ท่าทีตำหนิติติงอย่างหยิ่งผยองนั้น สองวันมานี้กู้จื่อเฟยเจอมาไม่น้อยเลย
หากเป็นเมื่อก่อน เธอจะต้องด่ายอกย้อนกลับไปแล้วแน่นอน
แต่ตอนนี้….
กู้จื่อเฟยกัดฟันอย่างอดกลั้น แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ปล่อย ฉันมีธุระ ไม่มีเวลามายืดยาดอยู่กับเธอหรอกนะ”
ขณะกู้จื่อเฟยกำลังจะอ้อมผ่านไปด้านข้าง เย้นจือฮวนกลับก้าวไปด้านข้างสองก้าวทันที ขวางกู้จื่อเฟยไว้อีกครั้ง
สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเฉียบคม พูดเสียงดังอย่างร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ? คนอย่างเธอ ไม่คู่ควรจะมาอยู่ตระกูลเย้น แล้วก็ยิ่งไร้คุณสมบัติที่จะไปป้วนเปี้ยนอยู่ต่อหน้าพี่เย้น
ถ้าเธอรู้จักอ่านสถานการณ์ ก็ไสหัวออกไปซะเดี๋ยวนี้เลย”
กู้จื่อเฟยจะอดทนสักแค่ไหน ในตอนนี้มันก็มาถึงขีดสุดแล้ว
เธอมองเย้นจือฮวนอย่างเย็นชา มุมปากยกยิ้มเย้ยหยันก่อนพูดขึ้น
“คุณหนูเย้นจือฮวน ขอถามหน่อยว่าคุณเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน?
ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ คุณก็เป็นแค่คุณหนูตระกูลสาขาของตระกูลเย้นไม่ใช่เหรอ ตอนนี้คนที่เป็นผู้นำตระกูล ก็ไม่ใช่คนของตระกูลของพวกคุณ
ฉันมาเป็นแขกในบ้านของเย้นโม่หลิน เจ้าบ้านเองก็ยังไม่ได้ว่าอะไร แล้วคุณมีคุณสมบัติอะไรถึงมาเจ๊าะแจ๊ะที่นี่งั้นเหรอ?”
เมื่อกู้จื่อเฟยเสียดสีอย่างเจ็บแสบขึ้นมากะทันหัน ทำให้เย้นจือฮวนตกตะลึงอย่างมากด้วยความประหลาดใจ ก่อนรู้สึกพูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่
เธออยู่ที่ตระกูลเย้นก็เป็นคุณหนูที่ถูกยกย่อง ใครๆ ก็พูดด้วยความละมุนละม่อมทั้งนั้น ยังไม่มีใครกล้าเสียดสีเธอต่อหน้าขนาดนี้
แถมคำพูดนั้นยังระคายหูอย่างมาก มันทำให้แก้มของเธอร้อนผ่าวราวกับถูกตบเพราะยุ่งมากเรื่องอย่างนั้น
“คุณหนูกู้ คุณพูดแบบนั้นได้ยังไงกัน?”
เจียงเป้ยนีมายืนอยู่เบื้องหน้าเย้นจือฮวนแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นเดือดเป็นร้อน “จือหฮวนจะพูดยังไงเธอก็เป็นคนตระกูลเย้น คุณเป็นแค่แขก แขกจะมากดขี่รังแกเจ้าบ้านได้ยังไง?
คุณไร้มารยาทเกินไปหรือเปล่า?”
กู้จื่อเฟยอยากจะหัวเราะอย่างอดไม่ได้
เย้นจือฮวนชี้หน้าด่าเธอขนาดนั้น เธอก็ทำได้ แต่เธอแค่ตอกกลับไปแค่สองสามประโยคก็กลายเป็นไร้มารยาทไปแล้วงั้นเหรอ?
สองมาตรฐานได้อย่างเต็มปากเต็มคำขนาดนี้ กู้จื่อเฟยเองก็เพิ่งได้พบได้เห็น
เธอพูดประชดประชัน “กดขี่รังแก? คุณเจียง ก่อนจะพูดต้องเปิดตามองด้วยนะคะ มารยาทน่ะจะมีด้วยกับแค่กับคนที่มีมารยาทเท่านั้น คุณหนูเย้นไร้มารยาทขนาดนี้ ก็ไม่แปลกที่ฉันจะปฏิบัติต่อเธอแบบนั้น
ว่าไปแล้ว ฉันต้องรักษามารยาทกับหมาที่เห่าหอนตัวหนึ่งด้วยเหรอคะ? ถ้ามันกัดฉัน ฉันยังต้องยิ้มแหยๆ ให้ด้วยหรือเปล่า?”
