ถึงแม้ว่าร่างกายของเธอจะพังหมดแล้ว แต่ว่าดวงตาก็ยังมีร่องรอยความคุ้นเคยเหลืออยู่เล็กน้อย ที่อย่าทำให้จำได้
แต่หลังจากใส่คอนแทคเลนส์อันมีแล้ว เช่นนั้นความโชคดีที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยก็จะหมดสิ้นไปก็หมดสิ้นไป
ถึงจะเป็นตัวเธอเองก็เธอ ยังไงก็จำไม่ได้เหมือนกัน
“กู้จื่อเฟย ไปสิ ไปหาเขา เธอคิดถึงเขามากใช่หรือเปล่า”
หล่อนเปิดประตูรถออก พูดเบาๆที่ข้างหูกู้จื่อเฟย
“แต่บอกเขาว่า เธอตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกพบ ต้องการเป็นแฟนของเขา ถามเขาว่าเขายินดีจะรับความรู้สึกของเธอหรือไม่ หรือว่าเขารังเกียจความน่าเกลียดของเธอ?”
คำพูดประโยคสุดท้าย ดั่งเข็มทิ่มแทงลงบนหัวใจกู้จื่อเฟย
นี่คือเป้าหมายของหล่อน
ให้เธอใช้สักภาพอันน่ารังเกียจนี้ ไปพบกับเย้นโม่หลิน ให้เขารังเกียจเดียดฉันท์
ทำให้เธอเข้าใจว่า เธอไม่ได้มีใบหน้าเหมือนแต่ก่อนแล้ว เย้นโม่หลินจะไม่รักเธออีกต่อไป
อันนี้คือเป้าหมายที่เจียงเป้ยนีโจมตีเธอ
“อย่าพูดอะไรอย่างอื่นล่ะ และอย่าแสดงอารมณ์ที่ไม่ควรแสดงออกมา ฉันอยู่ตรงนี้ดูเธออยู่”
“ถ้าหากว่าเธอทำออกมาได้ไม่ดี ฮึอ คนคนนั้นอาจจะยิงมาทั้งทีก็ได้ ระเบิดหัว เธอเคยเห็นหรือเปล่า?”
“ภาพสมองระเบิดออกมานะ มันจะปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ แล้วคนคนนั้นก็คือเย้นโม่หลินอีกนะ”
คำพูดแต่ละประโยค พูดมาพร้อมด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แต่กลับมาเหมือนปีศาจร้ายกำลังกรีดร้องคำราม
กู้จื่อเฟยเย็นยะเยือกไปทั้งตัว ตัวสั่นไปหมด
เจียงเป้ยนีผลักกู้จื่อเฟยลงรถ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“รีบไปสิ เธอมีเวลาเพียงแค่ 10 นาทีนะ”
สมองของกู้จื่อเฟยขาวโพลนไปหมด ร่างกายทั้งแข็งทั้งหนาว ทั้งที่ตะวันออกแดดกล้าขนาดนี้ แต่เธอกลับอยู่ในเดือนละฤดูหนาวกลางลมคำราม
หนาว หนาวมาก
หนาวจากข้างในออกมาด้านนอก หนาวไปถึงจิตวิญญาณ
นัยน์ตาของเธอไปด้วยน้ำตา เบ้าตาของเธอเจ็บปวดอย่างกับจะระเบิดออกมา
เขาก็อยู่แค่ตรงหน้าเธอนี่เอง
ก็อยู่ใกล้แค่นี้นี่เอง……
แต่เธอกลับต้องมีสภาพแบบนี้ เขาใกล้เขา
ความเจ็บปวดเป็นระลอกอยู่ในใจ มันเดือดขึ้นมา อยากกลับจะทรมานให้ กู้จื่อเฟยเป็นบ้า
เธอไม่มีความกล้าหาญเลย
เจียงเป้ยนีมองไปที่กู้จื่อเฟยด้วยความขัน รู้สึกสาแก่ใจยิ่งนัก หล่อนชอบการทรมานจิตใจกู้จื่อเฟยแบบนี้ ถูกทำลาย
หล่อนจะทำลายความเชื่อมั่นและความรู้สึกของเธอ
“กู้จื่อเฟยเธอมีเวลาเพียงแค่ 10 นาที ถ้าหากว่าเธอไม่ไป เมื่อถึงเวลาแล้ว มือปืนจะลงมือทันที”
กู้จื่อเฟยสั่นไปทั้งตัว
เจียงเป้ยนีคือกำลังบังคับเธออยู่ เธอไม่มีทางให้เลือกเลย!
