สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน – บทที่ 1098 เสียสติไปแล้ว

บทที่ 1098 เสียสติไปแล้ว

เย่ซือซือมองไปที่โห้หลีเฉินอย่างตกตะลึง ผู้ชายคนนี้เสียสติไปแล้วงั้นเหรอ?

เธอระเบิดออกมาอย่างเหลืออดเหลือทนแล้ว “คุณป่วยเหรอคะ?!”

เสิ่นเคอหานหายใจเข้าลึกๆ แล้วตื่นตระหนกตกใจอย่างมาก

อย่างที่เล่ากันว่าโห้หลีเฉินนั้นเป็นคนเลือดเย็น และชอบใช้กลอุบายที่โหดร้ายทารุณ และคนที่ล่วงเกินเขาถ้าไม่ตายก็มีแต่จะไม่สามารถมีชีวิตที่อยู่เป็นสุขได้

นึกไม่เลยถึงว่าซือซือจะกล้าด่าเขาต่อหน้าอย่างนั้น

เรื่องนี้จะวุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว

เสิ่นเคอหาน​​​จิตใจ​สับสน เขาจึงรีบเอ่ยปากจะพูดขอโทษแทนเย่ซือซือ แต่กลับได้ยินเสียงที่ไม่รีบไม่ร้อนของโห้หลีเฉินดังขึ้นมาอย่างงงงัน

“ถ้าไม่ป่วย ผมยังจะต้องการคุณอยู่ไหม คุณหมอเย่ไหมล่ะ?”

เย่ซือซือ: “……” คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะถึงกับไร้คำพูดไร้คำตอบเลยทีเดียว

เธอโกรธจนเจ็บหน้าอก

จากนั้นเย่ซือซือจึงเดินออกไปอย่างโกรธๆ โดยตรง

“ซือซือ……” เสิ่นเคอหานตะโกนเรียกออกไปสองคำด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าเธอก้าวเดินไปอย่างไม่หยุดยั้ง เขาก็จนปัญญาอย่างมาก

เขาพูดกับโห้หลีเฉินอย่างเขินอายว่า “คุณโห้ครับ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ แฟนผมถูกผมเอาแต่ใจจนนิสัยเสียเกินไป ได้โปรดให้อภัยด้วยครับ ส่วนเรื่องเฝ้ายามกลางคืนเดี๋ยวผมจะช่วยพูดเกลี้ยกล่อมเธอเอง”

พอพูดจบ เสิ่นเคอหานก็จากไปอย่างรีบร้อน

โห้หลีเฉินมองไปที่ภาพด้านหลังของเขา ด้วยสายตาที่เย็นชา

มือเล็กๆ ของแรบบิทลูบไปที่ใบหน้าของโห้หลีเฉิน และถามด้วยความสงสัยไปว่า

“ปาปา ปาปาโกรธทำไมคะ? ปาปารังแกพี่สาวคนสวย คนที่โกรธควรจะเป็นพี่เขาถึงจะถูกนะ”

โห้หลีเฉินหันไปมองลูกสาวของเขา จากนั้นแสงที่เย็นเฉียบในตาก็จางลงอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคุณพ่ออันเป็นที่รัก

เขาพูดแก้อย่างจริงจังว่า “ต้องเรียกว่าคุณป้าสิ”

แรบบิททำปากมุ่ย ยังสาวขนาดนั้น มองยังไงก็เป็นพี่สาวอยู่ดี และยังเป็นพี่สาวที่สวยและน่ารักอีกด้วย

……

พอตกดึก 5 นาทีก่อนที่คุณหมอจะเปลี่ยนเวร เว่ยชีก็ไปปรากฏตัวในห้องของเย่ซือซือและเสิ่นเคอหาน

“คุณหมอเย่ซือซือ ครับ ใกล้ถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้ว ช่วยเตรียมตัวด้วยนะครับ และตามผมไปที่ห้องของคุณผู้ชายด้วย”

บนใบหน้าของเว่ยชีเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มันช่างเป็นสุภาพบุรุษและมีมารยากอย่างมาก

ถ้าไม่มีกริชที่ส่องแสงระยิบระยับที่ถืออยู่ในมือเล่มนั้นของเขา

ใบหน้าของเย่ซือซือแดงก่ำด้วยความโกรธ จนแทบจะระเบิดออกมา

มันเป็นการกลั่นแกล้งที่เกินไปแล้วจริงๆ เลย

“ถ้าฉันไม่ไป คุณจะกล้าตัดนิ้วมือของเสิ่นเคอหาน​​จริงๆเหรอ? ซึ่งเขาเป็นคนที่ผู้นำของตระกูลหยูนเลือกและแต่งตั้งขึ้นมาด้วยตัวเองเลยนะ และเขาก็เป็นแพทย์ที่เก่งที่สุดเพียงคนเดียวในสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู ถ้าไม่มีเขา โห้หลีเฉินก็อย่าหวังว่าจะหายดีเลย!”

