กู้จื่อเฟยขมวดคิ้วแน่นเป็นปม มองเจียงเป้ยนีที่ราวีแบบไม่คิดวางมือ หมายจะใส่ร้ายเธอให้ตาย แล้วมองไปยังผู้คนด้านหลังที่คล้ายกับถูกน้ำมันหมูบดบังหัวใจ เธอจึงรับรู้ว่า ตอนนี้ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็ไร้ผลทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีขยะสังคมอย่างชิวเจ๋อ ใกล้ตายแล้วยังจะปรักปรำเธออีก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเธอต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่ด้วย
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เย้นโม่หลิน
ขอเพียงพี่เย้นเชื่อใจเธอ ไม่เข้าใจเธอผิด ไม่เสียใจทรมาน คนอื่นจะมองเธอยังไงเธอก็ขี้เกียจสนใจ
ใบหน้ากู้จื่อเฟยเย็นเยียบอย่างเฉียบพลัน ไม่อธิบายด้วยความกังวลอีกต่อไป แต่เป็นการจ้องเจียงเป้ยนีด้วยสายตาแหลมคม
แววตาที่เฉียบคมนี้ ทำให้เจียงเป้ยนีรู้สึกเสียวสันหลัง พลางสะดุ้งตกใจ
ทว่าคิดได้ว่ากู้จื่อเฟยก็แค่หญิงอ่อนแอ ด้านหลังเธอยังมีคนมองอีกมากมาย กู้จื่อเฟยคงไม่กล้าทำอะไรส่งเดช จึงมีความกล้าอีกครั้ง
ด่าต่อไปว่า”กู้จื่อเฟย คุณจ้องฉันอย่างนี้ทำไม?ทำเรื่องอับอายเช่นนี้แล้วยังไม่สำนึกผิดอีกเหรอ?”
“เจียงเป้ยนี”
กู้จื่อเฟยกล่าวทีละถ้อยคำ พูดไปพลาง เดินเข้าหาเจียงเป้ยนีไปพลาง
“คุณวางแผนลวงใส่ฉันใช่ไหม?ทำให้ฉันมีมลทิน แล้วเลิกกับพี่เย้น?ลำบากคุณจริงๆที่ไปสืบเรื่องของฉันอย่างละเอียดเช่นนี้ เชิญชิวเจ๋อมาโดยเฉพาะ”
เจียงเป้ยนีหน้าเปลี่ยนสีทันควัน จากนั้นก็ด่าด้วยใบหน้าโหด ทว่าในใจกลับหวาดกลัว”คุณพูดเหลวไหลอะไร”
“จริงหรือเท็จ ตัวคุณเองรู้ดีที่สุด”
กู้จื่อเฟยก้าวเท้ายาวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว อยู่ตรงหน้าเจียงเป้ยนีทันที”ฉันไม่ปล่อยคุณแน่ เจียงเป้ยนี ฉันจะทำให้คุณตายแน่ จุดจบของคุณร้องอนาถกว่าเย้นจือฮวนร้อยเท่า!”
เป็นถ้อยคำที่ขบฟันพูดด้วยความชิงชัง หนาวเหน็บเข้าถึงกระดูกจนชวนให้รู้สึกเสียวเย็น
สมองเจียงเป้ยนีปรากฏภาพเย้นจือฮวนที่มีแผลเต็มตัวอย่างน่าเวทนา
ทันใดนั้นเธอตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ พลางถอยหลังสองสาวก้าวด้วยใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ
กู้จื่อเฟยมองหน้าหล่อนอย่างเย็นเยียบ จากนั้นก็ก้าวเท้ายาวไปด้านหน้า ถือโอกาสที่เจียงเป้ยนีถอยหลังแล้วเกิดช่องว่าง เดินผ่านออกจากประตูผ่านตัวหล่อน
เธอไม่รีรอแม้แต่วินาทีเดียว ดึงกระโปรงชุดราตรีขึ้น จากนั้นก็รีบก้าวเท้าวิ่งไปยังทิศทางที่เย้นโม่หลินจากไป
เห็นกู้จื่อเฟยหนีไปแล้ว เจียงเป้ยนีถึงตามกลลวงทันภายหลัง
กู้จื่อเฟยจงใจขู่ขวัญเธอ!
ถือโอกาสเธอถอยหลังหนีออกไป!