เจียงเป้ยนีในตอนนี้ได้กลายเป็นปีศาจบ้ามาแต่ไหนแต่ไรไปแล้ว หล่อนก็เป็นเหมือนคนป่วยประสาท คนโรคจิตที่ต้องการทำลายอะไรสักอย่าง ความรักของหล่อนมันเปรี้ยวเกินเหตุมาตั้งนานแล้ว
กู้จื่อเฟยไม่สงสัย หากว่าเธอไม่ทำตามเจียงเป้ยนีต้องการ เจียงเป้ยนีจะให้คนฆ่าเย้นโม่หลินจริงๆ
เมื่อไม่ได้มา ก็ทำลายทิ้ง
นี่คือหลักการของปีศาจ
กู้จื่อเฟยหนาวเย็นไปทั้งตัว เธอดำดอกไม้ในมือแน่น พร้อมกัดฟัน บังคับขาก้าวเดินออกไป
ถ้าจำเป็นต้องไป
เพื่อให้เย้นโม่หลินมีชีวิตอยู่ต่อไป
ถึงแม้ว่า นี่ให้เป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิตที่พวกเขาจะได้พบกัน
งั้นเธอต้องถนอมโอกาสนี้สิ
ใช้การพบกันครั้งสุดท้ายนี้ มองเขาให้เต็มที่ ฟังเสียงของเขา แล้วจดจำเอาไว้ชั่วชีวิต
ไม่คิดได้เช่นนี้ กู้จื่อเฟย ค่อยๆปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าก้าวเดินไปในทิศทางที่เย้นโม่หลินอยู่
ตอนลงจากรถเธอใส่ผ้าปิดปากมาด้วย มันเป็นเกือบมิดหน้าของเธอ
นอกจากว่าสภาพร่างกายของเธอผอมเกินไป ก็ไม่มีใครใส่ใจเธอเป็นพิเศษ
เดินย่ำไปบนทรายร้อนระอุ กู้จื่อเฟยเดินก้าวแล้วก้าวเล่า ในที่สุดก็ถึงที่เย้นโม่หลินอยู่
ห่างกันแค่สามก้าวเท่านั้น
เธอยืนอยู่ด้านหลังเขา เธอรับรู้ถึงความเย็นชากระจายออกมาจากตัวเขา กลิ่นอายความหนาวเย็นนั้นเต็มไปด้วยความเหงาและเสียใจ ที่ปฏิเสธผู้คนทั้งหลายให้อยู่ไกลออกไปเป็นพันลี้
ไม่ไกลออกไป ผู้คนมองเห็นเธอแล้ว เริ่มสนทนาเสียงเบา
“พวกเธอดูสิ ผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรนะ? ในมือคือดอกไม้ หรือว่าจะสารภาพรักเหรอ?”
“ช่างใจกล้าเสียจริง หนุ่มหล่อคนนั้นมีความเย็นชาออกมาอย่างน่ากลัว ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาเกินกว่า 5 เมตรเลย”
“ใช่แล้ว เธอดูสิสายตาของหญิงสาวหลายคนมองเขาแทบกลืนกิน แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปถามวีแชทของเขาเลยสักคน”
“หญิงสาวคนนี้ช่างใจกล้าจริงๆ อาจเป็นเพราะเธอคงสวยน่าดู ถึงได้มีความมั่นใจอย่างนี้”
……
กู้จื่อเฟยฟังคำพูดพวกนั้น เหนื่อยใจกับเต็มไปด้วยความระทมข่มขืน
ใจกล้า?
หน้าตาสะสวย?
มีความมั่นใจ?
ได้ยินคำพูดพวกนั้นเข้ามาในหูยิ่งรู้สึกเย้ยหยันไม่มีที่สิ้นสุด
มากมายปานนั้น เธอไม่มีเลยสักอัน สิ่งที่เธอมี ก็คือ…..
ความน่าเกลียด
ความอนาถ
แล้วก็ยังมีดวงใจที่รักเย้นโม่หลินที่สุดในโลก 1 ดวง
“คุณคะ….”
