ทุกคนในตระกูลเย้นพากันมองด้วยความตะลึงอ้าปากค้าง พวกเขาไม่อยากเชื่อว่านี่หรือคือคุณหนูที่ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติแห่งตระกูลเย้น
ตระกูลเย้นเป็นถึงตระกูลชั้นสูงในโลกใบนี้ ขอเพียงเป็นคนของตระกูลเย้น ไม่มีใครหน้าไหนกล้าดูหมิ่นหรือเหยียดหยามพวกเขา มีแต่พวกเขาต่างหากที่คอยแต่อบรมสั่งสอนคนอื่น
ทุกคนในตระกูลเย้นต่างมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล แต่ละคนใช้ชีวิตราวกับเป็นผู้สูงศักดิ์ในโลกใบนี้
ยิ่งไปกว่านั้นลูกหลานในตระกูลต่างไม่เคยพบกับความยากลำบาก
พวกเขาต่างได้รับการอบรมเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน ยิ่งกว่าเจ้าหญิงเจ้าชายเสียอีก ไม่มีลูกหลานคนใด ที่ต้องพบจุดจบที่น่าเศร้าอย่างเย้นจือฮวน
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่จัดการหล่อน ก็คือนายน้อยนั่นเอง
สายตาของเย้นโม่หลินเย็นชาที่สุด กล่าวขึ้นมาทีละคำว่า “พวกคุณสนใจเรื่องบ้าๆนี้เหลือเกินนะ ถ้างั้นก็รออยู่ที่นี่ก่อน
ผมจัดการเรื่องบาดแผลของกู้จื่อเฟยนี่เสร็จเมื่อไหร่ละก็ จะทำให้พวกคุณได้เห็นชัดๆว่า หล่อนควรจะได้รับโทษแบบไหน
และคนที่พูดจาไม่ระวังปาก จะมีจุดจบยังไง”
มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นมาจาก คนกลุ่มนั้น
เย้นจือฮวนก็ถูกทำร้ายจนมือหักไปข้างหนึ่งแล้ว ยังต้องถูกลงโทษอะไรอีกหรือ?
นี่นายน้อยคิดจะเอาเย้นจือฮวนถึงตายเชียวหรือ?
เธอเป็นไข่ในหินของคุณป้าสามของเย้นโม่หลิน หรือน้องสาวที่เป็นญาติสนิทกับเย้นโม่หลินเชียวนะ!
ทุกคนต่างพากันตกใจกลัว และที่ยิ่งน่ากังวลไปกว่านั้นก็คือ เย้นโม่หลินจะกลับมาจัดการพวกเขาทุกคนด้วย
คราวนี้คนที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องบ้าๆนี้ ไม่มีใครรอดตัวไปได้แน่
เย้นจือฮวนยังโดนซะขนาดนี้ แล้วพวกเขาล่ะจะไปเหลืออะไร?
บางคนทนไม่ไหวคิดจะหนี
แต่พอขยับตัวได้เพียงสองก้าว ก็ถูกชายชุดดำขวางทางไว้อย่างดุดัน “กลับไปยืนที่เดิม”
ณ เวลานั้น เขาพร้อมจะลงมือได้ทุกเมื่อ
ทุกคนยิ่งพากันตื่นตระหนกและหวาดกลัว พวกเขาถูกล้อมไว้แล้ว? รอการลงโทษ?
ตายแน่ คราวนี้ตายแน่ๆ
เย้นโม่หลินไม่ได้สนใจมองพวกเขาสักเท่าไหร่ อุ้มกู้จื่อเฟยเดินก้าวอาดๆตรงไปยังอาคารหลัก
ทีแรก เขาคิดว่าควรจะลงโทษคนเหล่านี้ก่อน เพื่อบรรเทาความโกรธของเขาลงได้บ้าง
แต่กู้จื่อเฟยบอกว่าหล่อนเจ็บ ดังนั้น คนเหล่านั้นจึงต้องรอก่อน
รอรับการลงโทษ รอที่จะได้รับบทเรียนเพราะดูถูกผู้หญิงของเขา
ความเคลื่อนไหวด้านนอก ยังคงดึงดูดความสนใจในอาคารหลังเล็ก
เย้นโม่หลินอุ้มกู้จื่อเฟยเข้ามาในอาคารหลังเล็ก เจอเข้ากับกงจืออวีและป่ายฉีที่เดินออกมาพอดี
เมื่อกงจืออวีเห็นคนที่ได้รับบาดเจ็บในอ้อมแขนของเย้นโม่หลิน ก็สูดลมหายใจเฮือก แล้วกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า
“จื่อเฟยเป็นอะไรไป? ใครกล้าทำร้ายเธอขนาดนี้?”