เจียงเป้ยนีกล่าวด้วยความหงุดหงิด”ทุกคนเห็นแล้วใช่ไหมค่ะ กู้จื่อเฟยหนีความผิด!หล่อนอธิบายไม่ได้เลยหนี หล่อนหนีก็เท่ากับยอมรับแล้ว!หล่อนมีชู้จริงๆค่ะ สวมเขาให้พี่เย้นจริงๆค่ะ”
ผู้คนมองแผ่นหลังกู้จื่อเฟยที่วิ่งหนีไปเท้าเปล่าก็รู้สึกโกรธมาก
“รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ แสร้งทำเป็นคนดีไร้เดียงสา ที่แท้เป็นผู้หญิงปล่อยตัวไร้ยางอายนี่เอง”
“ผู้หญิงอย่างนี้ไม่มีคุณสมบัติเป็นคุณนายน้อยแห่งตระกูลเย้นของพวกเรา”
“ต้องให้หล่อนไสหัวออกจากบ้านตระกูลเย้น กระทั่งตระกูลเล็กๆของหล่อนก็ต้องทำลายทิ้งให้ราบคาบ ตระกูลเย้นของพวกเราไม่อนุญาตให้มีเรื่องสกปรกแบบนี้”
ทุกคนต่างเคียดแค้น แทบอยากจะลากตัวกู้จื่อเฟยมาฉีกให้เละกันเลยทีเดียว
พวกเขาภาคภูมิใจในชื่อเสียงและเกียรติของตระกูลเย้น
รับความอัปยศอดสูของตระกูลเย้นไม่ได้
ใบหน้าเจียงเป้ยนีเผยความโกรธเคือง ทว่าก้นบึ้งของดวงตากลับมีรอยยิ้มแวบผ่าน
ถึงเย้นโม่หลินจะชอบกู้จื่อเฟยแล้วอย่างไร ถึงแม้ประกาศว่าจะแต่งงานกับเย้นโม่หลินแล้วอย่างไร?สำหรับความรักของหนุ่มสาว สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดก็คือการเข้าใจผิดและการทรยศ
เธอมองผู้คน แสร้งพูดด้วยเจตนาดีว่า
“เพราะกู้จื่อเฟยเป็นแฟนสาวคนแรกที่พี่เย้นพากลับมา พี่เย้นคงเสียใจมากค่ะ เรื่องนี้พวกเราถือซะว่าไม่เคยเห็นมาก่อนนะคะ ไม่ต้องพูดออกไปแล้วมั้งคะ?ไม่งั้นชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของกู้จื่อเฟยก็จะจบสิ้นเลยค่ะ
วันหลังหล่อนคงไม่เงยหน้าเจอคนไม่ได้แล้วค่ะ”
“ถุย!หล่อนยังคิดจะเป็นคนอีกเหรอ?”
มีคนด่าทอด้วยความกราดเกรี้ยวกะทันหัน”หล่อนทำเรื่องอับอายอย่างนี้ก็สมควรโดนชี้หน้าด่า ได้รับผลตอบแทนที่โหดร้ายที่สุด”
“ใช่ กล้าทรยศตระกูลเย้นของพวกเราก็คือหล่อนรนหาที่ตายเอง”
“พวกเราไม่เพียงแต่ประกาศให้ทุกคนรู้ถึงเรื่องที่หล่อนทำ ให้รู้ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงแบบไหน ทั้งยังให้หล่อนใช้ชีวิตสุดแสนจะรันทดด้วย”
ทุกคนด่า ทุกคนเกลียด พูดถึงวิธีโจมตีกู้จื่อเฟย โดยหมายจะเหยียบเธอให้ตาย
ตระกูลเย้นอยากฆ่าใครสักคน แม้กระทั่งตระกูลของเธอก็ต้องพลอยรับเคราะห์แบบยืนหยัดไม่ได้อีกต่อไปด้วย
เจียงเป้ยนีมองดูเหตุการณ์ด้วยความพึงพอใจ เธออยากให้กู้จื่อเฟยตายจนไม่อาจตายได้อยู่แล้ว
เธอไม่ได้เร่ง ทุกคนก็จะจัดการเองด้วยความทนไม่ได้แล้ว
ถึงแม้กู้จื่อเฟยจะหนีไปแล้ว แต่หนีก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาเอาให้เธอตายได้เหมือนเดิม
และที่นี่คือบ้านตระกูลเย้น เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป มีคนมากมายจับเธอออกมาฆ่าทิ้งแน่นอน
ทุกคนด่าพลางเดินไปยังงานเลี้ยง พอเพิ่งไปได้สองก้าว เวลานี้เสียงใสของผู้หญิงก็ดังขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้”
ทุกคนมองตามต้นเสียงก็เห็นกงจืออวีอย่างเหนือความคาดหมาย
เธอยืนตัวตรงด้วยอิริยาบถสง่างาม สีหน้าไม่สู้ดีนัก ทั่วร่างกายแผ่กระจายด้วยรังสีจักรพรรดินี ชวนให้ยำเกรงต่อบารมียิ่งนัก
เจียงเป้ยนีรีบทักทายอย่างมีมารยาท”คุณป้าค่ะ”
คนอื่นก็รีบทักทาย”นายหญิง”
“ทำไมนายหญิงอยู่ตรงนี่ล่ะครับ?”
