ภายในงานเลี้ยง เค้กถูกตัดท่ามกลางสายตาทุกคน บรรยากาศของงานเต็มไปด้วยความรื่นรมย์หรรษา
เย้นซิวหย่ากลับถามด้วยความฉงนใจ
“จื่อเฟยล่ะ?ตัดเค้ก ทำไมไม่เห็นเธอล่ะ?”
หล่อนถามเช่นนี้ เดิมทีผู้คนที่สงสารว่าตัวเอกในงานคืนนี้อย่างกู้จื่อเฟยทำไมไม่อยู่ ตอนนี้ก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้น
เย้นโม่หลินอธิบายสีหน้าเรียบเฉย”เธอไปเปลี่ยนเสื้อ เดี๋ยวก็มา”
เย้นซิวหย่าพยักหน้าหงึกๆด้วยความเข้าใจ กล่าวว่า
“อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะเมื่อกี้ชิวเจ๋อบอกว่าไม่เห็นกู้จื่อเฟย”
พูดพลางมองรอบๆ”ฉันต้องบอกชิวเจ๋อหน่อยว่าไม่ต้องหาแล้ว เอ๋……ชิวเจ๋อล่ะ?”
เห็นคนส่วนมากยืนอออยู่ตรงนี้กันหมด แต่ด้านในหรือด้านนอกก็ไม่เห็นเงาของชิวเจ๋อเลย
คนอื่นก็รู้สึกสงสัย เวลาเจ้าภาพตัดเค้ก ผู้เป็นแขกควรอยู่ร่วมด้วยถึงจะถูก ทำไมหายไปกะทันหันล่ะ?
เวลานี้ มีคนบอกว่า”คุณหญิงสาม เมื่อกี้ฉันเห็นชิวเจ๋อเดินไปที่ตึกเล็กหลังนั้นค่ะ”
ผู้คนมองตามตึกเล็กที่ใกล้ที่สุด
สีหน้าเย้นโม่หลินมืดครึ้มทันที
มีคนพูดเสียงเบาต่อว่า”เหมือนกู้จื่อเฟยก็ไปเปลี่ยนเสื้อตรงนั้นนะ?งั้นชิวเจ๋อคือไปหาเธอใช่ไหม……”
สีหน้าเย้นโม่หลินยิ่งมืดครึ้มกว่าเดิม
เขาวางมีดตัดเค้กลง กล่าวเสียงเครียดกับกงจืออวีว่า
“ผมไปดูก่อนครับแม่”
พูดจบ เขาก็ไม่ใส่ใจคนอื่น รีบสาวเท้าเดินไปยังตึกเล็กหลังนั้น
เย้นซิวหย่าเห็นเย้นโม่หลินไป ส่วนลึกของดวงตาพลันเผยรอยยิ้มลำพองใจขึ้น
เจียงเป้ยนีวิ่งไปขวางทางเย้นโม่หลิน
เธอกล่าวด้วยความหวังดี”พี่เย้นค่ะ ยังรอให้พี่นำตัดเค้กนะคะ อีกอย่างชิวเจ๋อคือไอดอลในใจกู้จื่อเฟย กู้จื่อเฟยชอบเขามาหลายปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เจอหน้ากัน คงมีเรื่องให้คุยเยอะ พวกเขาอยากคุยกันตามลำพังก็เข้าใจได้อยู่นะคะ คุณอย่าพึ่งไปสนใจเลยค่ะ ตัดเค้กกันดีกว่าค่ะ?”
