กงจืออวีทานอาหารเช้าด้วยกันกับพวกเขา แล้วมอบหมายงานให้เย้นโม่หลินนิดหน่อย แล้วจึงออกไป
เรื่องที่เธอไม่ได้ดูแลก่อนหน้านี้ ตอนนี้เธอต้องกลับมารับมือใหม่ กลายเป็นคนที่ยุ่งที่สุด
ส่วนเย้นโม่หลินเมื่อหน้าที่ลดลง ก็มีเวลาเหลือเฟือคอยดูแลกู้จื่อเฟย คอยอยู่เป็นเพื่อนหล่อน
หลังจากที่กู้จื่อเฟยพักผ่อนแล้ว เธอจึงต่อสายวีดิโอคอลไปหาเสี่ยวหว่าน
แม้จะไม่รู้ว่ากงจืออวีคุยอะไรกับเสี่ยวหว่านบ้าง แต่เท่าที่เย้นโม่หลินบอก คนของโห้หลีเฉินมาแจ้งเขาว่า เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย
นั่นคงเป็นตอนที่เสี่ยวหว่านรับรู้ได้ว่าหล่อนตกอยู่ในอันตราย
เธอควรจะบอกเสี่ยวหว่านเสียหน่อย
หลังจากเสียงดัง”ตรู้ดๆๆ”สองสามครั้ง เสี่ยวหว่านทางนั้นจึงกดรับสาย
“เสี่ยวหว่าน~”
กู้จื่อเฟยทักทายเสี่ยวหว่านด้วยความดีใจ แต่พอเห็นใบหน้าซีดเซียวบนหน้าจอ รอยยิ้มของเธอหุบลงทันที
เสียงของเธอเปลี่ยนไปทันที ถามอย่างร้อนใจว่า “เสี่ยวหว่าน เป็นอะไรไปน่ะ? ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”
สีหน้าซีดเซียวราวกับกระดาษ ใต้ตาดำคล้ำและหนา ดูสภาพทรุดโทรมเกินบรรยาย
แถมกู้จื่อเฟยเพิ่งพบว่า เสี่ยวหว่านดูเหมือนจะผอมลง
เย้นโม่หลินเดิมทีอ่านเอกสารอยู่ข้างๆ ได้ยินกู้จื่อเฟยพูด รีบทิ้งเอกสารไว้เดินเข้ามาทันที
เขามองใบหน้าเล็กๆบนหน้าจอ หน้าหงิกขึ้นมาทันที
เขาลดเสียงลง ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เสี่ยวหว่าน เธอไม่สบายหรือ?”
เสี่ยวหว่านส่ายหน้า มุมปากที่ซีดเซียวยกขึ้น ดึงส่วนโค้งที่ซีดเซียวออกมา
เธอพูดหน้าตาเฉยว่า
“ไม่ได้เป็นอะไร พวกเธออย่าตื่นเต้นไปหน่อยเลย ฉันก็แค่แพ้ท้องหนักเท่านั้นเอง เพิ่งจะไปอาเจียนมา”
แพ้ท้อง…..
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วแน่น เหมือนว่าไม่ค่อยเข้าใจ
กู้จื่อเฟยจึงได้ถึงบางอ้อ ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง แพ้ท้องรุนแรง เป็นอะไรที่ทรมานมาก
หล่อนถามด้วยความกังวล “เธอแพ้ท้องรุนแรงมากหรือ?”
“สองวันนี้ค่อนข้างหนัก แต่ว่าคุณหมอคอยมาดูตลอด ไม่เป็นไรหรอก”
เสี่ยวหว่านอธิบาย ย้อนถามว่า “จื่อเฟย แผลของเธอเป็นอย่างไรบ้าง? ฉันขอดูหน่อยสิ?”