“เธอกล้าว่าฉันเป็นหมาเหรอ?”
เย้นจือฮวนพลันพองขนขึ้นทันที เธอจ้องเขม็งไปที่กู้จื่อเฟยอย่างดุร้าย
กู้จื่อเฟยยิ้มเยาะอย่างเย็นชา “คุณร้อนตัวขนาดนี้ ก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นหมาแล้วสินะ?”
“เธอ เธอ เธอ….ฉันจะฆ่าเธอ!”
เย้นจือฮวนโกรธจนตาแดง และกำลังจะกระโจนใส่กู้จื่อเฟย เจียงเป้ยนีรีบคว้าตัวเธอเอาไว้
“จือหฮวน ใจเย็นก่อน อย่าโดนหล่อนยั่วโมโหสิ
หล่อนจงใจทำให้เธอทำร้ายหล่อนนะ หล่อนจะได้แสร้งทำเป็นน่าสงสารแล้ววิ่งไปฟ้องพี่เย้นยังไงล่ะ”
กู้จื่อเฟยเลิกคิ้ว เธอยังไม่ทันได้คิดถึงขั้นนั้นเลย เจียงเป้ยนีก็คิดไปแบบนั้นแล้ว
เรื่องเกี่ยวกับเย้นโม่หลิน หล่อนก็ช่างคิดจริงๆ เชียว
เมื่อเย้นจือฮวนได้ยินคำพูดนั้น จึงหยุดการกระทำที่จะพุ่งไปข้างหน้า เธอยังคงจ้องกู้จื่อเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล
แต่เมื่อมองไปที่กู้จื่อเฟย ก็ยิ่งโมโหขึ้นไปอีก
เธอก่นด่า “กู้จื่อเฟย ตัวซวยอย่างเธอก่อความเดือดร้อนให้พี่เย้นแล้วไม่น้อย ทำไมถึงยังมีหน้าเกาะพี่เย้นไม่ปล่อยอีก?”
คำว่าตัวซวยนั้น สะเทือนอารมณ์ของกู้จื่อเฟย
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป รังสีรอบกายพลันอึมครึมลงในทันที
ร่างกายของกู้จื่อเฟยขึงตึงราวกับคันธนู เธอกัดฟันแน่นแล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“นั่นมันเรื่องของฉันกับเย้นโม่หลิน ไม่เกี่ยวกับคุณ อย่ามาขวางทาง หลีกไป”
น้ำเสียงของกู้จื่อเฟยเองก็เฉียบคมตามไปด้วยไม่น้อย
ออร่าที่ดุร้ายนั้น เกือบจะทำให้เย้นจือฮวนตกใจกลัว เธอคิดจะก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว
เจียงเป้ยนีขมวดคิ้วเล็กน้อย วางแขนลงบนไหล่ของเย้นจือฮวน ไม่เหลือร่องรอยที่จะหยุดการถอยหลังของเย้นจือฮวนอยู่เลย
เย้นจือฮวนตะลึง และมีความมั่นใจอีกครั้ง
เธอเอ่ยด่าต่อไป “อย่านึกว่าตอนนี้เธอวางยาเสน่ห์กับพี่เย้นแล้วจะแต่งเข้าตระกูลเย้นได้นะ ฉันจะบอกให้ ไม่มีทาง แม้แต่ช่องว่างก็ไม่มี
เพราะพอเธอมา ผู้นำตระกูลก็ถูกคนลอบสังหารจนเกือบจะตายมาแล้ว ตระกูลเย้นเองก็เผชิญกับการโจมตีอย่างหนักหน่วง เกิดวิกฤตที่ไม่เคยมีมาก่อนในหลายสิบปีที่ผ่านมา
ทั้งหมดก็เป็นเพราะตัวซวยอย่างเธอพามาทั้งนั้น คนอับโชคอย่างเธอ ตระกูลเย้นไม่มีใครยอมรับเธอได้แน่นอน
ไม่มีใครยอมรับ ชีวิตนี้เธออย่าคิดจะแต่งกับพี่เย้นเลย”
สีหน้าของกู้จื่อเฟยยิ่งย่ำแย่ลง หัวคิ้วขมวดแน่น รอบกายเต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึม
เธอไม่รู้ว่าคำพูดนั้นใครเป็นคนพูดออกมาก่อน แต่มันก็เหมือนกับไวรัส ที่แพร่กระจายไปหลังจากที่เธอมาที่ตระกูลเย้น