เว่ยชียิ้ม “การที่คุณไม่เคยไปเข้าร่วมการรักษา ก็เท่ากับว่าเป็นได้แค่ของที่ถูกจัดแต่งไว้ของสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟูเท่านั้น และคุณผู้ชายก็พูดว่า ในเมื่อเป็นคนไร้ประโยชน์ ถ้าจะตัดก็ตัดได้เลย”

เย่ซือซือตัวสั่นจนไม่สามารถควบคุมได้

ใบหน้าของเธอจึงทั้งแดงทั้งขาวซีดขึ้นมา

เสิ่นเคอหาน​​จึงรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วโอบที่ไหล่ของเธอ พร้อมกับตบเบาๆ เพื่อปลอบใจเธอ

“ซือซือ พวกเราเป็นคุณหมอ และจะไม่ไปโต้เถียงกับคนไข้โรคจิตด้วย คุณไปเฝ้ายามกลางคืนเถอะ นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำนะ

ถ้ารักษาเขาให้หายป่วยได้ก่อน พวกเราก็จะได้ไปจากที่นี่เร็วขึ้น”

เย่ซือซือน้ำตาคลอเบ้าตา และมองไปที่ เสิ่นเคอหาน​​อย่างเศร้าโศกจนทนไม่ไหว

ท้ายที่สุด เธอก็พยักหน้าอย่างยากลำบาก

ที่เธอไปก็เพื่อความปลอดภัยของเสิ่นเคอหาน

เว่ยชีไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเสิ่นเคอหาน​อย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าพูดถึงสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์และศักดิ์สิทธิ์เป็นโรคจิตเหรอ? การใส่ร้ายคุณผู้ชาย ต้องถูกลงโทษ

แต่ว่า……

เว่ยชีมองไปที่กริชในมือของเขา การที่คุณผู้ชายทำแบบนี้ ที่คอยรังแกสาวน้อยของคนอื่นเขานั้น เขาก็อับอายมากจริงๆ และไม่กล้าเห็นด้วยเลย

เขารู้ดีว่าการที่เขาเอากริชมาข่มขู่สาวน้อยนั้น เขาจะต้องทำใจอย่างมาก ถึงจะสามารถตัดสินใจทำอย่างนั้นลงไป?

แต่ช่างมันเถอะ ให้อภัยคนได้ก็พึงให้อภัย เสิ่นเคอหานไม่ได้พูดซี้ซั้วไปซะทั้งหมด

เย่ซือซือไปที่ห้องของโห้หลีเฉินอย่างไม่เต็มใจอย่างมาก

เมื่อเดินเข้าประตูไป ก็ได้เห็นกับกงหยานหัวหน้าแพทย์สาขาพันธุศาสตร์ ตอนกลางวันนั้นเขาเป็นคนที่คอยเข้าเวรอยู่ที่นี่

แม้ว่าอาการป่วยของโห้หลีเฉินจะไม่ร้ายแรงมาก แต่หลังจากที่เริ่มได้รับการรักษา คุณหมอทั้ง 12 คนก็ผลัดกันมาดูแลเขา โดยจะคอยใส่ใจกับอาการป่วยของเขาตลอดเวลา

และนี่ก็เป็นการบำบัดรักษาในระดับขั้นสูงสุดแล้ว พูดอีกนัยหนึ่ง ก็ถือได้ว่าเป็นการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดนั่นเอง

พวกเขาทั้งหมดเป็นคนของผู้นำตระกูลหยู และสภาพร่างกายทุกอย่างของโห้หลีเฉิน จะถูกรายงานไปยังผู้นำตระกูลหยูอย่างละเอียด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกหลายจุด ที่ยังต้องการตรวจสอบและควบคุมคอยสังเกตอยู่

กงหยานอายุ 40 กว่าปีแล้ว เขาจึงเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมและหนักแน่นอย่างมาก

หลังจากทักทาย เย่ซือซือแล้ว เขาก็ได้บอกระเบียบแบบแผนที่ต้องทำให้กับเย่ซือซืออย่างละเอียด

อย่างไม่ตกหล่นเลย

“ที่ต้องระวังเป็นพิเศษนั้น ก็คือเขามีปัญหากับความสามารถในการเดิน ดังนั้นเวลาตื่นนอนในตอนกลางคืน คุณต้องคอยตามเขาไปด้วย”

เย่ซือซือที่กำลังจดบันทึกอย่างมืออาชีพนั้น เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เธอก็ออกแรงกดปลายปากกาจิ้มกระดาษจนขาด

สีหน้าของเธอดูงงงัน “ถึงกับต้องช่วยประคองเขาเข้าห้องน้ำเลยเหรอคะ?”

แต่เธอเป็นผู้หญิงนะ!