กู้จื่อเฟยค่อยๆเดินมาด้านข้างของเขา เรียกเขาเบาๆ
เนื่องจากพึ่งผ่านการล้างท้องมา คอของเธอแหบพร่า เสียงที่พูดออกมาอย่างกับเสียงขัดของกระดาษทราย เสียงทั้งต่ำและไม่ไพเราะ
แยกแยะเสียงไม่ได้
เย้นโม่หลินยืนตรงอยู่ที่นั่น ไม่สนใจเธอเลย
กู้จื่อเฟยมองใบหน้าด้านข้างของเขาอย่าหลงใหล เขายังคงเย็นชาเหมือนเดิม เหมือนเดิมที่เคยพบตอนแรก ถึงแม้ใจเย็นชาแต่ก็ยังหล่อแบบนี้ ทำให้คนหลงใหล
มอบใจให้ไป
เธอสึกเสียดายจริง อยากอยู่มองเขาไปแบบนี้ไปชั่วชีวิต
เธอรู้สึกจมูกร้อนขืนข่มขึ้นมา อยากกลับจะควบคุมน้ำตาที่จะรินไหลของตัวเองไม่ได้
“กู้จื่อเฟยฉันมองเธออยู่นะ”
ในหูฟังไร้สาย กลับมีเสียงขู่ของเจียงเป้ยนีดังขึ้น
กู้จื่อเฟยกลับไปตัวเย็นเหมือนเดิม
ความรู้สึกทั้งหมดเหมือนกับโดนสาดด้วยน้ำเย็น มาแทนที่ด้วยความเหน็บหนาวและอันตรายที่ไม่มีสิ้นสุด
เธอกัดฟันแน่น มีแต่ฟ้าที่เราว่าเธอต้องใช้ความพยายามเท่าไหร่ จึงสามารถกดความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมนี้ลงไป
เธอพยายามรักษารอยยิ้มไว้
“คุณคะ”
แล้วพูดแล้ว กู้จื่อเฟยในมือถือดอกไม้ เธอเดินเหยียบน้ำทะเลไป เพื่อเป็นตรงหน้าเย้นโม่หลิน
เธอเข้าไปอยู่ในสายตาของเขาโดยตรง
เย้นโม่หลินจึงรับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอ หญิงสาวด้านหน้าใส่หมวก มีผมหน้าม้าเป็นระเบียบ บนหน้าใส่ผ้าปิดปากกันใหญ่ๆไว้ แทบจะปิดเน็ตไว้หน้าของเธอ
เหลือเพียงแค่ตาคู่หนึ่ง
ตาสวยมากเหมือนกับตาของจิ้งจอก เหมือนกับตาของกู้จื่อเฟยเลย แต่กลับเป็นตาสีฟ้า
นัยน์ตาสีฟ้า เป็นเชื้อชาติคนผิวขาว
แต่กู้จื่อเฟยเป็นคนเชื้อชาติจีน นัยน์ตาคู่นั้นของเธอเป็นสีน้ำตาล มีขอบนัยน์ตาเป็นสีดำ มีชีวิตชีวามาก อย่างกับมีดวงดาวมากมายประดับอยู่ในนั้น
มันสวยมากจริงๆ มีอยู่ในโลกนี้แค่เธอเท่านั้น
เย้นโม่หลินเผลอไปเล็กน้อย เขายิ่งรู้สึกตัวเองเย้ยหยันตัวเอง
ตอนนี้เขาถึงขั้นที่เป็นบ้าไปแล้วหรือ
เพียงแค่ใครคนหนึ่ง ที่มีรูปร่างคล้ายกันนิดหน่อย เขาก็จะนึกถึงกู้จื่อเฟย
ก่อนหน้านี้ หญิงสาวคนหนึ่ง หน้าด้านข้างของเธอเหมือนกับกู้จื่อเฟย70-80%เขาก็ตามไปไกลแสนไกล ในที่สุดก็พบตัวของเธอ แต่ว่าดูหน้าตรงของเธอแล้วไม่เหมือนกับกู้จื่อเฟยสักนิดเดียว
เคสแบบนี้เขาหามาเยอะแยะแล้ว
มีคนตาเหมือน มีคนจมูกเหมือน มีคนปากเหมือน มีคนรูปร่างเหมือน แม้กระทั่งมีคนหูเหมือน
ก็สามารถเป็นไปได้ทั้งนั้น
ความหนาวเหน็บและเศร้าใจซึมซาบขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เย้นโม่หลินเลื่อนสายตาออกไปจากตัวของกู้จื่อเฟย