“ไม่แล้วไม่แล้ว รอรักษาหน้าเสร็จแล้วค่อยกลับมากิน”
กู้จื่อเฟยลูบใบหน้าของตัวเองที่เต็มไปด้วยบาดแผล ในแววตาเต็มไปด้วยความกังวล “ต้องให้ป่ายฉีดูให้ ว่าใบหน้าของฉันยังสามารถช่วยได้อยู่หรือเปล่า สามารถพักฟื้นกลับไปเหมือนเดิมได้หรือเปล่า ไม่เช่นนั้นฉันไม่วางใจ”
“ใบหน้าสวยงามสง่าของฉัน จะเสียไปเลยได้ยังไง? นายว่าใช่ไหม”
เย้นโม่หลิน “……”
เมื่อกี้ใครกันเชิดหน้าขี้เหร่ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าตัวเองงดงามดั่งบุปผา?
ขณะนี้เย้นโม่หลินจนปัญญาจริงๆ แต่กลับเข้าใจ หนังหน้านั้นสำคัญกับผู้หญิงขนาดไหน
ทำให้เธอกระวนกระวายจนโมโห ทานอาหารไม่ลงก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา
เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ไปหาป่ายฉีก่อนก็ได้ หลังจากวินิจฉัยแล้ว ค่อยทานข้าว”
กู้จื่อเฟยพยักหน้าด้วยความฝืน “โอเค”
ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นโรงแรม แต่ว่าห้องหรูที่กว้างใหญ่ห้องหนึ่ง ได้เปลี่ยนเป็นคลินิกส่วนตัวของป่ายฉีแล้ว ข้างในมีเครื่องมือทางการแพทย์วางอยู่มากมาย
และมีห้องแพทย์แผนจีนอีกด้วย
ขณะนี้ ป่ายฉีกำลังเลือกยาสมุนไพรในกล่องตรงหน้า ราวกับว่ากำลังปรุงยาบางอย่างอยู่
หลังจากที่กู้จื่อเฟยมาแล้ว พูดด้วยความเร่งรีบว่า
“ป่ายฉี ป่ายฉี นายรีบดูให้ฉันหน่อย ใบหน้าของฉันจะกลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุดโดยไม่มีผลข้างเคียงได้ยังไง?”
ป่ายฉียักคิ้ว “เธอเชื่อขนาดนั้นเลยว่าฉันสามารถทำให้เธอกลับคืนสู่สภาพเดิมได้? นี่เป็นแผลจากมีดเลยนะ คือเสียโฉม”
“ยาก่อนหน้านี้ที่นายให้เสี่ยวหว่าน วันที่สองแผลของเธอก็หายแล้ว บาดแผลเล็กๆนี้ของฉัน สำหรับนายแล้วคือเรื่องเล็กอยู่แล้ว”
ป่ายฉี “……”
ยังคิดอยู่ว่าจะแกล้งกู้จื่อเฟย ปรากฏว่าถูกเย้นหว่านขายตัวเองออกไปก่อนแล้ว
ป่ายฉีกำลังใช้เครื่องชั่งเล็กชั่งยาอยู่ พูดลอยๆว่า
“แผลของเย้นหว่านคือแผลเล็ก แผลของเธอเยอะเกินไปแล้ว ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ยาลดรอยแผลที่พวกเธอประมูลกลับมาฉันก็ดูแล้ว มีฤทธิ์ในการทำให้รอยแผลจาง แต่ว่าข้างในเพิ่มสารต่างๆ ไว้มากมาย น่าจะพัฒนาขึ้นเพื่อกำจัดรอยแผลเป็นที่เป็นหนังปลอมของกู้จื่อเฟยโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงไม่มีผลกับเธอ”
“เธออยากกำจัดรอยแผลเป็นให้เร็วที่สุดโดยไม่มีผลข้างเคียง วิธีที่เด็ดขาดที่สุดก็การผ่าตัดศัลยกรรม ผ่านไปหนึ่งเดือนก็สามารถพักฟื้นสู่ความงามเดิมได้แล้ว”
“หนึ่งเดือน นานขนาดนั้นเลย!”
กู้จื่อเฟยจ้องป่ายฉีด้วยความสงสัย “ทักษะทางการแพทย์ของนายถดถอยลงแล้วเหรอ?”
