ป่ายฉีลงมาจากชั้นบนพอดี หยุดเขาไว้แล้วพูด “พี่ใหญ่ กลับมาทำไม?”
“กลับมาดูเฟยเอ๋อร์ เธอเป็นยังไงบ้าง?”
ได้ยินดังนั้น มุมปากป่ายฉีก็กระตุก เย้นโม่หลินยังหาเวลาจากงานยุ่งๆ ของเขากลับมาหากู้จื่อเฟย
นี่ไม่วางใจขนาดไหนกัน
เขาพูด “เธอสบายดี ฉันหาเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจให้เธอไปทำแล้ว”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ?
“เธออยู่ไหน ฉันจะไปหา”
“ตอนนี้ยังไม่ได้”
ป่ายฉีปฏิเสธอย่างเฉียบขาด “นายวางใจเถอะ ส่งกู้จื่อเฟยให้ฉัน รับประกันว่าเธอปลอดภัยแข็งแรงมีความสุข เรื่องทางนั้นเร่งด่วน นายไปทำก่อนเถอะ ตอนเย็นค่อยกลับมา กู้จื่อเฟยอยู่แน่นอน”
เย้นโม่หลินสงสัย ป่ายฉีให้กู้จื่อเฟยไปทำอะไรกันแน่ ยังไม่ปล่อยให้เขาเห็น?
แต่ในเมื่อป่ายฉีพูดแบบนี้ เขาก็วางใจได้หน่อย
เดิมทีเขาก็ยุ่งตัวเป็นเกรียว เพราะเป็นห่วงว่ากู้จื่อเฟยพึ่งมาจะปรับตัวไม่ได้ ถึงได้หาเวลากลับมาดูเธอ
“นายดูแลเธอให้ดี ตอนเย็นฉันจะรีบกลับมา ทำอาหารให้เธอ”
“พี่ใหญ่ นี่นายหลงรักห้องครัวเหรอ?”
ป่ายฉีอดไม่ได้ที่จะบ่น ยุ่งมากขนาดนี้แล้ว เย้นโม่หลินยังคิดเรื่องเข้าครัวทำอาหารอีก
เย้นโม่หลินไม่ตอบ หันตัวเดินไปอย่างเย็นชา
เขาไม่ได้สนใจห้องครัว แต่กู้จื่อเฟยชอบ เขาก็จะอยู่ที่นั่น
เห็นเย้นโม่หลินจากไป ป่ายฉีก็ถอนหายใจเงียบๆ
ดีที่เย้นโม่หลินไม่ดื้อดึงที่จะดูว่ากู้จื่อเฟยทำอะไรอยู่ ไม่งั้นเซอร์ไพรส์ก็เก็บไว้ไม่อยู่
เป็นแบบนี้ ก็ดีแล้ว
กู้จื่อเฟยมีเรื่องให้ทำ เย้นโม่หลินก็ไม่ต้องเป็นห่วงเธอมากเกินไป เรื่องที่ห้องควบคุม ยุ่งวุ่นวายมากจริงๆ
ภายในลานของเย้นโม่หลิน
กู้จื่อเฟยนั่งอยู่บนบันได ถือโทรศัพท์ กำลังวิดีโอคอลกับเย้นหว่าน
ในหน้าจอวิดีโอ ใบหน้าเล็กๆ ของเย้นหว่าน อ้วนกลมขึ้นจากสองเดือนก่อนหน้านี้เล็กน้อย
กู้จื่อเฟยยิ้มหยอกล้อ “สาวตั้งครรภ์ที่พึ่งแต่งงานของเราชีวิตชุ่มชื่นมากเลยนะ อ้วนขึ้นแล้ว”
“เด็กกำลังโต ฉันจะไม่อ้วนก็ไม่ได้”
เย้นหว่านลูบใบหน้าตัวเอง แสร้งทำเป็นเศร้าเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างล้อเล่น “พวกเรายังเป็นเพื่อนรักกันอยู่นะ ขี้เหล่ก็จะขี้เหล่ไปพร้อมกัน”
“ยัยสาวท้องโต อย่าลากฉันลงน้ำนะ ฉันคนนี้จะขี้เหล่แค่เดือนสองเดือนเท่านั้น ก็สามารถผ่าตัดได้แล้ว รอยแผลบนใบหน้าก็จะหายไป กลับมางดงามอีกครั้ง เธอน่ะ ยังต้องขี้เหล่อีกหกเดือน พวกเรามันคนล่ะขั้นกัน”
มองใบหน้าที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของกู้จื่อเฟย ยังคงมีท่าทางเปล่งปลั่ง เย้นหว่านก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
ยังคงเป็นเฟยเฟยที่รักของเธอ
ผ่านเรื่องใหญ่ขนาดนั้นมา ทำให้ได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ เธอก็ยังคงมีชีวิตชีวาขนาดนั้น
แบบนี้ดีแล้ว
“เสี่ยวหว่าน ลูกเป็นยังไงบ้าง?” กู้จื่อเฟยเอ่ยถาม
เย้นหว่านก้มศีรษะ มองดูท้องที่ปูดเล็กน้อยของตัวเอง แสงแห่งความรักที่อบอุ่นก็เกิดขึ้นในแววตาอย่างไม่รู้ตัว
เธอยิ้มเบาๆ แล้วพูด “พวกเขาสบายดี หมอบอกว่าเติบโตได้ดีมาก ตอนนี้ก็เป็นเด็กดี ฉันไม่อาเจียนแล้ว ความอยากอาหารก็ดีขึ้น”
“พวกเขา?”
