โอบล้อมรอบตัวอย่างปิดไม่มิด แผ่ไอความโหดเหี้ยมอันตรายกดข่มผู้อื่น
สายตาเย็นเหยียบทอดมองมาที่โห้หลีเฉิน ทอประกายเย็นยะเยือก ราวกับใช้มีดพันเล่มเชือดเฉือนอีกฝ่าย
เขาดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลมาหลายปี ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อยู่ในอำนาจการปกครองของเขา ทว่าบริวารอีกครึ่งหนึ่งของเขา กลับเล่นตุกติกหลังจากที่โห้หลีเฉินมาถึงครั้งแล้วครั้งเล่า
ตอนนี้ เขาเพิ่งได้ตระหนักอย่างหวั่นๆว่า ไม่ทันได้รู้ตัว ตระกูลหยูก็ไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของเขาแล้ว
ทั้งเบื้องบนและเบื้องล่างของตระกูลหยู ถูกโห้หลีเฉินกอบกู้จำนวนคนและกำลังไปได้กว่าครึ่ง
นี่แค่เพิ่งไม่กี่เดือนเองด้วยซ้ำ!
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ถึงเขาจะยังเป็นผู้นำตระกูล แต่ก็จะถูกโห้หลีเฉินถอนอำนาจ จนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์
นี่คือเรื่องที่ให้ตายยังไงหยูฉู่สองก็จะไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
เขากำหมัดแน่น เสียงกัดฟันกรอดลอดไรฟันดังขึ้นมาว่า
“โห้หลีเฉิน นี่คือแผนของแกใช่ไหม? เอาชนะใจคนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นค่อยผลักฉันออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูลงั้นสินะ?”
สายตาเรียบนิ่งของโห้หลีเฉินมองมาที่หยูฉู่สอง เขายิ้มแต่ไม่พูดอะไร
ไม่ตอบ ไม่ยอมรับ และไม่ปฏิเสธ
ท่าทีไม่ใส่ใจว่าเขาจะคิดยังไงของอีกฝ่าย เหมือนหนามทิ่มแทงบนตัวของหยูฉู่สอง
เขาอยู่สูง เขาจึงเข้าใจความหมายของโห้หลีเฉินดี
โห้หลีเฉินไม่ปฏิเสธ นั่นก็หมายความว่า ถ้าหากพวกเขายังตาต่อตาฟันต่อฟันใส่กันอยู่แบบนี้ต่อไป โห้หลีเฉินก็จะถอนฐานอำนาจของเขาออกทีละนิด จนสามารถผลักเขาให้พ้นจากตำแหน่งได้
โห้หลีเฉินคือทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียว ซ้ำยังเคยกระทำโหดเหี้ยมกับคนอื่นมาแล้ว ตราบใดที่ให้เวลาแก่เขา เขาก็จะทำมาถึงขั้นนี้อย่างแน่นอน
หยูฉู่สองรู้สึกโกรธอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่ได้ เขาจะไม่ให้โอกาสโห้หลีเฉินเด็ดขาด!
เขาลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ รังสีข่มขู่แผ่กระจาย พร้อมกับมองผู้คนในหอประชุม
เอ่ยพูดด้วยเสียงดังกังวาน “ถึงคะแนนจะเท่ากัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าโห้หลีเฉินจะชนะ
ในเมื่อครึ่งหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการโจมตีตระกูลเย้น งั้นก็อยู่เฉยๆ! ส่วนคนอื่นๆ ที่สนับสนุนให้โจมตีตระกูลเย้น ต้องไปถล่มตระกูลเย้นกับฉัน!
ตระกูลเย้นข่มเหงดูถูกตระกูลหยูมากี่ร้อยปี ความโกรธแค้นนี้ ในขณะที่ฉันครองตำแหน่งอยู่ฉันจะไม่ยอมโอนอ่อนให้เด็ดขาด
ฉันขอประกาศในนามของผู้นำตระกูลไว้ ณ ที่นี้เลยว่า นี่ไม่ใช่การบังคับใคร ให้ใช้กำลังโจมตีตระกูลเย้น!”
เมื่อประโยคเหล่านี้ถูกพูดออกมา ทั่วทั้งบริเวณก็เกิดเสียงฮือฮา
ใครๆต่างก็คิดว่าผลของการประชุมในครั้งนี้จะจบด้วยการไม่โจมตีตระกูลเย้น
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า หยูฉู่สองจะใช้กำลังของคนอีกครึ่งหนึ่งโจมตีตระกูลเย้น โดยไม่สนกฎของตระกูลที่สืบทอดกันมาเลยสักนิด”
มีคนพูดเสียงเบาขึ้นมาว่า “นี่มัน ไม่ถูกกฎนะ”
“ใช่ บรรพบุรุษก็ไม่มีใครทำแบบนี้มาก่อน”