เมื่อได้ยินคำว่าที่รัก ทำให้อารมณ์ทั้งหมดของเธอ ไม่อาจควบคุมไว้ได้อีก
เธอเก็บมันไว้มานานเหลือเกิน ในที่สุดก็มาถึงวันนี้ รอมาถึงตอนนี้
ในที่สุดก็ไม่ต้องใส่หน้ากากเล่นละครกับเขา รักษาระยะห่าง ไม่ต้องเสแสร้งทำเป็นคนอื่น
“โห้หลีเฉิน…ขอโทษค่ะ ฉันมาช้าไป…”
เธอโผเข้าไปในอ้อมกอดของเขา สองมือกอดเขาแน่น ราวกับใช้แรงทั้งตัว
ร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียงสะอื้นดังขึ้น เสียงพูดขาดเป็นห้วงๆ
“ฉันควรมาให้เร็วกว่านี้ เร็วกว่านี้…คุณจะได้ไม่ต้องลำบากขนาดนี้…”
สวรรค์รู้ตอนที่เธอเข้าไปในตระกูลหยู ตอนที่เห็นโห้หลีเฉินแวบแรก สภาพจิตใจเป็นอย่างไร
เจ็บปวดรวดร้าวเหมือนถูกควักหัวใจ
เขานั่งบนรถเข็น ซูบผอมเหมือนไม้ขีดไฟ ชายหนุ่มที่เคยหล่อเหลาสง่างาม ตอนนั้น เหลือเพียงแค่ความเสื่อมโทรมและทุพพลภาพ
พริบตานั้น เธอเกือบทรุดลงไป แสดงต่อไม่ได้แล้ว
แต่เธอจำเป็นต้องใช้หน้าของเย่ซือซือ แสร้งทำท่าทางเป็นนิ่งเฉย เย็นชา ไม่รู้จักเขา มองดูอาการป่วยทั้งหมดของเขาอย่างไม่แยแส
แม้แต่เผชิญหน้ากับการสัมผัสและทดสอบของเขา เธอได้แต่แสร้งทำเป็นรังเกียจ
แต่ใจของเธอ อยากจะโผเข้าไปในอ้อมกอดของเขาใจจะขาด ถามว่าแผลของเขายังเจ็บหรือไม่
ถามเขา ความมืดหม่นและเจ็บปวดตลอดปีกว่ามานี้ เขาทนผ่านมันมาได้อย่างไร
ความผิดหวังมากแค่ไหน ถึงทำให้ผู้ชายที่ไม่เคยเกรงกลัวอะไร ทรมานจนเปราะบางเช่นนี้
โห้หลีเฉินกอดผู้หญิงตรงหน้าแน่นๆ ความมืดมนและความว่างเปล่าทั้งหลายในใจ นาทีนี้ ถูกชดเชยหมดแล้ว
โลกของเขา ในที่สุดก็ครบถ้วน
เสียงของเขาเบามากๆ เต็มไปด้วยความปีติเหมือนเกิดใหม่หลังรอดตาย “ผมแปลกใจมากที่คุณมา เย้นหว่าน”
ตอนที่เย่ซือซือปรากฏตัวที่ห้องพักฟื้นของเขา เขาไม่เคยคิดมาก่อน จะได้พบกับเธออีกครั้งในลักษณะนั้น
สถานการณ์ของเขาในตอนนั้น อยากจะหนีจากการควบคุมของหยูฉู่สอง ก็ต้องล้มหยูฉู่สองให้ได้
แต่พลังของเขาในตอนนั้น อยากจะล้มหยูฉู่สอง ต้องวางแผนอย่างน้อยก็อีกหลายปี
ยิ่งกว่านั้น เขาอยากจะไปหาเย้นหว่าน ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปี
เดิมทีเขาตัดใจแล้ว เสี่ยงตายทนไปอีกหลายปี แต่นึกไม่ถึง นาทีที่เย่ซือซือปรากฏตัว เรื่องประหลาดใจก็ตกมาจากฟ้า