มือที่จับเครื่องชั่งของป่ายฉีแน่นยิ่งขึ้น เกือบจะบีบเครื่องชั่งเล็กๆ นั่นหักแล้ว
“ถ้าเธอรู้สึกว่านาน ฉันสามารถพยายามหน่อย พยายามให้กลับคืนสู่สภาพเดิมภายในสามเดือน”
กู้จื่อเฟย “……”
“หนึ่งเดือนก็หนึ่งเดือนเถอะ อย่าเสียเวลาเลย เริ่มตอนนี้เลยละกัน”
หลังจากพูดจบ กู้จื่อเฟยก็วิ่งไปทางเตียงผ่าตัด นอนลง
เย้นโม่หลินเห็นเธอเป็นแบบนี้แล้ว ขมวดคิ้วแน่น
รีบขนาดนี้เลย ไม่กินข้าวแล้ว?
ป่ายฉีกลับชั่งตวงสมุนไพรของเขาต่อโดยไม่ขยับเลย “ตอนนี้ยังไม่สามารถผ่าตัดศัลยกรรมให้เธอได้”
“ทำไม?”
กู้จื่อเฟยลุกขึ้นมาจากเตียงผ่าตัดทันที “ที่นายมีเครื่องมือพร้อมครบ ก็เพื่อที่จะผ่าตัดศัลยกรรมให้ฉันไม่ใช่หรอ? เวลาไม่เคยคอยท่า ความงามดั่งบุปผาของฉันยังรอฉันอยู่นะ”
ป่ายฉีชั่งสมุนไพรให้พอ จากนั้นก็ใส่ลงในถุงยา มัดถุงยาขึ้นมา
เขายกมือขึ้นมอบให้เย้นโม่หลิน
“วันละชุด ดื่มสามครั้งหลังอาหารทุกวัน สามารถช่วยให้เธอปรับสมดุลร่างกายให้ดีขึ้น รอเธออ้วนถึงห้ามสิบกิโลกรัมแล้ว ค่อยผ่าตัดศัลยกรรม”
กู้จื่อเฟย “……”
เธอก้มหน้าลงมองร่างกายที่เหมือนหนังติดกระดูกของตัวเอง เบ้ปากแรงขึ้นตรงมุมปาก?
อ้วนถึงห้ามสิบกิโลกรัม? งั้นต้องใช้เวลาหลายเดือนเลยสิ?
รอถึงเวลานั้นค่อยผ่าตัด งั้นเธอก็ยังต้องขี้เหร่แบบนี้ต่อไป?
ทนไม่ได้
กู้จื่อเฟยจ้องป่ายฉีด้วยนัยน์ตาที่เคร่งขรึม “ถึงแม้ฉันดูแล้วจะผอม แต่ว่าจริงๆแล้วสภาพร่างกายไม่แย่นะ อีกอย่างการผ่าตัดที่ทำบนใบหน้า การพักฟื้นก็ไม่ได้เป็นผลกระทบ ฉันสามารถทำได้ตอนนี้เลย”
ป่ายฉีมองเธอด้วยความละเอียดอ่อน “ไม่ได้นะ หากเธอตายบนเตียงผ่าตัดของฉัน ก็เป็นการทำลายชื่อเสียงเทพหมอของฉันสิ?”
กู้จื่อเฟยโมโหจนหน้าบูด
นี่ตั้งใจสินะ?
เธอกัดฟัน “ป่ายฉี นายอิจฉาฉันใช่ไหม?”
“อะไรนะ?”
“นายอิจฉาที่ตอนนี้ฉันขี้เหร่ขนาดนี้ ก็มีความรักจากพี่เย้น หากกลับคืนสู่ใบหน้าที่งดงาม สวยสง่าจนเปล่งแสง ก็ยิ่งทำให้พี่เย้นรักเป็นรักตาย นายอิจฉานั่นแหละ ดังนั้นจึงหาเหตุผลขึ้นมา ไม่อยากผ่าตัดศัลยกรรมให้ฉัน”
ป่ายฉี “……” พูดได้มีเหตุผลจริงๆ
ทว่าเหตุผลนี้ของเธอมาจากไหนกัน?
ทำเหมือนกับว่าเขาแอบชอบเย้นโม่หลินเลย!
เขาสูดหายใจลึก ยิ้มอ่อน “ฉันรู้สึกว่ายาที่ให้ไปเมื่อกี้ไม่พอ ยังต้องเพิ่มฤทธิ์ยาอีกชนิดหนึ่ง รักษาโรคหลงตัวเอง”
เห็นท่าทีที่ยืนหยัดของป่ายฉี กู้จื่อเฟยหงุดหงิดมาก
เธอกระโดดลงมาจากเตียงผ่าตัด วิ่งไปยังข้างกายของเย้นโม่หลิน ควงแขนของเขา อ้อนด้วยความรู้สึกไม่เป็นธรรม
“พี่เย้น ป่ายฉีรังแกฉัน นายต้องช่วยฉันนะ”
ป่ายฉีเบ้ปากขึ้น ยังสามารถเสแสร้งกว่านี้อีกได้ไหม?
