“ผมว่า คุณอาจจะเคยประสบเรื่องที่สุดทานทน รำลึกอดีต มันก็เหมือนบาดแผลหนึ่ง เติบโตอยู่ในหัวใจของคุณ คุณไม่กำจัดมันทิ้ง มันก็จะอยู่ตลอดไป และทรมานคุณตลอดไป”
“ในเมื่อคุณเลือกที่จะมารักษากับผม งั้นคุณก็ต้องเตรียมใจให้ดี ตัดสินใจที่จะเผชิญหน้า ใช้ชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่แบกรับและถูกเรื่องราวใดอดีตทำร้ายอีก”
“ในเมื่อมาถึงแล้ว ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตให้ดี ถึงแม้ว่าจะมองย้อนกลับไป คุณก็ต้องเผชิญหน้าด้วยความเข้มแข็ง คุณกู้ คุณต้องเชื่อใจตัวเอง”
กระดาษที่อยู่ในมือของกู้จื่อเฟยเกือบจะถูกเธอบีบจนเละแล้ว
เผชิญหน้าอย่างเข้มแข็ง? เธอสามารถเผชิญหน้าได้อีกรอบเหรอ?
ทุกอย่างที่เป็นเหมือนดั่งฝันร้าย
เจิ้งเหลียงพูดต่ออีกว่า “หากผมทายไม่ผิด สิ่งที่ทำให้คุณตัดสินใจมารักษา เป็นเพราะคุณผู้ชายที่มาส่งคุณทุกวันใช่ไหมครับ”
กู้จื่อเฟยแข็งทื่อไปเลย
“มองออก พวกคุณรักกันมาก คุณก็รักเขามาก เพื่อความรักของตัวเอง มาเผชิญหน้ากับฝันร้ายของตัวเอง คุณเก่งมาก ผมเชื่อใจคุณ ถึงแม้ว่าจะเพื่อเขา คุณก็สามารถเอาชนะความยากลำบากทุกอย่างได้ ถึงแม้ว่าข้างหน้าจะเป็นสถานที่อันตรายและยากลำบากเพียงไหน คุณต้องก้าวข้ามไปได้แน่นอน”
ใช่แล้ว
เพื่อความรักของตัวเอง ถึงแม้ว่าข้างหน้าเป็นสถานที่อันตรายและยากลำบาก แล้วไงล่ะ? แม้กระทั่งมีดของยมทูตเธอก็ผ่านมาแล้ว จะไปกลัวอะไรกับการที่เผชิญหน้ากับฝันร้ายของตัวเองอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าจะหวาดกลัว เธอก็ต้องก้าวไปด้วยความกล้า
มีเพียงแต่เช่นนี้ เธอจึงจะสามารถอยู่กับพี่เย้นโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวกับเขาแบบนี้ต่อไป
เธอจำเป็นต้องเอาชนะ
จู่ๆ กู้จื่อเฟยก็ปล่อยกระดาษในมือลง เงยหน้าขึ้นมองเจิ้งเหลียง
พูดออกมาทีละคำทีละประโยค ยืนหยัดเป็นพิเศษ “ฉันยอมรับการรักษาด้านจิตใจค่ะ”
รอยยิ้มของเจิ้งเหลียงลึกซึ้งมาก รู้สึกโล่งอกและโล่งใจ
เจิ้งเหลียงคือผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบื่ออาหาร สำหรับเรื่องโน้มน้าวจิตใจ ก็ถือว่าตัวท็อปเลยทีเดียว
เขาใช้ความชำนาญ พากู้จื่อเฟยหันกลับไปมองความมืดนั้นใหม่อีกครั้ง
กู้จื่อเฟยค่อยๆ เปิดใจ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นให้เขาฟัง
ตั้งแต่ที่กะบังมีดแล้วฟื้นขึ้นมา เธอก็อยู่ในห้องประภาคารที่หนาวเย็น ถูกทำให้เสียโฉม ถูกทรมาน หิวจนต้องเทข้าวลงปาก ยังมีลมหายใจอยู่ ตายไม่ลง และมีชีวิตต่อไม่ไหว
สองเดือนเต็มๆ เธอเหมือนอยู่ในนรกบนพื้นโลกดั่งตายทั้งเป็น
