กู้จื่อเฟยน้ำตาไหลรินอาบแก้ม
เธอจ้องมองเย้นโม่หลินแววตาเป็นประกายด้วยความสงสัย ทั้งพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เย้นโม่หลิน พวกเราเริ่มต้นใหม่ได้ไหม นับจากวันนี้ไป คนที่เสียโฉมคนนี้ คนที่เกิดใหม่คนนี้ คนที่จะอยู่กับคุณไปจนแก่คนนี้ ลืมเรื่องที่ผ่านมาของพวกเราแล้วเริ่มต้นใหม่”
เย้นโม่หลินมองดู กู้จื่อเฟยด้วยความตกตะลึง
ลืมเรื่องที่ผ่านมาของพวกเขาไปงั้นเหรอ?
เรื่องราวพวกนั้น ในความทรงจำของเขา คือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด มันคือสิ่งที่ช่วยให้เขาอยู่มาถึงทุกวันนี้ได้
ลืมงั้นเหรอ?
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว เรื่องแบบนี้ใครจะลืมได้ลง
“ทำไมล่ะ ไม่ได้เหรอ?”
กู้จื่อเฟยน้ำตาคลอเบ้า “จากนี้ไปฉันจะหายดีอีกครั้ง ตอนนี้ฉันน่าเกลียดไม่รู้จะเผชิญกับความแตกต่างอันเลวร้ายนี้อย่างไร”
เย้นโม่หลินมองแผลเป็นบนใบหน้าของเธอ ด้วยความรู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก เขาไม่อาจจะปฏิเสธเธอได้
เขาพยักหน้า “ได้สิ พวกเรามาเริ่มต้นใหม่”
เธอต้องการอะไร เขาก็พร้อมจะให้เธอได้ทุกอย่าง ขอแค่เธออยากได้ ขอแค่เขามีไม่ว่าจะเริ่มต้นใหม่หรืออนาคตก็ตาม
กู้จื่อเฟยเช็ดน้ำมูกและสุดท้ายเขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง
ตอนกลางคืนที่กู้จื่อเฟยจะอาบน้ำ
เย้นโม่หลินเป็นห่วงกลัวว่าแผลของเธอจะโดนน้ำ ตอนแรกเขาจะให้สาวใช้ช่วยเธออาบน้ำ แต่เธอกลับปฏิเสธ และบอกว่าจะอาบน้ำเอง
เย้นโม่หลินเป็นกังวลมาก เขานั่งรอในห้อง สายตาของเขาจองไปที่ประตูห้องน้ำเป็นระยะๆ ขอแค่ได้ยินเสียงผิดปกติ แค่นิดหน่อย จากในห้องน้ำเขาก็พร้อมจะเข้าไปทันที
ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมงกู้จื่อเฟยก็อาบน้ำเสร็จพอดี เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกับเงาของเธอเดินออกมาจากห้องน้ำ
เย้นโม่หลินที่เห็นกู้จื่อเฟย ใส่ชุดเกาะอกกระโปรงผ้าชีฟองสีชมพู คลุมด้วยผ้าก๊อซสีขาวใสบางๆ ปกคุมร่างกายครึ่งหนึ่งของเธอ แต่ก็ยังปรากฏให้เห็นเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบของเธอ สายตาของเขาหยุดอยู่ที่เธอ จ้องตาไม่กะพริบ แทบจะหยุดหายใจ รูปร่างสวยงามน่าหลงใหล
เธอเดินออกมาจากประตูห้องน้ำ เมื่อพบเย้นโม่หลินที่จ้องอยู่ เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย ” พี่ยังอยู่ในนี้เหรอ?”
เย้นโม่หลินดึงสติกลับมาและหันไปทางอื่น
“ฉัน ฉันเป็นห่วงว่าแผลเธอจะโดนน้ำ เธอนอนเถอะ ฉันจะออกไปละ”
พอพูดจบเย้นโม่หลินก็ลุกขึ้นเตรียมจะออกไปจากที่ตรงนั้น แต่พอเขากำลังจะขยับตัว ก็มีมือเล็กๆอุ่นๆกุมข้อมือเขาไว้ เขาค่อยๆหันมามอง ก็พบว่ามีแววตาที่เปล่งประกายของเธอกำลังจ้องมองเขาอยู่ ที่กัดริมฝีปากตัวเองเบาๆทั้งมองเขาด้วยสายตาที่เขินอาย “อย่าไป!”
เย้นโม่หลินยืนค้างอยู่ที่เดิม สายตาจ้องมองไปที่เธอ จ้องค้างอยู่อย่างนั้นเขาละสายตาจากเธอไม่ได้เลย
ท่าทีเขินอายของเธอช่างหาดูได้ยาก แต่กลับมีเสน่ห์หลงใหลเป็นอย่างมาก
ทำให้ไฟในร่างกายของเขาลูกโชคขึ้นมาทันที เขาพยายามจะควบคุมหัวใจที่เต้นแรงของเขาเอาไว้
กู้จื่อเฟยกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆพร้อมทั้งค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้เย้นโม่หลินเพาะเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ร่างกายของเธอจริงมีกินหอมอ่อนๆของสบู่ แววตาที่เป็นประกายของเธอกำลังจ้องมองเย้นโม่หลิน ใบหน้าของเธอขยับเข้ามาใกล้เย้นโม่หลินเรื่อยเรื่อย เสียงนุ่มของเธอช่างน่าหลงใหล “ฉันกลัว พี่อย่าไปได้ไหม?”
จะเป็นแบบนี้ตลอด ทุกครั้งกู้จื่อเฟยจะมีเหตุผล ว่าเธอกลัวต่างๆนานามา ฉุดรั้งเขาไว้เพื่อที่จะให้เขานอนด้วยกันกับเธอ ไม่มีความรักนวลสงวนตัวและเขาก็ได้ยอมสยบให้เธอไปตั้งนานแล้ว
การสูญเสียนั้นได้รับกลับคืนมาใหม่อีกครั้ง ตอนนี้เย้นโม่หลินยอมยกโลกทั้งใบรวมทั้งตัวเขาเองให้กับเธอ
เย้นโม่หลินมองดูใบหน้าที่เรียวเล็กตรงหน้านี้ อารมณ์เขาเริ่มแปรปรวน ดั่งน้ำที่ท่วมอย่างเฉียบพลัน เขาเอื้อมมือไปจับที่เอวของเธอ พร้อมกับโน้มตัวลงไปจูบริมฝีปากเธอ
กู้จื่อเฟยอึ้งหยุดชั่วขณะ แล้วก็ยอมให้เขาจูบแต่โดยดี ร่างกายเหมือนไร้เรี่ยวแรงและโน้มลงไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา
จูบนั้นของเย้นโม่หลินรุนแรงเหมือนกลับพายุฝนในหน้าแล้งที่ยาวนาน ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ จูบของเขาเหมือนจะกลืนกินเธอเข้าไป
แต่ตอนที่เย้นโม่หลินจูบกับเธอ เขากลับลืมตาขึ้นมองดู ใบหน้ากลมรูปไข่ของเธอที่กำลังหลับตาและจูบอยู่กับเขา ทันใดนั้นจูบที่เร่าร้อนของเขาก็หยุดชะงักลงทันที เขารู้สึกเหมือน ความเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งคืบคลานเข้ามาในหัวใจของเขา
เขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไรต่อแล้ว อยู่ดีๆเขาก็หยุดไป แต่เธอเริ่มเป็นฝ่ายจูบเขา แต่รู้สึกเหมือนกำลังจูบกับก้อนน้ำแข็ง ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังจูบอยู่กับท่อนไม้ยังไงยังงั้น
กู้จื่อเฟยรู้สึกว่ามันไม่ใช่เธอหยุดแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ เธอเห็นแววตาที่เย็นชาของเขากำลังจ้องมองมาที่เธออยู่ เธอตกใจมากทั้งพูด “เป็น เป็นอะไรไป”
