แรบบิททำหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ
เว่ยชีถอนหายใจ และเคาะประตูเบาๆ
“คุณผู้ชายครับ ผมพาแรบบิทมาอ่านหนังสือแล้วครับ”
เมื่อได้ยินเสียง เย่ซือซือก็ได้สติกลับมาทันที และรีบสะบัดมือของโห้หลีเฉินออกไป พร้อมกับยืนห่างออกไปจากเขาหลายเมตร
โห้หลีเฉินมองเธอ จากนั้นก็มองมาที่ฝ่ามือที่ยังคงแข็งทื่อของเขา
ความรู้สึกในการสัมผัสเมื่อครู่นี้ เหมือนจะยังคงอยู่ในฝ่ามือของเขา……
สายตาของโห้หลีเฉินมืดครึ้มลง และทันทีหลังจากนั้น ก็ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขามองไปที่ประตูอย่างเฉยเมย
“เข้ามาสิ”
ขณะนั้นเว่ยชีจึงค่อยเปิดประตูเบาๆ และเข้าไปพร้อมกับแรบบิทที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
ทันทีที่แรบบิทเข้ามา ดวงตาไข่มุกนั้นก็จับจ้องไปบนตัวของเย่ซือซือ
และเรียกเธออย่างอ่อนหวานว่า “พี่สาวคนสวย”
เย่ซือซือยังสงบสติอารมณ์ตัวเองไม่หมด และเธอก็ยังรู้สึกอึดอัดอายและโมโห แต่เมื่อเห็น แรบบิทที่ทำท่าทางน่ารักเข้ามาใกล้เธอ เธอจึงละสายตาออกไปอย่างสับสน
เมื่อเด็กเห็นเข้ากับท่าทางจนตรอกแบบนี้ มันจะยิ่งดูน่าอายเข้าไปอีก
โห้หลีเฉินยื่นมือออกไปอุ้มแรบบิท และเน้นหนักอย่างเกลียดชังว่า
“แรบบิท เรียกคุณป้าสิลูก”
แรบบิทมักจะเพิกเฉยต่อคำพูดของโห้หลีเฉินโดยตรง เช่นเดียวกับการเรียกโห้หลีเฉินว่าปาปา ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้
หรือพูดอีกอย่างก็คือเจ้าเด็กน้อยมีอัตวิสัยที่ดื้อรั้นมาก และไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
ดวงตาที่เหมือนไข่มุกสีดำของเธอนั้นหมุนติ้วมองไปที่เย่ซือซือ ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“พี่สาวคะ พี่อยากอ่านหนังสือกับพวกเราไหมคะ?”
เย่ซือซือปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดเลยว่า “ไม่ละจ้ะ พี่ไม่อ่านล่ะ”
เธอเป็นคุณหมอนะ ไม่ใช่เพื่อนเล่น
ท่าทางของเย่ซือซือแน่วแน่อย่างมาก จากนั้นเธอจึงเดินไปข้างๆ และทำความคุ้นเคยกับเครื่องมือ
แรบบิทรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เธอมองดูภาพด้านหลังของเย่ซือซือ ราวกับเด็กตัวน้อยผู้น่ารักน่าเอ็นดูที่ถูกทอดทิ้งไว้
เว่ยชีที่มองดูอยู่ก็ทนไม่ได้อีกต่อไป
แต่ก็กลับไม่ได้ตำหนิ เย่ซือซือ คนที่เพิ่งถูกโห้หลีเฉินหยอกล้อแบบนั้น ใครจะไปอารมณ์ดีดูแลลูกสาวของเขาล่ะ?
ช่างเป็นพ่อที่สะเพร่าจริงๆ ทำให้ความอัธยาศัยดีของลูกสาวเสียหายหมด
“แรบบิท วันนี้อยากอ่านหนังสืออะไรครับ? เดี๋ยวผมจะหยิบมาให้”
เว่ยฉีเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม และพยายามที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของแรบบิท
แรบบิทคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ความฝันในหอแดง”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เย่ซือซือก็เลิกคิ้วขึ้น แล้วมองเจ้าตัวเล็กด้วยความประหลาดใจ
เด็กที่พึ่งอายุได้1 ขวบกว่า จะอ่านเรื่องความฝันในหอแดงงั้นเหรอ?