เจิ้งเหลียงที่ถึงแม้ว่าจะรักษาผู้ป่วยมามากมาย ฟังเรื่องราวมามากมาย ได้ยินคำพูดของกู้จื่อเฟยแล้ว ก็อดตกใจไม่ได้ สงสารมาก
แม้กระทั่งเขาก็ไม่สามารถทนรับกับการทรมานแบบนี้ได้ ยิ่งไม่รู้ว่า กู้จื่อเฟยผู้หญิงที่ขี้อ้อนคนหนึ่ง กลับแบกรับความทรมานที่ไม่ใช่คนมาสองเดือนเต็มๆ
และเธอในตอนนี้มีบาดแผลเต็มไปทั่ว ร่างกายซูบผอม แต่กลับยังสามารถรักษารอยยิ้ม และนิสัยที่ร่าเริง
ต้องเข้มแข็งขนาดไหนเนี่ย
ทว่าในส่วนลึกของหัวใจเธอ กลับมีบาดแผลและฝันร้ายที่ไม่สามารถกำจัดทิ้งไป
ดังนั้นร่างกายของเธอ จิตใจของเธอ ถึงได้คัดค้านต่อต้าน กลายเป็นโรคเบื่ออาหารที่ไม่สามารถควบคุมได้
กู้จื่อเฟยพูดออกมาทีละคำทีละประโยค สีหน้ายิ่งอยู่ยิ่งซีดขาว ร่างกายก็สั่นไม่หยุด
นัยน์ตาของเธอเปล่งประกาย ในตอนที่พูดถึงงานประมูล ในที่สุดอารมณ์ของเธอก็พังทลาย ก้มหน้าแล้วร้องไห้ขึ้นมา
เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น “ฉันกลัว ฉันกลัว……”
จุดอ่อนแอที่สุดในส่วนลึกของหัวใจ ถูกพลิกออกมา
เหมือนกลับไปยังงานประมูลครั้งนั้นอีกครั้ง
ถูกคลุมหัว นำพาตัวเองเข้าไปในความมืด ถูกคนทับถม ไม่รู้ว่าส่งไปยังสถานที่ไหน
และตรงหน้า มีความมืดที่ใหญ่กว่า และเหวลึกกำลังรอเธออยู่ ทำให้เธอหวาดกลัวจนผิดหวัง
“ไม่ ไม่เอา…..”
กู้จื่อเฟยตะโกนร้องด้วยความตื่นตระหนก ทั้งตัวสั่นไม่หยุด
เจิ้งเหลียงลุกขึ้นด้วยความตกใจ นี่เป็นการออกนอกการชี้นำ อารมณ์พังทลายจนไม่สามารถควบคุมได้
เขารีบเดินไปยังข้างกายของกู้จื่อเฟย ลูบไหล่ของเธอ จับมือของเธอขึ้นมา
พูดโน้มน้ำด้วยน้ำเสียงที่ปลอบโยน “ไม่เป็นไรแล้ว มันผ่านไปแล้ว กู้จื่อเฟย คุณลืมตาขึ้นมาดู ที่นี่คือโรงพยาบาล คุณปลอดภัยแล้ว”
“ฉันกลัว ไม่เอา ไม่เอา……”
กู้จื่อเฟยแข็งทื่อไปทั้งตัว น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด ยังไม่สามารถได้สติกลับมา
ในตอนที่อยู่บนประภาคาร ในตอนที่อยู่ในงานประมูล เธอรู้ถึงสถานการณ์ของตัวเอง ความกลัวในใจ กลับยังสามารถยึดเหนี่ยวด้วยสติเอาไว้
ทว่าการสะกดจิต กลับทำให้อารมณ์ที่อ่อนแอที่สุดของเธอขยายตัวใหญ่ ส่วนสติ ก็หายไปทั้งหมด
อารมณ์ถึงได้พังทลายถึงขั้นสุด
ถึงขั้นสามารถทำเรื่องที่ทำร้ายตัวเองออกมาได้
เจิ้งเหลียงรีบนั่งลงยังข้างกายของกู้จื่อเฟย จับมือของเธอทั้งคู่ ปลอบโยนเธอเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง
เขากอดเธอแน่น ฝ่ามือลูบหลังของเธออย่างไม่หยุด
น้ำเสียงของเขาต่ำ เต็มไปด้วยความน่าหลงใหล “กู้จื่อเฟย ผมอยู่ ผมอยู่ที่นี่”
เขาอยู่?
เขาคือใคร?