กู้จื่อเฟยได้ยินประเด็กหลักอย่างถี่ถ้วน เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เสี่ยวหว่าน นี่หมายความว่ายังไง หรือว่าเป็นฝาแฝด?”
“ชู่ว เสียงเบาหน่อย”
เย้นหว่านพูดอย่างประหม่า มองไปรอบด้าน แล้วถึงลดเสียงพูดกับวิดีโอ
“เป็นฝาแฝด”
“เยี่ยมเลย เรื่องดีๆ มาพร้อมกัน เรื่องใหญ่ดีๆ แบบนี้เธอปิดบังไว้ทำไม?”
“โห้หลีเฉินบอกว่า เรื่องที่ฉันท้องลูกแฝด ทางที่ดีอย่าให้คนตระกูลหยูรู้ ตระกูลเย้นตอนนี้ก็ไม่ปลอดภัย ไม่รู้ว่ามีสายลับจากตระกูลหยูไหม ดังนั้นจึงประกาศในตระกูลเย้นไม่ได้”
กู้จื่อเฟยตระหนักได้ในทันที รีบพยักหน้า พูดเสียงเบา
“รู้แล้วน่ารู้แล้วน่า ฉันจะเงียบไว้ เยี่ยมเลยเสี่ยวหว่าน ฝาแฝดนะ เป็นพรจากสวรรค์ เธอมีความสุขเกินไปแล้ว”
“อื้ม มีความสุขมาก”
เย้นหว่านก้มหน้าลูบท้องของตัวเอง มุมปากโค้งยิ้ม แต่ดวงตากลับเผยแสงสลัวอยู่เงียบๆ
แสงสลัวนั้นแวบหายไปอย่างรวดเร็ว กู้จื่อเฟยเองก็ไม่ได้สังเกต
เธอพูดอย่างตื่นเต้น “เสี่ยวหว่าน ให้ฉันดูหลานชายของฉันหน่อย”
“อาจจะเป็นหลานสาวก็ได้นะ”
เย้นหว่านหยอกล้อ แล้วหันกล้องไปที่ท้องของตัวเอง
หน้าจอวิดีโอมองไม่เห็นอะไร แต่กู้จื่อเฟยกลับมองอย่างมีความสุขเป็นพิเศษ “อยากลูบจังเลย โห้หลีเฉินมีความสุขเกินไปแล้ว ได้ลูบทุกวัน”
คำหยอกล้อที่มีสีสันนี้ ทำให้เย้นหว่านแข็งทื่อ
ไม่ใช่ขวยเขิน แต่บนใบหน้าเล็กๆ กลับซีดขาวไปชั่วขณะ
ครั้งนี้กู้จื่อเฟยสังเกตเห็นแล้ว เธอรู้จักเย้นหว่านดีเกินไป การเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของหล่อน เธอสามารถดูความหมายบางอย่างออก
“เสี่ยวหว่าน ทำไมเหรอ? จริงสิ โห้หลีเฉินล่ะ ทำไมไม่เห็นเขา?”
ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่วิดีโอคอล โห้หลีเฉินมักจะเป็นเหมือนพี่เลี้ยง เดินตามข้างกายเย้นหว่านไม่ห่าง
แต่ตอนนี้เธอคุยกับเย้นหว่านมานานขนาดนี้แล้ว แทบจะไม่เห็นโห้หลีเฉินเลย
เมื่อกี้ที่วิดีโอขยับก็เห็นสถานการณ์ภายในห้องแล้ว โห้หลีเฉินก็ไม่อยู่ เขาไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนข้างกายเย้นหว่าน
ดวงตาเย็นหว่านมีแสงวาบเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูด
“ตอนนี้ฉันไม่แพ้ท้องแล้ว เลยไม่ได้ให้เขามาคอยดูแล เขายุ่งอยู่น่ะ”
“อ่อ……”
กู้จื่อเฟยพยักหน้า ก็เข้าใจได้ ถึงยังไงเย้นโม่หลินพึ่งกลับมาเมื่อกี้ ก็ถูกเรียกให้ไปทำธุระทันที
ระดับความยุ่งของโห้หลีเฉินก็คงไม่ดีไปกว่ากันซักเท่าไหร่
เพียงแต่เธอกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแปลกๆ อย่างอธิบายไม่ถูก
“เอาล่ะ เข้าเรื่องเถอะ เธอโทรหาฉันอยากจะพูดเรื่องอะไรล่ะ?”
เย้นหว่านออกตัวพูด มีรอยยิ้มบนใบหน้าเหมือนปกติ
ทำให้กู้จื่อเฟยสงสัยว่าเธอคิดมากไปเองหรือเปล่า
อาจจะ คิดมากไปสินะ
โห้หลีเฉินดีกับเย้นหว่านขนาดนั้น คงไม่มีอะไรหรอก
คิดแบบนี้ กู้จื่อเฟยก็ไม่ได้พัวพันกับหัวข้อนี้ต่อ หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปในห้องโถง
“อีกสามวันเป็นวันเกิดของพี่เย้น ฉันอยากจะเตรียม partyวันเกิดให้เขาด้วยตัวเอง เซอร์ไพรส์เขา เธอว่าเขาจะชอบการตกแต่งกับของขวัญแบบไหน?”
คำพูดนี้ ถามจนเย้นหว่านเองก็ชะงัก
นิสัยท่อนไม้อย่างพี่ชายเธอ ไม่สุขไม่เศร้า ราวกับว่าสำหรับของธรรมดาพวกนี้แล้วเขาไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ
เย้นหว่านครุ่นคิด “ฉันรู้สึกว่า ทุกอย่างที่เธอชอบ เขาชอบหมด ถ้าเธอเอาตัวเองเป็นของขวัญมอบให้เขา เขาจะต้องชอบที่สุดแน่นอน”
กู้จื่อเฟยยิ้มอย่างเขินอาย “ฉันจำเป็นต้องมอบให้ซะที่ไหน อ่อยอยู่ทุกวัน เขาก็ไม่เอาอ่ะ”
“แค่กแค่กแค่ก…..”
น้ำที่เย้นหว่านพึ่งจะดื่มเข้าไป สำลักออกมาทันที
เธอเกือบจะลืมไปแล้ว ว่าระหว่างกู้จื่อเฟยกับพี่ชายเธอ พี่ชายเธอรักษาพรหมจรรย์ขั้นสุดท้ายไว้อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด
สำหรับความไม่สงวนตัวของกู้จื่อเฟย เย้นหว่านพูดอย่างเคร่งขรึม
“งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว ให้ของกำนัลหนักๆ ไม่ได้ งั้นก็เอาใจแทนแล้วกัน อย่างเช่นทำเค้กให้เขาด้วยตัวเอง”
กู้จื่อเฟยลำบากใจ “เธอก็รู้ว่าฉันทำได้แค่ด้านล่าง”
“เรียนได้นี่นา” เย้นหว่านยิ้มอย่างกระตือรือร้น “เธอเรียนทำเค้กด้วยตัวเองเพื่อเขา พี่ชายฉันต้องประทับใจมากแน่”
กู้จื่อเฟยลังเล “จริงเหรอ?”
เธอกลับกังวลเล็กน้อย เค้กที่เธอพยายามเรียนอย่างหนัก อยู่ต่อหน้าฝีมือที่เทียบชั้นกับเชฟระดับโลกได้อย่างเขา ก็เป็นแค่ของจิ้บจ้อยที่น่าขายหน้า
“สิ่งสำคัญคือความตั้งใจ” เย้นหว่านพูด