“ไม่เป็นไรแล้ว แค่เล็กน้อยเท่านั้น อีกไม่นานก็หายดีแล้วล่ะ”
กู้จื่อเฟยไม่ได้ขยับหน้าจอให้เสี่ยวหว่านได้เห็นร่างกายของเธอที่ถูกม้วนเป็นบ๊ะจ่าง แถมยังส่งยิ้มหน้าระรื่นให้
“ฉันจะบอกอะไรเธอให้ ได้รับบาดเจ็บมันก็มีข้อดีเหมือนกันนะ พี่ชายของเธอน่ะ คอยดูแลฉันตลอด24ชั่วโมงเลยล่ะ”
เห็นกู้จื่อเฟยมีสีหน้ายิ้มแย้มสดใส ราวกับแมวได้ขโมยกินปลา เสี่ยวหว่านก็ไม่รู้สึกเป็นห่วงอีก
หล่อนยังมีอารมณ์หยอกล้อเย้นโม่หลิน นั่นแสดงว่าบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
เสี่ยวหว่านมองดูเย้นโม่หลิน พูดอย่างจริงจังว่า
“พี่คะ พี่ต้องดูแลจื่อเฟยให้ดีนะ เธอได้รับบาดเจ็บร่างกายอ่อนแอ จิตใจก็เปราะบางไปด้วย ถ้าเธอต้องการอะไรพี่ต้องบริการเต็มที่นะคะ ต้องทำให้จิตใจของเธอเบิกบานเข้าไว้บาดแผลจึงจะหายเร็วคะ”
เย้นโม่หลิน “…..”
คำพูดนี้ฟังดูแล้ว เหมือนกับที่กงจืออวีพูดไว้เลยทั้งคู่ต่างพาดพิงถึงเขา
กู้จื่อเฟยยกนิ้วให้เย้นหว่านอย่างเงียบๆ
สมเป็นเพื่อนสนิทโดยแท้ รู้ใจจริงๆ
เสี่ยวหว่านขยิบตาให้กู้จื่อเฟย พลางส่งยิ้มให้อย่างเปิดเผย แต่จู่ๆสีหน้ากลับเปลี่ยนไป เสียง”แหวะ”ดังขึ้นพร้อมกับการโก่งตัวอาเจียนออกมา
ในหน้าจอเห็นเพียงหลังของหล่อนเท่านั้น
“เสี่ยวหว่าน?”
“เสี่ยวหว่าน!”
กู้จื่อเฟยและเย้นโม่หลินร้องเรียกด้วยเป็นห่วง พลางมองหน้าจอด้วยความตื่นเต้น
เวลานี้ ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งปรากฏขึ้นในจอภาพ เขาคือโห้หลีเฉิน
เขายืนอยู่ข้างๆเสี่ยวหว่าน ขมวดคิ้วแน่น ฝ่ามือใหญ่ของเขาตบหลังของเสี่ยวหว่านเบาๆ
เสี่ยวหว่านอาเจียนอยู่สักพัก จึงค่อยดีขึ้น
โห้หลีเฉินก็ยืนอยู่ข้างๆเธอ รีบส่งน้ำให้เธอจิบทันที
ดูท่าทางคล่องแคล่ว
เย้นโม่หลินกลับยิ่งดูคิ้วยิ่งขมวดแน่นมากขึ้น แม้ว่าดูจากท่าทางของเสี่ยวหว่านและกู้จื่อเฟย การแพ้ท้องเป็นเรื่องปกติแต่เสี่ยวหว่านแพ้ขนาดนี้ กลับทำให้เขารู้สึกว่ากระวนกระวายใจอย่างมาก
น้องสาวของตัวเอง ทำไมต้องทนทุกข์แบบนี้?
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ออกคำสั่งไปว่า “มาหาผมหน่อย”
กู้จื่อเฟยมองเขาด้วยความสงสัย “คุณเรียกใครคะ?”
“ป่ายฉี”
เย้นโม่หลินตอบเสียงเข้ม
หน้าจอฝั่งนั้น เสี่ยวหว่านดีขึ้นแล้ว พลันได้ยินบทสนทนานี้เข้า รีบบอกว่า
“ไม่ต้องเรียกป่ายฉีหรอกค่ะ คุณหมอบอกแล้วว่า นี่เป็นเรื่องปกติ ผ่านช่วงนี้ไปก็จะดีขึ้นเอง”
เย้นโม่หลินยังไม่เปลี่ยนท่าที “ให้ป่ายฉีดูหน่อย พี่ถึงจะวางใจ”
เสี่ยวหว่านไม่มีทางเลือก “ป่ายฉีเก่งขนาดนั้นเลยหรือ สามารถรักษาผ่านวีดิโอคอลได้ด้วย?”