ไม่พูดยังพอว่า เมื่อพูดแล้ว ใบหน้าเย้นโม่หลินราวกับฟ้าอันมืดมนก่อนฝนกับลมจะกระโชกแรง
หัวใจเขายิ่งปั่นป่วนเป็นเท่าทวีคูณ
เขาไม่ได้แยแสเจียงเป้ยนี เดินผ่านเธอแล้วรีบเดินไปยังตึกเล็กทันที
เจียงเป้ยนีตะโกนด้วยความกังวล”พี่เย้น……”
แม้นสีหน้าเธอจะกังวล ทว่าในใจกลับมีความสุขอย่างระงับไม่อยู่
ไฟลุกโชนอย่างรุนแรงแล้ว
ด้านในห้องข้าวของระเกะระกะไปหมด
ของเกลื่อนกลาดเต็มพื้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องแต่งหน้าหรืออุปกรณ์ตกแต่งภายในห้อง ล้วนร่วงหล่นใส่พื้นจนยุ่งเหยิง
ภายในห้องราวกับเคยมีลมแรงพัดโหมกระหน่ำเข้ามา
และเวลานี้ กู้จื่อเฟยถูกชิวเจ๋อขืนใจทับร่างกายอยู่บนเตียง ชุดราตรีสีแดงแหวกไหล่ลงมากว่าครึ่ง
หน้าผากชิวเจ๋อถูกทุบจนเลือดสดไหลซึม
เขาจับหน้าผาก ยกนิ้วมือที่เปื้อนเลือดมาเลีย ท่าทางขี้เล่นอย่างดุร้าย
“เป็นแมวป่านี่เอง”
“ไอ้สารเลว โรคจิต ไร้ยางอาย!หลีกไป!”
กู้จื่อเฟยตะโกนด่าสุดเสียง ความโกรธเคือง ความสะอิดสะเอียนถึงขีดสุด
ชิวเจ๋อคนต่ำทรามขนานแท้เลย
คือหมาหัวเน่าที่น่าขยะแขยงที่สุด
“คุณปลุกอารมณ์ผมแล้ว ผมจะปล่อยคุณไปได้ยังไง?”
ชิวเจ๋อยิ้มอย่างอำมหิตดุจนกล่าเหยื่อ ก้มหน้าหมายจะประทับจูบที่ริมฝีปากกู้จื่อเฟย
สองมือและสองขาของกู้จื่อเฟยถูกเขาพันธนาการจนขยับเขยื้อนไม่ได้ เมื่อเห็นปากอันน่าขยะแขยงของเขาใกล้เข้ามา จึงได้แต่ปิดปากแน่น ก่อนจะเอียงหน้าหนี
ริมฝีผากชิวเจ๋อหล่นอยู่ที่ใบหน้าของกู้จื่อเฟย
ชิวเจ๋อยิ้มอย่างขี้เล่น”ในเมื่อคุณไม่ชอบเมาท์ทูเมาท์ งั้นก็จูบที่อื่นละกัน”
พูดพลางจูบที่คอของเธอ
ความรู้สึกที่เปียกชื้นนี้ ทำให้กู้จื่อเฟยขนลุกชันทั้งตัว คลื่นไส้จนอยากจะอ้วก
เธอกรีดร้องอย่างกราดเกรี้ยว”อย่ามาแตะฉัน อย่ามาแตะฉัน!ชิวเจ๋อ ฉันจะฆ่าคุณ ฉันจะให้เย้นโม่หลินฆ่าคุณ เขาต้องฆ่าคุณแน่ๆ!”
ชิวเจ๋อไม่สนใจเลยสักนิด พลางลูบคลำบริเวณผิวของกู้จื่อเฟยที่เสื้อขาดรุ่งริ่ง
กู้จื่อเฟยตัวแข็งทื่อพร้อมกับสั่นเทิ้ม เบ้าตาแดงก่ำ รู้สึกอับอายสุดจะทนได้ ยังมีความรู้สึกหมดหวังในความมืดมนอีกด้วย
เธอต้องจบลงในเงื้อมมือของชิวเจ๋อแล้วหรือ?
“ก๊อกๆๆ”
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น นอกประตูมีเสียงของเย้นโม่หลิน”กู้จื่อเฟย คุณเปลี่ยนเสร็จหรือยัง?”
กู้จื่อเฟยที่เกือบถูกความสิ้นหวังกลืนกินก็สะดุ้ง พลางบังเกิดความหวัง
เธออ้าปากจะเรียกให้เขาช่วย เวลานี้นี่เอง มือใหญ่ก็มาปิดปากเธอเสียสนิท
“อืมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
กู้จื่อเฟยส่งเสียงดังไม่ได้ในชั่วขณะนี้
ชิวเจ๋อที่ทับร่างกู้จื่อเฟยไว้ สบถอย่างหงุดหงิดว่า”มาไม่เป็นเวลาเลย”
เย้นโม่หลินเคาะประตูอีกครั้ง เสียงดังกว่าเดิม”กู้จื่อเฟยคุณอยู่ข้างในไหม?”
“อืมๆๆ!”
เธออยู่ เธออยู่ข้างใน รีบมาช่วยเธอเร็ว
กู้จื่อเฟยพยายามส่งเสียงสุดชีวิต มองประตูด้วยความร้อนใจ
เธอรู้จักเย้นโม่หลิน
มีปฏิภาณไหวพริบเฉียบแหลม แม้จะมีพิรุธเพียงนิดเดียว เขาก็สังเกตได้ ประตูกำลังล็อกอยู่ แต่เธอกลับไม่เปิด เย้นโม่หลินต้องสงสัยเป็นแน่
เขาต้องพังประตูเข้ามาแน่ๆ
เธอรอดแล้ว
เธอกำลังตั้งความหวังอย่างใจจดใจจ่อ จากนั้นชิวเจ๋อก็อุ้มเธอกลิ้งตกจากเตียงกะทันหัน
“ปัง”เกิดเสียงดังขึ้น เธอกระแทกพื้นอย่างจัง เจ็บราวกับกระดูกจะขาดละเอียดเสียแล้ว
ส่วนชิวเจ๋อที่ร่างกายหนักหน่วงยังคงทับร่างเธออยู่เช่นเดิม
การกดทับทำให้กู้จื่อเฟยทั้งหน้าขาวและแดง เกือบขาดลมหายใจกันเลยทีเดียว
เสียงดังนี้ก็เข้าหูของเย้นโม่หลินด้วย
เสียงผิดปกติเป็นเค้าลางว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว
เย้นโม่หลินไม่ชักช้า ยกเท้าถีบเกิดเสียงดัง”ปัง”หนึ่งเสียง ประตูก็ล้มตัวลง
เย้นโม่หลินรุ่งพวยพุ่งเข้ามาจากด้านนอก”กู้จื่อเฟย คุณเป็นอะไร……”
เขายังไม่ทันพูดจบ ถ้อยคำก็ติดอยู่ในลำคอ
เขาทำหน้าเย็นชา จ้องภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง
กู้จื่อเฟยนอนใต้ชิวเจ๋อด้วยเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย
ใบหน้าเธอแดงระเรื่อ บริเวณคอยังมีรอยจูบเจือจาง……
เวลาเดียวกันชิวเจ๋อก็รีบเก็บมือที่ปิดปากกู้จื่อเฟยไว้ ยังไม่รอให้กู้จื่อเฟยเอ่ยปากพูด เขาก็รีบลุกออกจากตัวกู้จื่อเฟยอย่างลุกลน
รีบอธิบายด้วยความร้อนรน
“คุณเย้นครับ ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเห็นนะครับ พวกเราไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นครับ แค่เข้าใจผิด เข้าใจผิดครับ”
กู้จื่อเฟยมีโอกาสเปิดปากพูด กำลังจะร้องขอความช่วยเหลือ ชั่วอึดใจนั้นกลับถูกคำพูดของชิวเจ๋อกล้ำกลืนลงคอ
เขาพูดอย่างนี้ เท่ากับแย่งเธอพูดเลยนะ
แล้วเธอจะพูดอะไรได้อีก?
พูดอะไรก็เป็นคำแก้ต่างที่อธิบายร่วมกับชิวเจ๋อ เหมือนอยากอำพรางความผิด ซึ่งจะทำให้รู้สึกสงสัย ไม่น่าเชื่อถือมากขึ้น
กู้จื่อเฟยโกรธจนเกือบกระอักเลือด มิน่าล่ะชิวเจ๋อถูกจับคาหนังคาเขายังใจเย็นได้อีก คงคิดจะวางแผนกับเธออย่างนี้แต่แรกแล้ว!
กู้จื่อเฟยกระวนกระวายใจ กล่าวเสียงสะอื้นว่า”พี่เย้น……”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เย้นโม่หลินคล้ายกับไม่อยากฟังแม้แต่ครึ่งคำ กระโจนเข้าหากะทันหัน ก่อนจะปล่อยหมัดชกใส่หน้าชิวเจ๋อ