เดิมทีเธอมีความคืบหน้าจนได้มาเจอพ่อแม่สามีในอนาคต แต่ตอนนี้ ทุกคนในตระกูลเย้นล้วนเต็มไปด้วยความชิงชังต่อเธอและเห็นเธอเป็นตัวซวย
แม้แต่พวกคบรับใช้ก็มักจะมองเธอด้วยความรังเกียจและอยากจะไล่เธอออกไป
แต่เล็กจนโตกู้จื่อเฟยไม่เคยได้รับความรู้สึกคับอกคับใจแบบนี้มาก่อน ด้วยอารมณ์ของเธอนั้นอยากจะออกไปจากที่นี่อยู่ทุกนาที แต่ที่นี่ก็กลับเป็นบ้านของเย้นโม่หลินอีกด้วย
เธอไม่อยากจากเขาไป
เธอกำลังอดทน อดกลั้น อยากจะให้ช่วงเวลานี้มันหมดไปเร็วๆ เมื่อเย้นโม่หลินจัดการกับเรื่องยุ่งยากเสร็จแล้ว มันจะต้องดีขึ้นแน่นอน
ตอนนี้เย้นเจิ้นจื๋อถูกลอบสังหาร ตระกูลหยูมาโจมตีอย่างดุเดือด พวกเขายังต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของเย้นหว่านด้วย ทั้งตระกูลวุ่นวายกันไปหมด
เป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครมาสนใจเธอ
และไม่มีใครพบว่า กู้จื่อเฟยกำลังถูกไล่ต้อนและขับไล่
แต่เธอก็ยังอดกลั้น เฝ้ารอและยืนหยัดไว้
“กู้จื่อเฟย ถ้าเธออ่านสถานการณ์ออกและยังมียางอายอยู่บ้าง ก็รีบๆ ไปซะเถอะ อย่ากลับมาให้พี่เย้นต้องไล่เธอออกไปด้วยตัวเอง จะได้ไม่ต้องขายขี้หน้า”
เย้นจือฮวนชี้ไปยังทางตรงข้ามแล้วเอ่ยถากถาง
ท่าทางนั้น เหมือนแทบอยากจะให้กู้จื่อเฟยหายไปจากตระกูลเย้นเสียเดี๋ยวนั้น และก็จะไม่เปิดทางให้เธอเช่นกัน
ในใจของกู้จื่อเฟยหนักอึ้ง ความรู้สึกคับข้องใจที่เกิดขึ้นในเวลานี้ มันแทบจะท่วมจนมิดศีรษะ
เธอกัดฟัน “หลีกไป”
เย้นจือฮวนยิ่งยืดอกลำพองใจ เธอกางแขนสองข้างออกอย่างฉับพลันขวางทางทั้งหมดเอาไว้
“ฉันไม่หลีก แล้วจะทำไม? เธอจะตีฉันงั้นเหรอ? ถ้าเธอตีฉันได้ ฉันก็ให้คนโยนเธอออกไปจากตระกูลเย้นได้”
ท่าทางเช่นนั้น เกือบจะเหมือนพวกคนทรามที่ไร้เหตุผล ไร้ซึ่งมาดคุณหนูผู้สูงส่งแห่งตระกูลเย้นเลยแม้แต่น้อย
กู้จื่อเฟยรู้สึกว่าหากเธอทะเลาะกับหล่อนต่อไป เธอคงอดไม่ได้ที่จะฟาดยัยผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้เข้าจริงๆ
เธอเองก็ไม่พูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป เธอก้าวไปข้างหน้าทันทีและกระแทกไหล่ของเย้นจือฮวนอย่างแรง
ด้วยความที่เธอแรงเยอะและเย้นจือฮวนก็ไม่ได้ตั้งตัว หล่อนจึงถูกชนจนถอยไปหลายก้าวด้วยความตกตะลึง
เย้นจือฮวนกรีดร้องด้วยความเดือดดาล “กู้จื่อเฟย เธอกล้าชนฉันงั้นเหรอ? ฉันจะให้คนมาตีเธอให้ตายเลยคอยดูสิ!”
“ก็เรียกมาสิ”
กู้จื่อเฟยหยุดฝีเท้าแล้วเบี่ยงตัวหันมา มอง เย้นจือฮวนด้วยสายตาเย็นชาและสีหน้าที่ไร้ซึ่งความกลัวจนถึงกับเย้ยหยันถากถาง
“ถ้าเธอทำได้ก็ลองดู หากถ้าว่าบนตัวฉันมีบาดแผลขึ้นมาที่ไหนสักที่ เย้นโม่หลินจะช่วยเธอ หรือปกป้องฉันกันล่ะ?”