เย้นโม่หลินมองเสี่ยวหว่านหน้านิ่ง ไม่สนใจคำพูดขำขันของเธอ
โห้หลีเฉินก็นั่งอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาของเขาจ้องอยู่แต่ที่เสี่ยวหว่าน
คิ้วที่สวยงามของเขายังคงขมวดแน่นไม่คลี่
แม้ว่าคุณหมอจะบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา เห็นหล่อนตั้งท้องแล้วทรมานขนาดนี้ เขาแทบจะไม่อยากมีลูกเสียแล้ว
ไม่นาน ป่ายฉีก็มาถึง
พอก้าวเข้าประตู เขาก็ตะโกนว่า “เกิดอะไรขึ้น? พวกคุณเคลื่อนไหวรุนแรงเกินไป จนแผลปริหรือ?”
ในคำพูดนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์แซวเล่น
เย้นโม่หลินมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “คุณดูเสี่ยวหว่านให้หน่อยสิ เธออาเจียนหนักมากเลย”
“เสี่ยวหว่าน?”
ป่ายฉีตระหนักได้ในทันทีว่าในมือของกู้จื่อเฟยถือโทรศัพท์อยู่ ก้าวเข้าไปหา โผล่หน้าเข้าไปในจอ
เขายิ้มและโบกมือในวีดิโอคอล “สวัสดี เสี่ยวหว่าน ไม่ได้เจอกันนานเลย คิดถึงผมไหมครับ?”
เย้นโม่หลิน “…..” อยากจะเตะป่ายฉีที่ยิ้มหน้าระรื่นสักที ไม่เห็นหรือว่าเสี่ยวหว่านอาเจียนจนหน้าซีดขนาดนั้น คนกำลังซีเรียส?
โห้หลีเฉินนิ่งเฉย ออร่าของตัวเขาเย็นชา
เมื่อสีหน้าเขาขัดใจเย้นหว่าน
ก็ทิ้งช่วงช่วยชีวิตป่ายฉีได้พอดี
เย้นหว่านฝืนยิ้มบนใบหน้า ทั้งๆที่รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ฉันคิดถึงคุณแล้ว คุณอยากมาเยี่ยมฉันที่ตระกูลหยูไหมคะ?”
ป่ายฉีรีบส่ายหน้า “ไม่ดีกว่าครับ แหลาวปัญหาของตระกูลหยูนั้น ต้องจับผมกินแน่ๆ”
เย้นหว่านเย้ยหยัน “คนขี้ขลาด”
“อะไรกัน เด็กคนนี้ มาว่าผมได้ยังไง จะให้ผมรักษาให้ไหมนี่?”
เสี่ยวหว่านทำเป็นหยิ่ง “ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องขอร้องคุณก็ได้”
ป่ายฉี “……” ไม่มีอะไรจะเถียง
เขาโบกมือ “ผมอยากจะเดินออกไปแบบเชิดใส่จริงๆ แต่กลัวว่าพี่ชายคุณจะฆ่าผมน่ะสิ ผมจำใจตรวจให้คุณหน่อยละกัน”
เย้นโม่หลินหน้าหงิก “พูดจาพร่ำเพรื่อ รีบตรวจเร็วๆเข้าเถอะ”
ป่ายฉี “……” เขารู้สึกว่า ตั้งแต่เย้นโม่หลินมีน้องสาว และไหนจะแฟนสาวอีก พฤติกรรมเขาก็เปลี่ยนไป ไม่เพียงไม่รักเขา แถมยังปฏิบัติต่อเขาแย่ลงเรื่อยๆ
เย้นโม่หลินพวกไม่ได้เรื่องดีแต่ใช้กำลัง
ป่ายฉีบ่นว่าในใจ แต่ก็ไม่ทำให้เสียเวลาเพิ่ม สอบถามอาการของเย้นหว่านผ่านทางวีดิโอคอล
หลังจากที่ตรวจสอบดูแล้ว ก็สรุปได้ว่า เย้นหว่านแค่แพ้ท้องเท่านั้น เป็นเรื่องปกติ
แต่เขากลับขมวดคิ้วแน่น มองโห้หลีเฉินอย่างไม่สบายใจ
“คุณไม่ได้นอนมากี่คืนแล้วหรือว่าไม่สบายหรือเปล่าครับ? ดวงตาของคุณมีเลือดฝาด ดูผิดปกติไปหน่อย”