แม้ตอนที่เธอปรากฏตัว จะเป็นคนแปลกหน้า กระทั่งสายตาก็ไม่มีความคุ้นเคยสักนิดเดียว ทว่า เขาก็แน่ใจในวินาทีนั้น เย่ซือซือก็คือเย้นหว่าน
เธอมาแล้ว
เธอเหมือนนางฟ้า ปรากฏตัวต่อหน้าเขา ปัดเป่าโลกสีเทาของเขาออกไป ทำให้ชีวิตของเขามีแสงสว่างที่เต็มไปด้วยความสุข
“ผมคิดถึงคุณทุกวัน ได้แต่เจอคุณในฝัน ขอบคุณที่คุณมา ทำให้ฝันของผมกลายเป็นความจริง”
ได้ยินคำพูดซาบซึ้งใจของโห้หลีเฉิน เย้นหว่านยิ่งร้องไห้หนักขึ้น
โห้หลีเฉินไม่เคยเป็นผู้ชายอ่อนแอ แต่ต่อหน้าเธอ ความแข็งของเขาก็หลอมเป็นความอ่อนโยน
การแยกจากกันปีกว่าและความคิดถึงไม่สิ้นสุด ในที่สุดก็พูดออกมาหมดแล้ว
เธอกอดเขา กอดแน่นๆ ไม่อยากจะปล่อยมือสักวินาทีเดียว
เว่ยชีและฉินชิวหลานที่นั่งข้างๆ ต่างพากันตะลึงอ้าปากค้าง
เว่ยชีเบิกตาโต พูดอ้ำๆ อึ้งๆ
“อะไรนะคุณเย่เธอ …เธอคือเย่ซือซืองั้นหรือ”
ก่อนหน้าที่เขาได้รับสัญญาณจากคุณผู้ชาย ถึงเพิ่งรู้ว่าเย่ซือซือเป็นพวกเดียวกับเขา จะช่วยพวกเขาพาหนี
ตอนนั้นเองเขาถึงเพิ่งเข้าใจ ทำไมคุณผู้ชายรู้สึกดีกับเย่ซือซือ ปกติแล้วแสดงความรักขนาดนั้น ที่แท้เป็นเพราะเย่ซือซือมาช่วยโห้หลีเฉินนั่นเอง
ดังนั้นโห้หลีเฉินแกล้งรักเธอเพื่อหลอกหยูฉู่สอง จะได้หนีได้สำเร็จ
ดังนั้นความรักระหว่างโห้หลีเฉินกับเย่ซือซือ ล้วนไม่เป็นความจริง ดังนั้นคุณผู้ชายไม่เคยทรยศคุณนายมาก่อน
ทว่า เขาไม่เคยคิดมาก่อน เย่ซือซือที่เป็นหมอฝีมือดี จะเป็นเย้นหว่าน!
นี่ช่างเป็นข่าวที่น่าตกตะลึง
แต่ผลลัพธ์เช่นนี้ ก็ควรเป็นอย่างนั้น ถึงจะสมเหตุสมผล
มีเพียงเย้นหว่านเท่านั้น ถึงจะทำให้คุณผู้ชายสนใจตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรก ทำให้คุณผู้ชายประทับใจ ทำให้คุณผู้ชายยั้งสติไม่ได้ ไม่สนใจความสง่างามอะไรทั้งนั้นจีบผู้หญิงของคนอื่นต่อหน้าทุกคน
แต่จากนั้นก็กลับหน้าคว่ำไร้ความรู้สึก รังแกเธอ
ตอนนี้คิดดูแล้ว ตอนนั้นเป็นการเปิดเผยความรู้สึกจริงๆ หรือแสดงละครกันแน่
“คุณนาย ฝีมือการเปลี่ยนหน้านี้เยี่ยมมาก นานขนาดนี้ ผมคิดไม่ออกเลย แล้วก็การแสดงของคุณ ฝีมือการรักษาของคุณ ผมไม่สงสัยสักนิดคุณไม่ใช่เย่ซือซือตัวจริง
เว่ยชีพูดพลาง ก็หันไปมองเสิ่นเคอหานที่อยู่ตรงข้าม
เขาลังเลครู่หนึ่ง เลียบเคียงถาม “งั้นนาย…คือเสิ่นเคอหานหรือเปล่า”