กงหยานยิ้ม และพูดว่า “ไม่ต้องหรอก คุณแค่เข็นคุณโห้เข้าไปในห้องน้ำก็พอแล้ว”

เมื่อได้ยินดังนั้น เย่ซือซือจึงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่ง

ก็แค่เข้าห้องน้ำ แล้วเดินออกไป ก็ยังต้องฝืนใจทำเลย

แน่นอนว่า เธอยังถอนหายใจไม่ทันสุด ก็มีเสียงที่เย็นยะเยือกของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านข้าง

“ทำไม แค่เรียกให้คุณช่วยประคองเข้าห้องน้ำ ก็ทำให้คุณลำบากแล้วเหรอ?”

แน่นอนว่าคำพูดนี้ทำให้ เย่ซือซือพูดไม่ออกเลยจริงๆ

เรียกเธอที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ให้ช่วยประคองเขาเข้าห้องน้ำ และยังต้องดูเขาฉี่ ฉี่เองไม่ได้หรือไง?

ภาพที่น่าอับอายแบบนี้ ดันถูกโห้หลีเฉินพูดอย่างจงใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว

แก้มของเย่ซือซือแดงอย่างมาก “ฉันยอมตายดีกว่าที่ต้องมาทำเรื่องพวกนี้”

“เหอะ”

โห้หลีเฉินเลื่อนรถเข็น ค่อยๆ เข้ามาใกล้เย่ซือซือทีละนิดๆ

แรงกดดันมหาศาลมาจากตัวเขา เข้ามาใกล้เธอราวกับทิวทัศน์ที่มืดฟ้ามัวดิน “คุณกับ เสิ่นเคอหานอยู่ด้วยกันแล้วนิ ยังไม่ค่อยได้เห็นของลับของผู้ชายอีกงั้นเหรอ?”

ในทุกๆ คำนั้น ราวกับว่าจงใจพูด อย่างเต็มไปด้วยการประชดประชัน การเยาะเย้ย และ……ความโกรธที่ไม่รู้สาเหตุนั่นเอง

เย่ซือซือยิ่งรู้สึกอายและโมโหเข้าไปอีก “นี่คุณ คุณมันไร้ยางอาย เสิ่นเคอหาน​​​​เป็นแฟนของฉัน และคุณไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน เอาไปเทียบกันได้ยังไงกัน?”

“แล้วผมอยากเปรียบเทียบเหรอ?”

โห้หลีเฉินยื่นมือออกมาอย่างกะทันหัน แล้วคว้าจับข้อมือของเย่ซือซือไว้ แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ แต่ระดับความสูงก็เกือบเท่ากับเธอ

และลมหายใจที่หนักหน่วงทั่วทั้งตัว ก็รุกรานอย่างมาก

“ตอนนี้ช่วยประคองฉันเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวฉันจะให้เธอได้เปรียบเทียบด้วยตาตัวเอง ว่าฉันกับเสิ่นเคอหาน ​​​​ใครจะเหนือกว่ากัน!”

เย่ซือซือเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว และมองไปที่ชายตรงหน้าคนนั้น เหมือนกับมองคนบ้าวิปริตอย่างไม่ต้องสงสัย

ในขณะนั้นเอง เว่ยชีที่ก็ผลักประตูเข้ามา โดยอุ้มแรบบิทไว้ เขาตกใจจนแข็งทื่อไปหมด

ใบหน้าที่ตื่นตระหนกของเขานั้นดูผิดปกติไป และแทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง นี่เขาได้ยินไปทั้งหมดแล้วเหรอ?

นี่มันเสียสติไปแล้ว!

มันผิดศีลธรรมด้วย!

ทำไมจู่ๆ คุณผู้ชายถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ไปแล้วล่ะ? คนไร้ยางอาย ไม่มีบรรทัดฐาน และชั่วช้าเป็นที่สุด

หรือว่าเป็นเพราะคุณผู้ชายโสดมานานเกินไป เมื่อเห็นความรักอันแสนหวานของเสิ่นเคอหาน​​กับเย่ซือซือเขาจึงได้รับการกระทบกระเทือนใจ จึงต้องการแย้งมาเป็นเมียน้อยเพื่อล้างแค้นสังคมอย่างงั้นเหรอ?

ช่างบิดเบือนจริงๆ…

“แรบบิท สิ่งที่ตาเห็นอาจไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไปนะ หนูจะต้องเชื่อนะว่า ที่แล้วปาปาของหนูเป็นคนดีจริงๆ”

เขาพูดไปอย่างนั้น แต่กลับรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

Status: Ongoing

“คุณผู้หญิง ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ” นี้คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ เธอรู้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไง แกล้งทำเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเชื่อฟัง แต่ในหนึ่งวัน เธอโดนเขาจับขึ้นเตียงและลูบไล้ เธอตกใจ “คุณโห้ คุณเคยบอกแล้วว่า เราเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางสัญญา” “ผมยกเลิกแล้ว” เขาได้รู้แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เขาตามหามานาน เขาจะปล่อยมือไปได้ยังไง? “เพื่อเป็นการชดเชย ผมเป็นของคุณแล้ว”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท