เห็นท่าแล้ว คงจะวุ่นวายกันน่าดู
กู้จื่อเฟยเดินมาที่ด้านหน้าของเขา เขาก็ไม่ได้สังเกตเห็น และไม่มีเวลามาสนใจอย่างสิ้นเชิง
กู้จื่อเฟยจึงทำได้เพียงรอให้เขาเสร็จธุระก่อน แล้วค่อยถามสถานการณ์จากเขา
ครั้นแล้ว คงเผชิญกับเรื่องที่ยุ่งยากเข้าแล้วจริงๆ ป่ายฉีนั้นยุ่งมากสุดๆ รับโทรศัพท์อีกเครื่องเสร็จก็รับอีกเครื่องต่อ นิ้วมือของเขาก็ไม่เคยหยุดเคาะบนแป้นพิมพ์เลย
ดวงตาที่แดงก่ำดุร้ายนั้น ราวกับว่าจะพุ่งถลนออกมาจากเบ้าตา
กู้จื่อเฟยก็ไม่กล้ารบกวนเขา
จึงได้แต่รออยู่อย่างนี้ รอจนกระทั่งหลายชั่วโมงผ่านไป
“ปิ๊บๆ ”
เสียงโทรศัพท์ของกู้จื่อเฟยดังขึ้น เป็นเสียงข้อความ
หลายวันมานี้ เย้นโม่หลินบางครั้งส่งข้อความมาทางวีแชท บางครั้งส่งความมาทางโทรศัพท์ เธอปรับเสียงให้ดังที่สุด เพื่อจะกดเพื่อรับให้โดยเร็วที่สุด
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเสียงดังมาก กู้จื่อเฟยก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเธอได้ในทันที
เป็นส่งข้อความที่ส่งให้เธอจากเย้นโม่หลินเหรอ
เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้น แล้วเปิดออก แสงประกายในดวงตาเมื่อเห็นข้อความนั้น ค่อยๆ หม่นลง
ไม่ใช่ส่งมาจากเย้นโม่หลิน แต่เป็นข้อความที่ส่งโดยหมายเลขที่ไม่รู้จัก โดยในเนื้อหา
“เกิดเรื่องขึ้นกับเย้นโม่หลิน ฉันรู้สถานการณ์ของเขา คุณออกมาพบฉัน อย่าบอกใครเรื่องนี้
กู้จื่อเฟยดูข้อความแล้วตกใจชะงัก หัวใจตกลงไปที่ตาตุ่ม
นี่ใคร
ทำไมถึงส่งข้อความแบบนี้มาให้เธอ
เขารู้ได้อย่างไรว่าเย้นโม่หลินเกิดเรื่อง
กู้จื่อเฟยจิตใจกระวนกระวาย แต่ก็ไม่กล้าที่จะเชื่ออย่างหุนหันพลันแล่น เมื่อมองดูป่ายฉีที่ยุ่งจนไม่สามารถแยกร่างได้ เธอจึงถือโทรศัพท์แล้วหาที่เงียบๆ ทำการโทรศัพท์กลับไป
“ขออภัยค่ะ ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียก กรุณาตรวจสอบวิธีการเรียกใหม่อีกครั้ง……” มีเสียงผู้หญิงตอบรับอัตโนมัติ ทำให้กู้จื่อเฟยถึงกับสงสัยว่าตัวเองกดผิดหรือเปล่า
เธอจึงรีบกดดูอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนเดิม
หมายเลขโทรศัพท์นี้ถูกตั้งค่าไว้แล้ว
คนคนนั้นไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน
ทำตัวลึกลับแบบนี้ จะเป็นกับดักที่ตั้งใจหลอกให้เธอไปติดหรือเปล่า ต้องการจะทำอะไรเธอ
ก่อนที่เย้นโม่หลินจะจากไป ได้บอกว่าตระกูลเย้นไม่สงบ ให้เธอดูแลตัวเองให้ดีๆ
ขณะที่กู้จื่อเฟยกำลังครุ่นคิด เวลานี้ ข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง
เนื้อหาคือ
ฉันจะไม่ทำอะไรคุณ เจอกันที่ด้านหลังของตึกหลัก ถ้าหากว่าคุณไม่มา ก็จะพลาดเวลาสำคัญที่จะช่วยเหลือเย้นโม่หลินไป ไม่มีใครที่จะช่วยคุณได้
กู้จื่อเฟยดูข้อความนี้อย่างงงงัน แล้วมองไปทางห้องหนังสืออีกครั้ง
ตอนนี้ป่ายฉียุ่งมากจนไม่สามารถแยกร่างได้ คนคนนั้นก็บอกว่าห้ามบอกคนอื่นอีก
ถ้าหากว่าเจอกันหลังตึกหลัก ที่นี่มีบอดี้การ์ดอยู่ทุกที่ ถ้าหากเกิดมีเรื่องอะไร ขอแค่กู้จื่อเฟยตะโกนขอความช่วยเหลือ จะต้องวิ่งมาทันท่วงที
ต่อให้เธอไปแล้ว ก็ไม่น่าจะมีความเสี่ยงอันตราย
เมื่อคิดเช่นนี้ กู้จื่อเฟยจึงตัดสินใจรีบก้าวเท้าเดินมุ่งหน้าไปที่ด้านหลังของตึกหลัก
เธอได้มีแผนสำรอง เธอไปหาบอดี้การ์ดรอบๆ ให้พวกเขาคอยดูสิ่งผิดปกติ และคอยเฝ้าสังเกตเธออย่างลับๆ
หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบเข้าไปช่วยเธอ
เมื่อวางแผนเช่นนี้เสร็จแล้ว กู้จื่อเฟยถึงได้ไปที่ระเบียงของสวนดอกไม้ในด้านหลังตึกเล็ก
เธอส่งข้อความไปหาโทรศัพท์เครื่องนั้น ฉันถึงแล้ว คุณอยู่ไหน ออกมา
ข้อความถูกส่งสำเร็จ
นี่เจตนาทำการบล็อกจริงๆ ด้วย
คนนั้นไม่มีการตอบข้อความกลับ แต่ว่าสักพักผ่านไป มีสาวใช้คนหนึ่งถือถาดรองแก้วเหล้าแล้วเดินมา และก็เดินเข้ามาชนกู้จื่อเฟยเข้าอย่างจังพอดี จนเหล้าหกลงบนพื้นกระจัดกระจาย
เสื้อของกู้จื่อเฟยถูกหกใส่เปียกไปส่วนหนึ่ง กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนแตะจมูกฟุ้งไปทั่วกลางอากาศ เธอขมวดคิ้วด้วยความอึดอัด แต่ก็ไม่ได้ไปสนใจ
เธอต้องการเดินข้ามผ่านสาวใช้คนนั้นไป แต่ยังไม่ทันได้เดิน สาวใช้ก็ดึงเสื้อของเธอไว้
“คุณกู้ ช่วยดิฉันเก็บด้วยสิ”
น้ำเสียงสาวใช้เบามาก แต่กลับไม่ได้เป็นการขอร้องแต่อย่างใด เหมือนเป็นคำสั่งมากกว่า
แน่นอนว่าสาวใช้ไม่มีทางที่จะพูดจาแบบนี้กับกู้จื่อเฟยได้
“ฉันก็คือคนที่คุณนัด ฉันรู้ว่ามีคนกำลังสังเกตคุณอยู่ คุณช่วยฉันเก็บแก้ว อย่าให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นเข้ามา”
เป็นเธอเองเหรอ!