เสิ่นเคอหานนั่งพิงเก้าอี้สบายๆ เหลือบตามองคนสองคนที่กอดกันแทบจะเป็นคนเดียวกัน สายตามืดมนยากจะเข้าใจ
จากนั้น เขาก็เตะขาเว่ยชี หัวเราะเยาะดูถูก
“ข้าจะใช่เสิ่นเคอหานสมองทึบได้ไง ฝีมือรักษาคนก็โหลยโท่ย แถมนิสัยก็ไม่ได้เรื่องยิ่งกว่าอะไร”
ท่าทางหยิ่งผยอง เสียงยโสโอหังที่คุ้นหู ทำให้เว่ยชีเบิกตาโตตกตะลึง
เขามองเสิ่นเคอหานตะลึงพรึงเพริด “นายๆๆ…นายก็คือป่ายฉีหรือ”
“ไม่ใช่ข้า แล้วใครกันจะมีความสามารถรักษาอาการอัมพาตให้โห้หลีเฉินได้ล่ะ” ป่ายฉีที่ใช้หน้าของเสิ่นเคอหานเผยรอยยิ้มภาคภูมิใจที่เป็นเอกลักษณ์
เว่ยชีแน่ใจพันเปอร์เซ็นต์คนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ ก็คือป่ายฉีอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่คนที่พิการตอนนี้…
เว่ยชีมองโห้หลีเฉินค่อนข้างเป็นห่วง คุณผู้ชายตอนนี้อัมพาตจริงๆ ถ้าหากเป็นป่ายฉี จะช่วยรักษาเขาได้หรือไม่
เขากำลังคิดจะถาม ตอนนี้เอง แรบบิทก็ร้องไห้สะอื้นขึ้นมา
ร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ เสียใจมาก น้ำตาเอ่อล้นดวงตา มองโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านน่าสงสาร
เย้นหว่านที่กำลังร้องไห้หนักหันไปมองทันที
เธอเงยหน้ามองที่อยู่ข้างๆ น้ำตาไหลพราก
ลูกสาวของเธอ
ตั้งแต่เกิดก็ไม่เคยได้เห็นหน้า ไม่เคยกอด ไม่เคยได้เลี้ยงลูกสาวคนนี้
ความรู้สึกผิดและสงสารประกอบกับความรักของแม่ จู่โจมเข้ามา เธอยื่นมือสั่นเทาออกไป
“แรบบิท มานี่ ให้แม่กอดหน่อย”
ไม่ยื่นมือออกไป แต่ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม กรีดเสียงร้องราวกับคอจะพัง
เย้นหว่านมองสงสารเหลือเกิน
ตอนที่อยู่ตระกูลหยู เธอถูกจับตามองตลอด ไม่กล้าแสดงความรักแรบบิทมากเกินไป
ตอนที่เข้าใกล้ ก็จำต้องคอยรักษาระยะห่างอยู่ตลอด ไม่กล้ารักเธอมากเกินไป
อย่างมากก็แค่เหมือนคนทั่วไปเล่นกับเด็กแปลกหน้าเท่านั้น
แต่สวรรค์รู้ ทุกครั้งที่เจอ ใจของเธอเต้นโครมคราม นี่คือลูกสาวของเธอ อยากจะเข้าไปกอดเธอแน่นๆ บอกว่ารักเธอ
เธอสะกดความรู้สึกอย่างยากลำบาก ทนมาถึงวันนี้
เย้นหว่านยื่นมือไปอุ้มแรบบิทมาจากฉินชิวหลาน วางลงในอ้อมอกตัวเองเบามือ มือของเธอเช็ดน้ำตาอาบแก้มของลูกสาว
เสียงของเธออ่อนโยนมาก “แรบบิท เด็กดี อย่าร้อง หนูอยากเจอแม่ไม่ใช่หรือจ๊ะ แม่มาหาหนูแล้ว”