ว่าที่ลูกสะใภ้ของหล่อนในอนาคต
กงจืออวีชอบเธอมาก ตอนที่เธอมาในฐานะเพื่อนสนิทของเย้นหว่าน ต่อมาเมื่อรู้ว่ากู้จื่อเฟยกลายเป็นแฟนกับเย้นโม่หลิน ก็ยิ่งชอบเธอมากขึ้นอีก
ก่อนหน้านี้เธอตั้งตารอที่จะเจอกู้จื่อเฟยทุกวัน เพื่อที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับว่าที่ลูกสะใภ้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าที่ได้เจอกันครั้งนี้ กลับเป็นเวลาที่เย้นเจิ้นจื๋อถูกจับตัวไปและถูกลอบทำร้าย
หัวใจของกงจืออวีทุ่มเทให้กับเย้นเจิ้นจื๋อไปทั้งหมด เธอไม่สนใจใครเลย สองวันนี้คอยอยู่เคียงข้างคอยปกป้องเย้นเจิ้นจื๋อตลอดเวลา แม้แต่เรื่องที่วงศ์ตระกูลถูกโจมตีก็ยังมอบหมายให้เย้นโม่หลินไปจัดการแทน
จนกระทั่ง ไม่มีโอกาสได้มาเจอหน้ากู้จื่อเฟยเลย
ไม่คิดเลยว่าได้เจอกันอีก จะได้เห็นกู้จื่อเฟยบาดเจ็บในสภาพเช่นนี้
“คุกเข่าลงที่ประตู”
เย้นโม่หลินตอบกลับด้วยประโยคที่เย็นชา แล้วพูดกับป่ายฉีอย่างรีบร้อนว่า “รีบทำแผลให้เธอเร็วเข้า!”
“ได้ ได้ พาเข้ามาในห้องเถอะ”
ป่ายฉีตอบรับทันที
ถึงแม้เขาจะอยากรู้มากว่า กู้จื่อเฟยอยู่บ้านตระกูลเย้น ทำไมถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้
ใครกันที่กล้าหาญมาก กล้าขนาดทำร้ายยอดดวงใจของเย้นโม่หลินได้ลงคอ
เย้นโม่หลินไม่รอช้า อุ้มกู้จื่อเฟยเดินตรงเข้าไปในห้อง
กู้จื่อเฟยลืมตาด้วยความลำบาก รีบเอ่ยว่า
“รอเดี๋ยว”
“เป็นอะไรไป? ตรงไหนเจ็บมากหรือเปล่า?”
เย้นโม่หลินรีบหยุดลงทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล กลัวว่าเป็นเพราะที่เขาอุ้มเธอ เดินขึ้นลงมากเกินไป ทำให้บาดแผลของกู้จื่อเฟยแย่ลงไปอีก
กงจืออวีมองไปที่เย้นโม่หลินด้วยความแปลกใจ
ลูกชายคนนี้ของเขาโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยเห็นเขามีท่าทีเช่นนี้มาก่อนเลย เป็นห่วงเป็นใยผู้หญิงคนนี้มากขนาดนี้เชียวหรือ
ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้ จะเป็นรักแท้ จึงตกหลุมรักแต่แรกพบเลยสินะ
กู้จื่อเฟยส่ายหน้า ยื่นมือออกมาเพื่อหาโทรศัพท์ แต่ทันทีที่ขยับ ก็รู้สึกเจ็บที่แขนจนหัวใจเต้นแรง เจ็บเสียจนตาทั้งสองข้างเหลือกขึ้น เกือบจะเป็นลมหมดสติไป
เย้นโม่หลินเกร็งไปทั้งตัว รีบห้ามเธอทันที
“คุณอย่าเพิ่งขยับ คุณต้องการอะไร บอกผมมาสิครับ”
“ฉัน ฉันอยากหยิบ….”
กู้จื่อเฟยอดกลั้นความเจ็บปวดไว้ ยิ้มกว้างขณะพูด แต่พูดไปได้ครึ่งทาง กลับคิดขึ้นมาได้ว่า โทรศัพท์ของเธอถูกชายวัยกลางคนโยนทิ้งไปแล้ว
ตอนนี้น่าจะอยู่ที่พื้นของอาคารหลังเล็กของเย้นโม่หลิน
เธออึดอัดใจขึ้นมาทันที
หันหน้าไปหากงจืออวีกล่าวว่า “คุณป้าคะ เสี่ยวหว่านโทรมาหาหนู บอกว่าอยากเจอคุณป้าเย้น อยากมาหาพวกคุณคะ
โทรศัพท์ของหนูไม่ได้อยู่กับตัวตอนนี้ รบกวนคุณป้าช่วยโทรกลับไปหาเธอหน่อยนะคะ”
กงจืออวีมองหน้ากู้จื่อเฟยด้วยความเป็นห่วง พลางพยักหน้าอย่างนุ่มนวล
“ได้สิ ป้าจะโทรไปหาหล่อนเอง เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ตอนนี้เธอรีบรักษาแผลให้หายก่อนดีกว่า”
สองวันมานี้เพราะอาการของเย้นเจิ้นจื๋อ หล่อนจึงไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่ได้จับ จึงคิดได้ว่า เย้นหว่านน่าจะตามหาพวกเขาอยู่ตลอด
ในเมื่อติดต่อไม่ได้ จึงโทรไปหากู้จื่อเฟยแทน
กู้จื่อเฟยหนอกู้จื่อเฟย ตัวเองได้รับบาดเจ็บขนาดนี้แล้ว ยังมีแก่ใจคิดถึงเรื่องของเย้นหว่านอีก
กู้จื่อเฟยดึงเสื้อของเย้นโม่หลินไว้ น้ำเสียงอ่อนแรง พยายามเอ่ยปากขึ้น พูดด้วยความดีใจว่า
“ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นอีกคะ ข่าวดีจากเสี่ยวหว่าน เธอตั้งท้องแล้วนะคะ”
“อะไรนะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กงจืออวีเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ลูกสาวของเธอ กำลังตั้งท้อง
เธอจะมีหลานให้อุ้มแล้ว!
“จริงหรือนี่? ดีจังเลย ดีมากเลย จื่อเฟยป้าขอบใจหนูมากนะ นี่ช่างเป็นข่าวที่ดีเยี่ยมจริงๆ!”
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมามีเมฆหมอกปกคลุม นี่เป็นข่าวที่ดีที่สุดที่กงจืออวีได้รับฟัง
ในที่สุดก็ได้บอกข่าวดีไปแล้ว กู้จื่อเฟยจึงได้โล่งอก
เธอได้ทำภารกิจที่เย้นหว่านมอบหมายไว้ให้สำเร็จแล้ว
หลังจากที่เย้นโม่หลินดีใจไปได้สักพัก เขาก็ขมวดคิ้วแน่น มองไปที่กู้จื่อเฟยด้วยความทุกข์ใจและรู้สึกผิดอย่างมาก
นี่เองเขาจึงได้เข้าใจถึงวัฏจักรของชีวิต
กู้จื่อเฟยถูกเย้นจือฮวนจับตัวไป คงเป็นเพราะเรื่องของเย้นหว่าน จึงได้รีบอยากมาหาเขา
แต่ตัวเขากลับไม่รู้สถานการณ์ของเธอเลย ทำให้เธอต้องเผชิญอาชญากรรมครั้งใหญ่
เย้นโม่หลินกอดกู้จื่อเฟยไว้แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“เอาล่ะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคุณ รีบไปทำแผลเร็วเข้าเถอะ”
พูดจบ เย้นโม่หลินก็รีบก้าวเข้าไปในห้อง
ป่ายฉีเดินตามไปติดๆ
กู้จื่อเฟยคว้าแขนเสื้อของเย้นโม่หลินเอาไว้แน่น พูดเสียงแผ่วเบา ท่าทางเหมือนเด็กที่กำลังกลัว
“ระหว่างทำแผล คุณต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันด้วยนะคะ”
หล่อนหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อว่า “คุณรับปากแล้ว จะหนีออกไปกลางคันไม่ได้นะ”
“ครับ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
เย้นโม่หลินจ้องมองที่เธอ ราวกับว่า ณ เวลานี้ ในโลกของเขามีเธออยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
ป่ายฉีมองเย้นโม่หลินด้วยสายตาที่สับสน
อดไม่ได้อยากจะเตือนว่า นายน้อยครับ ท่านลืมเรื่องสำคัญอะไรไปหรือเปล่า? ตระกูลเย้นยังรอนายท่านไปจัดการอยู่นะครับ ป่านนี้คงวุ่นวายไปกันใหญ่แล้วละมังครับท่าน…..