กู้จื่อเฟยมองสาวใช้ด้วยความประหลาดใจ เป็นใบหน้าที่ธรรมดา ซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน
ตระกูลเย้นตอนนี้คุ้มกันอย่างแน่นหนา ถึงแม้จะเป็นคนรับใช้ในบ้านก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้ตึกหลัก แล้วเธอเข้ามาได้อย่างไร
คนคนนี้ ไม่ธรรมดาแน่ๆ
กู้จื่อเฟยเต็มไปด้วยความระแวดระวัง แต่ก็ยอมทำตามนั่งยองลงไป
กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ที่เธอพูดหมายความว่าอย่างไร เย้นโม่หลินเป็นอะไร เธอรู้สถานการณ์อะไร”
“เมื่อวาน เย้นโม่หลินกับคนของเขาถูกลอบโจมตี ตอนนี้สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดี”
กู้จื่อเฟยได้ยินดังนั้น นิ้วมือจึงสั่นขึ้นทันใด ปลายนิ้วของเธอจึงถูกแก้วบาดเข้า
เธอไม่มีอารมณ์สนใจนิ้วมือที่มีเลือดออก และรีบถามด้วยขึ้นความตระหนก
“เธอรู้อะไรอีก บอกฉันมาให้หมด”
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ครั้งนี้เย้นโม่หลินอาศัยแค่ตัวเอง ไม่มีทางที่จะเอาชีวิตรอดออกมาอย่างแน่นอน”
กู้จื่อเฟยตัวแข็งทื่อในทันที
หัวสมองของเธอวิงเวียนเป็นระยะๆ จนแทบจะเป็นบ้าแล้ว
เธอไม่รู้ว่าใช้ความพยายามมากแค่ไหนถึงได้ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ได้ น้ำเสียงที่สั่นเครือเบาๆ
“ที่เธอมาบอกฉัน อยากให้ฉันทำอะไร เธอรู้วิธีที่จะช่วยเขาใช่ไหม”
จริงๆ ด้วย สาวใช้พยักหน้า “ใช่ มีเพียงฉันเท่านั้นที่สามารถช่วยเขาได้”
กู้จื่อเฟยกลั้นหายใจ จ้องสาวใช้ตรงๆ
“จะช่วยเขายังไง”
สาวใช้กลับยิ้มขึ้น แววตาเผยความอาฆาตแค้นอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้าคุณอยากรู้ จะเอาอะไรมาแลกดีล่ะ กู้จื่อเฟย”
ความรู้สึกราวกับถูกงูพิษจ้องแล้วจู่โจมจากด้านหลัง กู้จื่อเฟยรู้สึกเย็นวูบไปทั้งตัว
เธอถอยหลังไปสองสามก้าว รักษาระยะห่างหนึ่งช่วงคนกับสาวใช้
“เธออยากให้ฉันทำอะไร”
ในมือสาวใช้ถือเศษแก้วที่แหลมคมไว้ ยิ้มแล้วมองกู้จื่อเฟย
“ทำลายโฉม ฉันต้องการให้เธอเสียโฉม ใช้มันกรีดบนใบหน้ายี่สิบครั้ง ฉันก็จะช่วยเย้นโม่หลินออกมา”
กู้จื่อเฟยลุกยืนขึ้นทันใด แล้วถอยหลังไปหลายก้าว
เธอมองสาวใช้คนนี้ด้วยความระแวดระวัง แล้วถามขึ้น
“เธอเป็นใครกันแน่!”
เธอร้อยทั้งร้อยมั่นใจว่าไม่รู้จักสาวใช้คนนี้ แต่ว่าสาวใช้คนนี้กลับจงเกลียดจงชังเธออย่างไม่ปิดบัง
“อ้าว ให้คุณแลกด้วยความงามของคุณ เกิดอาการเสียดายขึ้นเหรอ”
สาวใช้ยิ้มเยาะถากถาง “เห็นที คุณก็ไม่ได้รักเย้นโม่หลินมากมายขนาดนั้นนิหน่า”
“ทำไมฉันจะต้องเชื่อเธอ เธอพูดเพียงไม่กี่คำแล้วจะให้ฉันทำลายโฉม เห็นฉันโง่หรือไง”
กู้จื่อเฟยมองดูไปรอบๆ แล้วกล่าวข่มขู่ “ตอนนี้ตัวเธออยู่ที่นี่แล้ว ขอเพียงแค่ฉันตะโกน พวกเขาก็จะพุ่งเข้ามาจับเธอ ข้อมูลที่เธอรู้มา ก็จะต้องอ้วกออกมาอยู่”
สาวใช้ยิ้มอย่างไม่มีความกดดัน
สายตาเหยียดหยามสุดๆ “ก่อนมาฉันก็ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้หมดแล้ว คุณคิดว่าฉันจะกลัวโดนจับเหรอ กลัวตายเหรอ คุณร้องเรียกคนมาได้เลย ขอเพียงแค่พวกเขากล้าเข้ามา ฉันก็จะฆ่าตัวตายทันที
ขอเพียงฉันตาย เย้นโม่หลินก็ไม่มีโอกาสที่จะรอด
กู้จื่อเฟย คุณต้องการจะเดิมพันกับฉันไหม เดิมพันด้วยชีวิตของเย้นโม่หลิน”