ได้ยินผิดไปหรือเปล่า
เธอรู้สึกพูดไม่ออก แต่กลับไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ก้มหัวปรับเครื่องมือต่อไป
โห้หลีเฉินเหลือบมองเธออย่างสงบเยือกเย็น และทันทีหลังจากนั้น ก็อุ้มแรบบิทแล้วนั่งข้างโต๊ะอ่านหนังสือด้วยกัน
เขาเปิดหนังสือความฝันในหอแดง “เริ่มอ่านจากตรงนี่ละกันนะ”
แรบบิทพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วก้มหน้าลงและอ่านอย่างจริงจัง
โห้หลีเฉินอยู่ข้างๆ เธอ และอ่านหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่เต็มไปด้วยคำศัพท์เฉพาะทางและภาษาวิชาการ
ในเวลานี้ของทุกๆ วัน พวกเขาพ่อลูกก็จะนั่งด้วยกัน และอ่านหนังสือด้วยกันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
เขาขัดเกลาอารมณ์หยาบและความรู้ของแรบบิท และยังเพิ่มความผูกพันและเวลาที่ใช้ร่วมกันระหว่างพ่อกับลูกด้วย
เพียงแต่ เย่ซือซือที่จัดเครื่องมือไปพลาง และแอบมองพวกเขาไปพลาง
เด็กหญิงตัวน้อยที่อายุแค่ 1 ขวบกว่า รู้จักคำศัพท์หมดทุกคำแล้วเหรอ?
แม้ว่าในหัวใจจะเต็มไปด้วยการบ่น แต่โชคดีที่หลังจากแรบบิท มา โห้หลีเฉินก็ประพฤติตัวดีขึ้น และดูแลลูกสาวไปด้วยความสบายใจ และไม่ได้มายุ่งกับเธออีก
จากนั้นเว่ยชีก็ออกไป
แสงอันอบอุ่นส่องมาบนตัวของพ่อลูก และท่ามกลางความเงียบก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น
และบรรยากาศ ก็ดีอย่างมาก
ตอนที่ เย่ซือซือได้รับผลกระทบจากความอบอุ่นของฉากนี้ และยังคงใจลอยอยู่นั้น ทันใดนั้น แรบบิท ก็เงยหน้าขึ้นและถามโห้หลีเฉินว่า
“ปาปา ความสัมพันธ์ของเจี่ยเป่ายู่กับ หลินไต้ยู่ เหมือนกับของพ่อและพี่สาวคนสวยเลยใช่ไหมคะ?”
เย่ซือซือเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เด็กคนนี้พูดเรื่องอะไรน่ะ?!
มันไร้สาระเกินไปแล้ว
เธอรู้สึกหดหู่ใจมาก และคาดหวังว่าโห้หลีเฉินจะอธิบายให้ แรบบิท ฟังดีๆ พูดอธิบายให้ชัดเจน แต่เธอกลับได้ยินโห้หลีเฉินถามกลับว่า
“ลูกกำลังหมายถึงความสัมพันธ์แบบไหนกันล่ะ?”
แรบบิท คิดอยู่ครู่หนึ่ง ที่พูดถึงคือความมั่นใจและยังมีเฝ้าปรารถนาที่ไม่เปิดเผยอีกหลายอย่างน่าจะ “ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือค่ะ”
มุมปากของเย่ซือซือกระตุกอย่างแรง
อายุแค่นี้ ก็รู้ถึงความรักความสัมพันธ์ที่คลุมเครือแล้วเหรอ? !
โห้หลีเฉินมองไปที่ แรบบิทด้วยความรัก และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า
“เจี่ยเป่ายู่และหลินไต้ยู่ไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือเท่านั้น พวกเขายังชอบพอกัน และต้องการแต่งงานด้วยกัน”
แรบบิทกะพริบตา “งั้นพ่อจะแต่งงานกับพี่สาวคนสวยด้วยใช่ไหมคะ?”
เย่ซือซือ:”……”
“ฉันมีแฟนแล้ว และไม่สามารถคบกับพ่อของหนูได้หรอกนะ”
เย่ซือซือพูดแทรกอย่างหนักแน่น และไม่ยอมให้โห้หลีเฉินมีโอกาสสอนลูกไปในทางที่ไม่ดี
เธอรู้สึกหมดหวังในการสอนลูกของเขาเลยจริงๆ
ให้เด็กเมื่อวานซืนที่อายุเพียง 1 ขวบกว่าอ่านเรื่องความฝันในหอแดงก็แล้วไป แต่เมื่อเธอถามถึงความสัมพันธ์ที่คลุมเครือนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าพ่อที่ไม่ดีคนนี้ยังจะตอบออกไปอย่างจริงจัง!
