เจียงเป้ยนีกำลังเผชิญกับสายตาสงสัยของผู้คน เธอรู้สึกเพียงว่าหนังศีรษะของเธอชา และร่างกายของเธอก็เครียดเกร็ง
เรื่องมาถึงขึ้นนี้แล้ว เธอไม่สามารถปล่อยให้ความแตกได้
เธอกัดฟัน และพูดกับชิวเจ๋อแบบไร้เสียง มีเพียงรูปปากที่พอจะสื่อ “ฉันจะหาวิธี”
ใบหน้าของชิวเจ๋อไร้สีเลือด
หาวิธี?
เมื่อเห็นท่าทางของเจียงเป้ยนี ปกป้องตัวเองยังยาก จะไปช่วยเขาได้อย่างไร
เมื่อเขาเข้าไปข้างในก็มีเพียงทางตันเท่านั้น
ไม่ เขายังไม่อยากตาย
เขามาเพื่อหาเงินเท่านั้น เพื่อที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น เขายังไม่ได้สนุกกับชีวิตที่เหลืออยู่เลย จะตายได้อย่างไรกัน?
แล้วยังมาตายแบบนี้
ตายแทนคนอื่น
ความตื่นตระหนกและความเกลียดชังของชิวเจ๋อพลันปะทุขึ้น เขาหน้าแดงและตะโกนใส่เจียงเป้ยนี
“คุณสัญญาว่าจะทำให้ผมปลอดภัย และคุณก็สัญญาว่าผมจะไม่ตาย เจียงเป้ยนีแผนของคุณล้มเหลว จะให้ผมรับโทษร่วม ให้ผมตายแทนใช่ไหม?”
ใบหน้าของเจียงเป้ยนีเปลี่ยนไปอย่างมาก “หุบปาก แกกำลังพูดไร้สาระอะไร! หุบปากนะ!”
ชิวเจ๋อวางแผนที่จะตายไปด้วยกัน
เขาหันไปมองเย้นโม่หลิน “เข้าใกล้กู้จื่อเฟย ล่วงเกินกู้จื่อเฟย บอกว่าผมกับกู้จื่อเฟยรักกัน กระทั่งมาคุกเข่าในวันนี้ วุ่นวายจนคนเขารู้กันไปทั่ว เรื่องพวกนี้เจียงเป้ยนีจ้างให้ผมทำในราคาที่สูง แผนการทั้งหมดเธอเป็นคนวาง เป็นเธอที่ทำร้ายกู้จื่อเฟย เธอเป็นคนเริ่ม คือเธอ ผมเป็นแค่หมากตัวหนึ่งแค่นั้น”
เจียงเป้ยนีกรีดร้อง “ชิวเจ๋อ บ้าไปแล้วเหรอ? แกพูดไร้สาระอะไรล่ะ หุบปากไปเลย”
แต่คำพูดของเธอกลับไม่มีประโยชน์อะไร
สายตาที่คมกริบของทุกคนเชือดเฉือนร่างกายเธอราวกับคมมีด
“เจียงเป้ยนี เธอเป็นคนวางแผนเรื่องทุกอย่าง?”