ตอนพวกเขามายังไม่เห็นกงจืออวีเลย เธอพึ่งมาหรือเปล่า?
กงจืออวีใช้สายตาเย็นเยียบมองทุกคน สุดท้ายก็หยุดอยู่บนตัวของเจียงเป้ยนี
ราวกับก้อนน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกทิ่มแทงคน”พวกคุณจะทำอะไร?”
เจียงเป้ยนีรู้สึกแผ่นหลังเย็นวูบในบัดดล รู้สึกหวาดผวาจับใจ
เธอรู้สึกจิตใจหวาดหวั่น ละอายแก่ใจเล็กน้อย
อีกคนเอ่ยปากตอบด้วยความเคารพ
“นายหญิงครับ พวกเรามาจับชู้คาที่ครับ เห็นกู้จื่อเฟยกับคนอื่นทำเรื่องต่ำทรามครับ นายน้อยโกรธมากครับ ความอับอายนี้ตระกูลเย้นของพวกเราก็ทนไม่ได้ครับ พวกเราเตรียมจะไปรายงานให้แก่ท่านและผู้นำบ้านครับ”
กงจืออวีหน้าไม่ถอดสี สายตาที่เฉียบคมยังคงฉายแววเย็นยะเยือกมองเจียงเป้ยนี
“ฉันกำลังถามเธอว่าคิดจะทำอะไร?”
เจียงเป้ยนีตัวแข็งทื่อกะทันหัน สีหน้าซีดขาวอย่างช่วยไม่ได้
เธอที่ริมปากกล้าเมื่อเผชิญหน้ากับกงจืออวีก็ใจเสาะทันที คล้ายกับความคิดชั่วช้าของเธอถูกกงจืออวีมองทะลุปรุโปร่งอย่างง่ายดายแล้ว
เธอกระสับกระส่ายเต็มอก รวบรวมความกล้าอย่างยากเย็นแล้วกล่าวว่า
“หนู หนูไม่คิดจะทำอะไรค่ะ แค่ตามมาดูว่ากู้จื่อเฟยถึงกลับทำร้ายจิตใจพี่เย้นอย่างนี้ รู้สึกอยากทวงความยุติธรรมแทนพี่เย้นเท่านั้นเองค่ะ”
กงจืออวียกยิ้มเย็นขึ้น”เธอมีคุณสมบัติอะไรทวงความยุติธรรมแทนเขา?”
ถ้อยคำเย้ยหยันทำให้เจียงเป้ยนีตัวแข็งอยู่กับที่
ประโยคนี้มันช่างแดกดันอย่างยิ่งยวด
แดกดันที่เธอชอบยุ่งเรื่องคนอื่น ยิ่งปัดเธอออกจากตระกูลเย้นโดยตรง เห็นเป็นคนนอกและห่างเหินกับเธอ
แววตาเธอสั่นคลอนอย่างรุนแรง มองแววตาเย็นชาของกงจืออวีอย่างสาหัส
เมื่อก่อนกงจืออวีถือว่าปฏิบัติต่อเธอไม่เลวเลย ส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เสมอ
ตอนนี้……
เธอรับรู้ออร่าของนายหญิงตระกูลเย้นเต็มสองตาแล้ว เมื่อสบตาอันเย็นยะเยือกของท่านจะยิ่งรู้สึกหวาดผวามากขึ้น
เธอจึงกระสับกระส่ายไม่หยุดหย่อน
กงจืออวีหมายความว่าอย่างไร คือไม่พอใจที่เธอล่วงรู้ความอัปยศอดสูของตระกูลเย้น หรือว่ามีเจตนาปกป้องกู้จื่อเฟย ……