ให้ลูกรู้พวกเรื่องความรักแบบนี้มานานเท่าไหร่กันแล้วเนี่ย
ช่างเหลืออดเหลือทนมากเลยจริงๆ
เย่ซือซือเดินไปที่ชั้นหนังสืออย่างรวดเร็ว และหยิบนิทานพื้นบ้านของกริมม์มาเล่มหนึ่ง แล้วมาวางไว้ข้างหน้าแรบบิท
“หนูยังเด็ก ต้องอ่านเล่มนี้ถึงจะเหมาะกับหนูมากกว่านะ”
เธอพูด แล้วหยิบหนังสือความฝันในหอแดงออกไป
แรบบิทกะพริบตา “นี่มันเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดเลย หนูยังไม่อ่านออกค่ะ”
เย่ซือซือตกตะลึง และมองลงมา ถึงเห็นว่าหนังสือเล่มนี้เป็นนิทานภาษาอังกฤษจริงๆ
เธอรู้สึกหดหู่ และกำลังจะหาหนังสือภาษาจีนสักเล่มอีกครั้ง
โห้หลีเฉินแอบพูดลับๆ ว่า
“นิทานพวกนี้มีเพียงภาษาของต้นฉบับเท่านั้น”
พูดอีกอย่างก็คือ ไม่มีฉบับภาษาจีน
หนังสือสำหรับเด็กเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
ดังนั้นเพราะแบบนี้ เขาจึงให้แรบบิทอ่านเรื่องความฝันในหอแดงที่เป็นภาษาจีนอย่าง?
พ่อคนนี้จะไม่มีความรับผิดชอบมากเกินไปแล้วนะ
เย่ซือซือพูดอย่างเบื่อหน่ายว่า
“นิทานสำหรับเด็กคุณก็สามารถเล่าได้นิ คุณเป็นพ่อของเธอ คุณสามารถแปลแล้วเล่าให้เธอฟังได้”
“ผมอ่านไม่เป็น”
โห้หลีเฉินพูดคำเหล่านี้ออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย
เย่ซือซือ: “…”
“คุณอ่านตามก็ไม่เป็นเหรอ?” เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็พูดว่าทำเรื่องง่ายๆ แบบนี้ไม่เป็นแล้วเหรอ และยังพูดอีกว่านี่เป็นเรื่องธรรมชาติและคิดว่าน่าภูมิใจอีก
“ไม่เป็น”
โห้หลีเฉินทำหน้าทำตาดูสงบ “ในเมื่อเป็นคำแนะนำของคุณ คุณก็อ่านให้ แรบบิทฟังเองสิ”
ทันใดนั้น เย่ซือซือก็รู้สึกเหมือนกำลังหาเหาใส่หัวตัวเอง
เธอพูดอย่างแข็งกระด้างว่า “ฉันเป็นหมอ และจะไม่ขอรับผิดชอบกับเรื่องนี้”
โห้หลีเฉินก็ไม่ได้บังคับอะไร เขายื่นมือยาวออกมา แล้วยื่นข้ามแรบบิทไปหยิบหนังสือเรื่องความฝันในหอแดงที่เย่ซือซือหยิบไปเก็บ “งั้นก็อ่านเองละกัน……”
ทันใดนั้นขมับของเย่ซือซือก็กระตุกอย่างบ้าคลั่ง จนแทบอยากจะตอบสนองกลับโดยหยิบหนังสือความฝันในหอแดงขึ้นมา และพูดออกมาอย่างไม่ได้ต้องคิดเลยว่า
“ฉันจะอ่านให้เธอฟังเอง”
โห้หลีเฉินดึงมือกลับอย่างว่องไว
และในสายตา ก็ฉายวาบรอยยิ้มที่สังเกตได้ยากนั้นออกมา
แรบบิทกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “เย้ ดีมากเลย พี่สาวจะเล่านิทานให้หนูฟัง พี่มานั่งข้างๆ หนูสิคะ”
แรบบิทรีบเว้นที่นั่งบนเก้าอี้เกือบทั้งหมดให้ทันที
เย่ซือซือ: “…”
ไม่เพียงแต่หาเหาใส่หัวตัวเองแล้ว เธอยังรู้สึกเหมือนกำลังโดนวางอุบาย
เธอจปัญญา และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งเธอไม่สามารถทนต่อความมุ่งมั่นในการคาดหวังที่น่ารักของแรบบิทได้ จนในที่สุดก็นั่งลงข้างๆ เธอ
ทันทีที่ เย่ซือซือนั่งลง แรบบิทก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ และปีนขึ้นไปนั่งบนตักของเย่ซือซือ
ทันใดนั้นในอ้อมแขนก็มีเจ้าก้อนแป้งที่อ่อนนุ่มโผล่ออกมา และตัวเย่ซือซือก็แข็งทื่อไป