เย้นโม่หลินปิดปากเงียบ แค่มองดูเธอเฉยๆไม่ได้ไม่พูดอะไรกู้จื่อเฟยหน้าซีดน้ำตาคลอเบ้า เธอพูดด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น “เป็นเพราะฉันตอนนี้น่าเกลียดใช่ไหม มองดูฉันแล้วคุณถึงไม่รู้สึกอยากจะจูบต่อ รู้สึกขยะแขยงใช่ไหม?”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว “ไม่ใช่นะ”
ใจที่แน่วแน่กลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา อย่างบอกไม่ถูก เขาไม่อยากให้เธอคิดมากและรู้สึกเสียใจ จึงได้ปลอบใจเธอไปว่า ” ฉันก็แค่กลัวว่าถ้าทำต่อเธอจะเจ็บ เพราะแผลเธอยังไม่หายดี”
“ใช่เหรอ?” กู้จื่อเฟยถามแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เย้นโม่หลินยื่นมือไปขยี้ผมเธอเบาๆ “แน่นอนสิ”
“เธอไปนอนเถอะ ฉันจะดูเธออยู่ตรงนี้จนเธอหลับ แล้วฉันถึงจะออกไป”
กู้จื่อเฟยกัดริมฝีปากและพยักหน้า เธอนอนลงไปบนเตียง เย้นโม่หลินนั่งอยู่ข้างเตียง เขาห่มผ้าให้เธอ กำมือเธอแน่นและมองเธออยู่อย่างนั้น เขามองดูเธอที่นอนบนเตียงอย่างเชื่อฟังอีกครั้ง อย่างพอใจอารมณ์ที่หงุดหงิดเมื่อกี้ของเขาก็ค่อยๆหายไป เขาพ่ายแพ้ให้กับเธออีกครั้ง
เขากำลังครุ่นคิด อยู่กับเรื่องเมื่อกี้ ว่าทำไมตอนที่เขาจูบกับกู้จื่อเฟยอยู่ๆเขาก็ไม่มีอารมณ์ขึ้นมาเฉยเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ แค่จูบเบาๆของเธอ ก็ทำให้เขาบ้าคลั่งแล้ว แล้วตอนนี้ มันเป็นอะไร…….
เย้นโม่หลินอยู่เฝ้ากู้จื่อเฟยจนเธอหลับไป เขาก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้น พักนึงถึงลุกออกไปจากห้อง
เขายืนอยู่บนระเบียงทางเดิน เสียงไฟแช็ก “แก่ก” จุดไฟตรงปลายบุหรี่ เขาดูดบุหรี่เข้าไปแล้วพ่นควันออกมา ควันสีขาวของบุหรี่ ทำให้ความกดดันและความรู้สึกแย่ภายในใจของเขา ค่อยๆจางหายไป เพราะเช่นนั้นเขาเลยชิน ทุกครั้งที่เขารู้สึกหงุดหงิดเขาก็จะดูดบุหรี่
“ตึกตึกตึก” ท่ามกลางความมืดมิดเสียงรองเท้าที่วิ่งจากระยะไกลใกล้เข้ามาหาและหยุดอยู่ข้างของเย้นโม่หลิน
ขอบตาของป่ายฉีดำคล้ำเหมือนหมีแพนด้า แต่ในตาสีดำกับเป็นประกายดูกระปรี้กระเปร่า
คืนนี้เขาได้ศึกษาวิธีการรักษารอยแผลเป็นบนใบหน้าของกู้จื่อเฟยด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ เร็วที่สุดและหลงเหลือแผลเป็นน้อยที่สุด
หากรอยแผลเป็นทั้งหมดหายดี อย่างน้อยเธอก็ได้กลับมาสวยอีกครั้ง แม้ว่ามีปมด้อยที่น่ากลัวอยู่ในใจของเธอ แต่มันจะดีขึ้นมาก
เขานั่งจนเมื่อยไปทั้งตัว เลยออกมาเดินเล่นสูดอากาศ แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับเย้นโม่หลินที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงนี้
เขารู้สึกแปลกใจ เลยถามออกไปว่า “พี่ชาย ดึกๆแบบนี้ไม่เล่นผีผ้าห่มกับกู้จื่อเฟยเหรอ?มาดูดบุหรี่อะไรตรงนี้?”