น่ารังเกียจขนาดนี้ เป็นกู้จื่อเฟยตัวจริงแน่นอน มั่นใจไม่มีผิด
เย้นโม่หลินลูบผมของเธอ “ได้ เดี๋ยวฉันจัดการเขาเอง”
ป่ายฉี “……”
เสร็จศึกฆ่าขุนพลชัดๆ เลยนี่
ทรราช! ทรราช!
เจอสาวแล้วลืมความเป็นธรรมเลยนะ ยังจะทำร้ายเขาโดยไม่สนใจความเป็นพี่น้องอีก
เขาออกมาจากโต๊ะปรุงยา เดินไปยังหน้าประตูด้วยก้าวใหญ่ “กู้จื่อเฟย อย่าคิดว่าฉันจะผ่าตัดให้เธอ แน่จริงเธออ้วนให้ได้ห้าสิบกิโลก่อนเถอะ!”
พูดจบ ป่ายฉีก็วิ่งออกไป
ก่อเรื่องไม่ไหว แต่เขาหลบไหว
เห็นว่าป่ายฉีหายไปภายในพริบตา กู้จื่อเฟยก็กระทืบเท้าด้วยความโมโห นี่คือยืนหยัดแล้วว่าจะไม่ทำการผ่าตัดให้เธอ
ยังให้เธออ้วนถึงห้าสิบกิโลอีก?
นัยน์ตาของเธอมืดสนิทสาดแววลุ่มลึก หงุดหงิดไม่ไหวแล้ว
สำหรับเธอในตอนนี้ ยากยิ่งกว่าขึ้นฟ้าอีก
จริงด้วย
เธอเป็นโรคเบื่ออาหาร
สองเดือนที่ผ่านมานี้ ไม่ทานอาหารเป็นเวลานาน บางครั้งที่ทานเป็นเพียงแค่ข้าวปลาอาหารที่เน่าแล้วเพื่อดำรงชีวิตอยู่ต่อ กระเพาะของเธอกลายเป็นต่อต้านอาหารและเบื่ออาหารแล้ว
มีเพียงแต่ตอนที่หิวมากๆ จึงจะกลืนเข้าไปได้ไม่กี่คำ
สถานการณ์นี้ของเธอ กินก็กินไม่ลง สามารถมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลวแล้ว จะเพิ่มน้ำหนักไปถึงห้าสิบกิโลได้ยังไง
เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ชัดๆ
เย้นโม่หลินเห็นท่าทางที่โมโหของกู้จื่อเฟย ยิ้มอย่างจนปัญญา
เขายื่นมือออกไปโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอด ปลอบใจด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ตอนนี้เธอผอมเกินไป สภาพร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง ไม่เหมาะกับการผ่าตัด ปรับสมดุลร่างกายให้ดีขึ้นก่อน เรื่องความสวยความงามนั้นเป็นเรื่องอันดับรองลง ไม่ว่าเธอหน้าตายังไง ฉันก็ชอบทั้งนั้น”
ไม่ว่าภายนอกจะสวยหรือไม่สวย ขอแค่เป็นกู้จื่อเฟย ก็ได้แล้ว
กู้จื่อเฟยซึ้งใจ นัยน์ตาที่เปล่งประกายหลบสายตาออกจากเย้นโม่หลิน
เธอพยักหน้าอย่างแข็งทื่อ “ก็ได้”
เย้นโม่หลินยิ้ม กอดกู้จื่อเฟยแล้วเดินออกไปทางข้างนอก
“เอาเถอะ พวกเราไปทานข้าวกันเถอะ”
กู้จื่อเฟยแข็งทื่อไปเลย
นัยน์ตาของเธอเปล่งประกายด้วยความรู้สึกผิด หาเหตุผลหนึ่งแล้วพูดว่า
“โมโหป่ายฉีจนกินอาหารไม่ลงแล้ว ไม่อยากกินแล้ว”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง กู้จื่อเฟยก็ดึงมือของเขา มองไปทางเย้นโม่หลินด้วยความหวัง
“นายบอกว่าอยากเอาฉันไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้แสงกำลังดี หรือว่าเรากลับไปออกกำลังกายบนห้องกันเถอะ?”