คือเธอ
มันคือเธอจริงๆ
ความรู้สึกและอารมณ์ที่สับสนทั้งหมด ดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติในชั่วพริบตาเดียว
เขาเลยนึกได้ทันที
เขาไม่ได้เปลี่ยนใจ และไม่ได้ไม่สนใจกู้จื่อเฟยด้วยเหตุผลใดหลังจากประสบยอกย้อน
มันผิดตั้งแต่แรก เพราะคนผิดเลย
ไม่ใช่เธอ แล้วเขาจะมีความรู้สึกยังไง
แม้ว่าเป็นหน้าเดียวกัน แม้ว่าใจของเขาจะเต็มไปด้วยทรมาน แต่ความรู้สึกทั้งหมดของเขาก็แสดงให้ใบหน้านั้นนั่นแหละ แต่ไม่สามารถยอมรับจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างกายนั้นได้
เฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับกู้จื่อเฟยตัวจริง ความรู้สึกทั้งหมดของเขาเลยจะกลับมา และจะเป็นที่ถูก
“ผมขอโทษ…”
เสียงของเย้นโม่หลินต่ำมากจนแทบจะสะอึกสะอื้น เขาเช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของเธอด้วยนิ้วมือที่สั่น การกระทำระมัดระวังมาก
แต่ยิ่งเขาเช็ด น้ำตาของกู้จื่อเฟยก็ยิ่งไหลออกเร็วขึ้น ไหลเร็วยิ่งขึ้นทุกที
เย้นโม่หลินเจ็บใจจนเกือบหายใจไม่ออก
“ดิ๊งดิ๊งด่องด่อง”
กู้จื่อเฟยมองเขาด้วยดวงตาแดง และมือที่ถูกโซ่ล็อกอยู่ของเธอก็แกว่งไปแกว่งมาต่อหน้าเขา
แสดงว่าให้เขาช่วยแก้มัด
แล้วเย้นโม่หลินเลยเกิดหวนนึกขึ้นมา เขาตื่นเต้นเกินไปหลังจากดูออกเธอ และลืมที่จะช่วยเธอแก้โซ่แล้ว
เขาหยิบกริชที่พกพาไว้ข้างกายออกทันที ขีดด้วยกริชที่คม และหักโซ่เหมือนตัดเต้าหู้
การกระทำของเขาระมัดระวังมาก แก้โซ่และฉีกเทปกาวจากปากเธอเบาๆ
การกระทำของเขาอ่อนโยนมาก ระมัดระวังจนราวกับเขากำลังปฏิบัติต่อทรัพย์สมบัติ
เขามองดูรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเธออย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าเขาได้เผชิญกับรอยแผลเป็นเดียวกันมาหลายวันแล้ว แต่เมื่อเห็นรอยแผลเป็นของกู้จื่อเฟยในขณะนี้ หัวใจของเขาก็เจ็บเหมือนถูกมีดกรีด
“ผมขอโทษ ผมขอโทษนะครับ ถ้าผมหาเธอได้อย่างเร็ว เธอจะไม่…”
“ป๊อป”
ก่อนที่เขาจะพูดจบเย้นโม่หลินก็ถูกตบหน้า โดยออกเสียงการตบหน้าดังมาก
และคนที่ตบหน้าก็คือกู้จื่อเฟย
กู้จื่อเฟยจ้องมองเย้นโม่หลินอย่างโกรธมาก ด่าเขาอย่างใส่หัวและใส่หน้าโครมๆ
“เย้นโม่หลินด นี่มันตาบอดแล้วหรอ ฉันคล้ายกันกับเจียงเป้ยนีอีดอกนี้ที่ไหนล่ะ หลังจากผ่านไปหลายวัน นายยังไม่ได้ดูออกว่าเธอเป็นของปลอม”
“นายคลุกอยู่กับเธอด้วยกันทั้งเช้าและเย็นนานขนาดนี้ แล้วนายยังพาเธอไปงานประมูล”
“นายแยกฉันกับเธอไม่ได้แม้แต่เล็กน้อยหรอ ในสายตาของนาย ตราบใดที่สองคนคล้ายกัน พวกเขาก็เป็นคนเดียวกันหรอ”
ใบหน้าของเย้นโม่หลินไม่เคยถูกใครตบเลย
ก็ไม่ต้องพูดถูกผู้หญิงตบ
ใบหน้าของเขาร้อนมาก แต่เขามองเธอตรงๆ ไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย เขายืนตัวตรง เม้มริมฝีปาก ปล่อยให้เธอทุบตีและปล่อยให้ด่า
ท่าทางที่ยอมรับความลำบากอย่างไม่ขัดขืนและไม่ต่อต้านของเขา ทำให้ กู้จื่อเฟยรู้สึกเจ็บใจมาก
เธอพูดอย่างดุเดือดว่า “ฉันไม่สนใจนายอีกต่อไปแล้ว ฉัน…”
“ไม่มีอีกแล้ว”
เสียงต่ำของเย้นโม่หลินขัดจังหวะเธอ และมือของเขาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้แน่นๆในฝ่ามือของคุณ
แววตาลึกซึ้ง ราวกับคำสัตย์สาบาน “ผมสาบานครับ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ฉันจะไม่มีวันมองเธอไม่ออกอีกแล้วครับ”
กู้จื่อเฟยสูดจมูก “ปากผู้ชายมันยิ่งกว่าผีหลอกคนเลย นายก็มองฉันไม่ออกแล้ว ฉันไม่เชื่อนายเลย”
เย้นโม่หลินพูดอย่างกระตือรือร้นและจริงจังว่า “ผมสัญญานะครับ”
“สัญญาด้วยอะไร”
“ด้วยมัน”
เย้นโม่หลินจับมือของกู้จื่อเฟยแล้วกดที่หน้าอกของเขา เขาพูดทีละคำว่า
“กู้จื่อเฟยผมรักเธอค่ะ และใจผมจะมีความรู้สึกต่อเธอเท่านั้น จนถึงตอนนี้ ผมเลยก็เข้าใจว่าผมตกหลุมรักเธอมาก่อนแล้ว และไม่มีใครจะแทนได้”
กู้จื่อเฟยเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ และมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอด้วยความไม่เชื่อ
เธอถูกทรมานมานานเกินไป แล้วเกิดความรู้สึกที่หลอนหรอ
ไม่นึกเลยว่าพี่เย้นจะบอกรักเธอ
เย้นโม่หลินกลัวว่าเธอจะไม่เชื่อ แล้วเน้นย้ำอย่างจริงจังอีก
“กู้จื่อเฟยผมรักเธอ”
กู้จื่อเฟยผมรักเธอ
ผมรักเธอ
นี่คือคำพูดที่กู้จื่อเฟยไม่กล้าคิดว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้แม้แต่ในฝันของเธอ แต่ในตอนนี้ มันดังขึ้นอยู่ในข้างหูของเธออย่างชัดเจน
ในทันใดนั้น เธอคิดว่าตื้นตันใจมากจนน้ำตาจะไหล ไม่ว่าจะคิดว่าอัดอั้นตันใจแค่ไหน โกรธแค่ไหนและกลัวแค่ไหน ล้วนกลายเป็นความตื่นเต้นและตื้นตันใจที่ไม่สิ้นสุด
เธอโถมตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเย้นโม่หลินและร้องไห้เสียงดัง
ไม่มีภาพลักษณ์แม้แต่น้อย น้ำตาและน้ำมูก ก็เช็ดในตัวของเขา
แต่เย้นโม่หลินไม่สนใจ โอบกอดเธอและกอดเธอโดยใช้แขนที่สั่นนิดเดียว ในขณะนี้ เขาเลยรู้สึกว่าหัวใจของเขาได้รับการเต็มอิ่มอย่างแท้จริง
ไม่มีความวุ่นวายและร่องอีกต่อไป
นี่คือคนที่เขาอยากโอบกอด และนี่คือความรู้สึกที่โอบกอดเธอเลย
ถึงแม้จะเป็นการโอบกอดเท่านั้น แต่ก็ทำให้เขารู้สึกว่าทั้งโลกก็เป็นของเขา ก็ทำให้เขา เพียงพอที่จะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไป
ที่แท้นี่ก็คือความรัก
ไม่ใช่แค่คำพูด ไม่คร่ำครึในรูปแบบ ไม่ใช่ความรับผิดชอบ และก็ไม่ใช่ควรหรือไม่ควร แต่เป็นแค่ทำตามใจ มีชีวิตอยู่เพื่อเธอ
เธอสร้างปัญหา แล้วเขาหัวเราะ เธอร้องไห้ แล้วเขาเจ็บ
กู้จื่อเฟยไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้ แต่เธอกลับเงยหน้ามองเย้นโม่หลินด้วยประกายในดวงตาและความไม่วางใจของเธอ
เธอยืนยันอีกครั้งอย่างไม่วางใจด้วยเสียงร้องไห้
“ที่พี่พูดมันจริงหรือเปล่าคะ”
“จริงๆครับ”เย้นโม่หลินตอบอย่างอดทน
“ฉันยังไม่เชื่อเลย เว้นแต่นายจะให้เราเมคเลิฟกันเมื่อฉันกลับไป”
เย้นโม่หลิน”…”
เขาเงียบอึ้งไปหน่อย เธอยังไม่สำรวมขนาดนี้ เขาลังเลอยู่ครึ่งวินาที แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ครับ”
อะไรนะ ดวงตาของกู้จื่อเฟยเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ และจนกระทั่งลืมที่จะหลั่งน้ำตา เกิดอะไรขึ้นเย้นโม่หลินยอมรับเมคเลิฟกับเธออย่างง่ายขนาดนี้หรอ
นี่เป็นพี่เย้นจริงๆหรอ
ดวงตาของเย้นโม่หลินเต็มไปด้วยรอยเส้นเลือด และจ้องมองกู้จื่อเฟยอย่างแววตาลึกซึ้ง ได้แสดงความปรารถนาออกที่ควบคุมไม่ได้
“ผมอยากเมคเลิฟกับเธอมานานแล้ว เฟยเอ๋อร์”
กู้จื่อเฟย”!!!”
กู้จื่อเฟยหน้าขาวซีดมากด้วยความตกใจ แล้วก็ออกจากอ้อมแขนของเย้นโม่หลินและมองเขาด้วยความตกใจและความกลัว ราวกับว่าได้เห็นผี
นี่ นี่คือพี่เย้นจริงๆหรอ …………
…………
…………
กู้จื่อเฟยอีกคนหนึ่ง ก็คือเจียงเป้ยนี มีตาสีแดงเธอมองสองคนสนิทสนมกันมากด้วยดวงตาที่แดงหมด ทั้งใบหน้าขาวซีดไป และได้แสดงความดุร้ายและความอิจฉา
เธอกำมือของเธอแน่นๆ นิ้วเสียบในฝ่ามือจนเจาะผิวหนัง เลือดไหลออก
เธอไม่เข้าใจ
ทำไม ทำไมเธอมาถึงข้างกายของเย้นโม่หลินด้วยใบหน้าของกู้จื่อเฟยทำไมแม้ว่าเขาไม่ดูออกว่าเธอคือใคร ก็ไม่รักเธอ
เธอเกลียด
เกลียดว่าไม่ว่าเธอจะทำอะไร แม้แต่เปลี่ยนหน้าก็สู้กู้จื่อเฟยไม่ได้เลย
เธอเพื่อให้เย้นโม่หลินเป็นของเธอโดยใช้ทุกวิถีทาง และรักเขาจนกลายเป็นบ้าคลั่ง แต่สำหรับเขา มีเพียงกู้จื่อเฟยเท่านั้นที่อยู่ในใจของเขา และคาดไม่ถึงว่าเขารักกู้จื่อเฟยมาก่อนแล้ว
มันเป็นความรักที่เธอขย่มไม่ได้ ความรักที่เธอไม่มีในชีวิตนี้
เธอผิดแล้ว
มันเป็นเธอผิดเลย
ไม่ควรมีจินตนาการกับเย้นโม่หลินและไม่ควรโลภเกินไป หลังจากอยู่ข้างกายเขา แล้วยังอยากได้ใจเขา อยากให้เขาเป็นของเธอ เลยจัดการงานประมูลครั้งนี้เป็นพิเศษ อยากให้เขาดูด้วยตัวเองว่ากู้จื่อเฟยกลายเป็นของเล่นของผู้ชายคนอื่น
เธอคิดว่ามันจะทำลายความรู้สึกในใจและความฝังใจของเขา แต่คาดคิดไม่ถึงว่ามันเล่นกับไฟ แต่ถูกไฟเผาเอง