“ทำไมเธอถึงตั้งใจจะใส่ร้ายคุณกู้ ด้วยวิธีการที่ไร้ยางอายเช่นนี้”
“ปกติคุณมักจะอ่อนโยนและใจกว้าง ท่าทางใจดีและสุภาพ ทั้งหมดนั่นคือเรื่องหลอกลวงหรือ แต่ภายในทั้งชั่วร้ายและต่ำช้าเลวทราม เป็นยักษ์เป็นมาร”
ผู้คนต่างดุด่าอย่างโกรธเคือง
เมื่อรู้สึกว่าถูกหลอกใช้ ทันใดเจียงเป้ยนีก็รู้สึกเกลียดมาก
สตรีสูงศักดิ์ที่ใจดี นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนใจไม้ไส้ระกำถึงเพียงนี้
เจียงเป้ยนีเกือบจะเป็นบ้า ใบหน้าของเธอตื่นตระหนก อึดอัดเสียจนอยากจะมุดรูหนีไปเสีย
เธออธิบายด้วยความตื่นตระหนก “ไม่ใช่นะ ไม่ใช่อย่างนี้ ไม่เกี่ยวกับฉันชิวเจ๋อมันพูดจาไร้สาระ มันพูดไร้สาระของมันเอง…”
คำอธิบายของเธอ ภายใต้การโจมตีสุดท้ายของชิวเจ๋อ แต่รู้สึกไร้พลัง
ไม่มีใครเชื่อเธอ
ในที่สุดผู้คนก็เข้าใจว่าทำไมชิวเจ๋อ เมื่อมาครั้งแรก จึงกล้าที่จะทำเรื่องนี้กับกู้จื่อเฟยในนามของความชอบ ถึงแม้หลังจากจะได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาก็ยังกล้ามาคุกเข่าหน้าตึกเล็ก เพื่อขอให้กู้จื่อเฟยปล่อยเขาไป
เขาไม่ได้ต้องการให้เย้นโม่หลินมาเติมเต็ม แต่เพียงแค่ใช้สิ่งนี้เพื่อทำลายชื่อเสียงของกู้จื่อเฟย ตัดขาดกู้จื่อเฟยและเย้นโม่หลิน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตำแหน่งคุณนายของตระกูลเย้นจะว่าง และเจียงเป้ยนีจะมีโอกาสที่จะอยู่ในตำแหน่งที่สูง
“ลงโทษให้หนัก ต้องลงโทษให้หนัก! สองคนนี้ ปล่อยเอาไว้ไม่ได้”
มีคนตะโกน
โกรธจนแทบไม่อดทน นานแล้วที่ภายในตระกูลเย้นไม่มีความสามัคคี คนในบ้านปรองดองกัน
แต่ตอนนี้กลับเกิดปรากฏการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง
เป็นคนที่ก่อกวนสร้างเรื่องอยู่ข้างหลัง เป็นคนสร้างเรื่องราวต่างๆ ในตระกูลเย้น คิดเพ้อเจ้อว่าจะกลายเป็นคุณนายตระกูลเย้น
“เจียงเป้ยนีเป็นคนที่ให้อภัยไม่ได้ที่สุด! เธอต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง!”
เจียงเป้ยนีตัวสั่นเทา เมื่อมองเห็นฉากนี้ เธอก็รู้ได้ว่าจบสิ้นแล้ว
จะโต้แย้งอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ สิ่งที่รอเธออยู่ตรงหน้าคงเป็นการลงโทษ การลงโทษที่เด็ดขาด
เธอลุกลี้ลุกลน ตัดสินใจรีบเดินไปตรงไปหาเย้นโม่หลินอย่างตื่นตระหนก เธอยื่นมือไปจับแขนเสื้อเขา
เธอวิงวอนด้วยเสียงสะอื้น
“พี่เย้น ที่ฉันทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อพี่ ฉันรักพี่นะ เป็นเพราะว่ารักพี่ เลยทำเรื่องที่ผิดพลาดเลอะเลือนอย่างนี้ เพื่อเห็นแก่ความรักที่ฉันมีให้พี่ ได้โปรดยกโทษให้ฉันสักครั้งนะ”
เย้นโม่หลินมองดูเสื้อผ้าตัวเองที่ถูกดึงรั้ง พลันขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ
เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นมาโดนตัว ความรู้สึกนี้ มันน่าขยะแขยง
เขาสะบัดแขนเธอออกอย่างเย็นชา แล้วตวาดด่า “ไปให้พ้น”
เจียงเป้ยนีตกใจกับรัศมีที่เย็นชา ก่อนถอยห่างออกไปสองก้าว ก้นบึ้งของหัวใจเธอเย็นเยียบ แต่เธอกลับไม่ยอมแพ้
ตอนนี้เย้นโม่หลินเป็นโอกาสเดียวของเธอ
เธอพูดพลางร้องไห้ว่า
“พี่เย้น พี่ไม่เห็นถึงใจของฉันได้อย่างไร? ฉันทำเพราะรักพี่ รอพี่อย่างขมขื่นมาหลายปี หลายคนที่มาขอแต่งงานแต่ฉันปฏิเสธ เพราะฉันกำลังรอพี่ มันเป็นเพียงความคิดเพ้อฝันของฉันเหรอ? ขณะนั้นมีสาวๆ มากมายมาให้พี่เลือกเป็นภรรยา แม้ว่าคุณป้าจะเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่คนที่ถูกเลือกให้เข้ามาคือ ฉัน ตอนนั้นฉันคิดว่า ฉันจะกลายเป็นภรรยาของพี่ในอนาคตได้ เดิมทีฉันไม่กล้าอาจเอื้อมพี่ ด้วยเหตุนี้จึงมีความหวัง และฉันก็ตั้งตารอมานานหลายปี เนื่องจากฉันได้เลือกเงื่อนไขที่คู่ควรกับพี่มากที่สุด ฉันตั้งตารอเลยบุ่มบ่ามทำเรื่องอย่างนี้ลงไป”
กู้จื่อเฟยขมวดคิ้วอยากพินิจพิเคราะห์ ขณะนั้นเย้นโม่หลินเคยเลือกภรรยาด้วย?