ระหว่างความกลัวขั้นสุด ในสมองของกู้จื่อเฟย มีใบหน้าของเย้นโม่หลินผ่านพ้นไป
วินาทีที่เขาปรากฏตัวออกมา เหมือนดังแสงสว่างในโลกแห่งความมืดมน เธอจับเขาไว้ด้วยความตะลึงกลัว ยิ่งไปกว่านั้นคือเหมือนจับโอกาสไว้
มือของเธอ ก็จับเสื้อของเจิ้งเหลียงไว้ตามจิตใต้สำนึก
“ผมจะปกป้องคุณเอง”
น้ำเสียงของเขา ดุจดั่งการถูกช่วยเหลือไป
ใช่แล้ว
เขาจะปกป้องเธอ ถึงแม้ว่าตัวเธอจะอยู่ในนรกบนผืนดิน เขาก็จะช่วยเธอแน่นอน
เธอนึกขึ้นมาแล้ว ในตอนที่อยู่ในงานประมูล ฝ่ามือที่ใหญ่ของเขาจับเธอไว้ บอกว่าจะพาเธอจากไป
เย้นโม่หลินช่วยเธอไว้
กู้จื่อเฟยลืมตาขึ้นทันที
เสียงร้องไห้ก็หยุดลงทันที
ในห้องเงียบสงบลง เจิ้งเหลียงยังคงลูบหลังของกู้จื่อเฟยเบาๆ ก้มหน้ามองเธอ ถามอย่างระมัดระวังว่า
“คุณตื่นหรือยัง?”
กู้จื่อเฟยตะลึงงันไปสามวิเต็มๆ จึงจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองเห็นใบหน้าของเจิ้งเหลียง
หลังจากนั้น เธอจึงจะสังเกตเห็นว่า เธอกอดเจิ้งเหลียงไว้
“นี่……ขอโทษค่ะ!”
กู้จื่อเฟยรีบผลักเขาออก แล้วลุกขึ้นมา
เพราะว่ารีบลุกเกินไป เธอล้มลงบนอีกโซฟาหนึ่ง สีหน้าซีดขาวและโทรมมาก
เจิ้งเหลียงเองก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก รีบลุกขึ้นมาจากโซฟา อธิบายขึ้นว่า
“คนที่ควรพูดขอโทษคือผม เมื่อกี้อารมณ์คุณพังทลาย ในยามวิกฤตผมก็เลยใช้วิธีแบบนั้นปลอบใจคุณ เรียกคุณตื่น กะทันหันเกินไปแล้ว คุณอย่าว่าอะไรเลยนะ”
กู้จื่อเฟยจึงจะดึงสติกลับมาได้ เมื่อกี้เธออารมณ์พังทลาย รับรู้ถึงอ้อมกอดที่อบอุ่น ข้างหูมีเสียงที่อ่อนโยน ไม่ใช่ของเย้นโม่หลิน แต่เป็นเจิ้งเหลียง
เขาชี้นำทางให้เธอ เธอถึงได้คิดเชื่อมโยงสถานการณ์ไปได้ดี ตื่นขึ้นมาจากอารมณ์ที่พังทลาย
กู้จื่อเฟยเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเอง พูดด้วยความเขินอายว่า
“เมื่อกี้ฉันคงจะลืมตัวเสียกิริยาไปใช่ไหมคะ?”
“ปกติครับ คุณสามารถยืนหยัดนานขนาดนั้นอารมณ์ถึงพังทลาย เข้มแข็งมาพอแล้วครับ ผู้ป่วยคนอื่นๆ ของผม เวลานั้น อารมณ์พังทลายไปหลายรอบแล้วครับ”
เจิ้งเหลียงยิ้ม กลับไปยังท่าทีที่สง่าเป็นกันเอง ราวกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้เกิดเรื่องที่น่าอึดอัดขึ้นมา
ส่วนการลืมตัวของกู้จื่อเฟย สำหรับเขาแล้ว ก็คือเรื่องอาการที่พบเจอบ่อยที่สุดของคุณหมอ
กู้จื่อเฟยได้ยินแล้ว รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เธอก้มหน้าลงประสานมือเข้ากันแน่น ยังคงรู้สึกว่าแม้เหตุการณ์นี้จะผ่านไปแล้วก็ยังคงหวาดผวาอยู่
อารมณ์ที่พังทลายเมื่อกี้ สำหรับเธอแล้วเป็นเหมือนกับฝันร้าย ความรู้สึกกลัวผิดหวังแบบนั้น ถึงแม้ว่าจะตื่นแล้ว ก็จะมีผลกระทบ
เผชิญหน้ากับความกลัวอีกครั้ง จริงๆ เลย ความท้าทายที่ไม่ใช่คนกับความทรมานในใจ
ขณะนี้ ในจุดที่พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็น มีช่องโหว่ของประตูเปิดไว้ ถูกคนค่อยๆ ปิดจากทางด้านนอก
โจ๋ลี่ยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าแย่มาก