ถึงแม้จะเป็นเรื่องเก่า แต่ตามที่เจียงเป้ยนีพูดอย่างนี้ขึ้นมา เพราะว่าขณะนั้นเย้นโม่หลินให้ความหวัง ดังนั้นเธอเลยใจร้อนทำเรื่องอย่างนี้
ดังนั้นตัวการที่ก่อให้เกิดหายนะไม่ใช่เธอ แต่เป็นเขา
จริงที่ว่า พลิกลิ้นเก่ง ลูกไม้แพรวพราว
กู้จื่อเฟยรู้ว่าเย้นโม่หลินไม่ถนัดในการรับมือกับเรื่องแบบนี้ และยิ่งฝืนใจกับผู้หญิงอย่างเจียงเป้ยนียิ่งอยากจะไล่ออกไปให้ไกล
เธอหัวเราะอย่างเหยียดหยัน
“ในเมื่อถูกเลือกเข้ามา สุดท้ายกลับถูกเฉดหัวออกไป ไม่รู้อีกหรือว่าเสน่ห์ของเธอมันมีจำกัด หน้าตาขี้เหร่ไม่ถูกชอบหรอก?ยังต้องพัวพันเฝ้าคิดถึงพี่เย้นมานานหลายปี เธอไม่คิดเพ้อฝันแล้วคิดอะไร? ไม่ มันไม่ใช่แค่การคิดเพ้อฝัน แต่เธอยังโง่เขลาและโลภ โลภมากลาภหายนะ ผู้หญิงอย่างเธอ มันน่าขยะแขยง ถูกปฏิเสธ แต่กลับไม่รู้จักปล่อยวาง แล้วคิดจะทำลาย เห็นแก่ตัวและเลวทรามอย่างนี้ ยังจะกล้ามาบอกว่ารักพี่เย้น? เธอบอกว่าไม่อาจเอื้อมที่จะรักเขา!”
คำพูดนี้ ราวกับตบเข้าที่หน้าของเจียงเป้ยนี
ใบหน้าของเจียงเป้ยนีแดงก่ำ อายเสียจนไม่อาจสบสายตากับหน้าใคร
เธอคือคุณหนูที่คาบช้อนเงินช้อนทอง บุตรสาวของครอบครัวที่มั่งมี สิ่งที่ต้องรักษาคือหน้าตา แต่กลับกำลังโดนด่าต่อหน้าธารกำนัล?
เธอแทบอยากจะตาย
กู้จื่อเฟยเข้าใจจุดตายของผู้หญิงอย่างเธอมากที่สุด
เธอยิ้มหยันก่อนพูดว่า “เธอวางแผนใส่ร้ายฉัน ทำให้ฉันอับอาย ทำเรื่องที่ฟ้าดินไม่น่าให้อภัย ยกโทษให้ไม่ได้ ในเมื่อฉันเป็นแฟนของพี่เย้น คุณนายของตระกูลเย้นในอนาคต ฉันจึงตัดสินใจเช่นนี้ จากวันนี้เป็นต้นไป เจียงเป้ยนีถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย้น ตลอดชีวิตนี้จะกลับมาเหยียบตระกูลเย้นไม่ได้ การกระทำของเธอทุกอย่าง ตระกูลเย้นไม่ต้องปิดบัง บอกความจริงกับโลกภายนอกได้ตามสบาย ให้ทุกคนได้รู้ ว่าเจียงเป้ยนีเป็นคนแบบไหน”