“เสี่ยวหว่าน!”
ป่ายฉียังจอดรถไม่เสร็จเลย ก็รีบกระโดดลงมาจากรถ แล้วรีบวิ่งไปตรงหน้าเย้นหว่าน
เขาเห็นแม่ลูกที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล มองดูคราบเลือดที่แห้งแล้วข้างๆตัวเย้นหว่าน เส้นเลือดบนขมับเขาก็กระตุกอย่างเร็ว
“ฉันจัดการแผลให้เธอก่อนนะ”
“ไม่” เย้นหว่านคว้ามือเขาไว้หมับ เธอมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด จากนั้นก็รีบพูดว่า “นายรีบไปตามหาโห้หลีเฉินเร็ว เขาถูกคนชุดดำเอาตัวไปแล้ว นายรีบไปช่วยเร็ว ตามเขากลับมาให้ได้”
ตอนที่ป่ายฉีเพิ่งมา ก็เห็นสภาพเย้นหว่านแบบนี้ เขาก็เดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เขาพูดเสียงทุ้มต่ำว่า: “จัดการแผลของเธอก่อน อาการเธอหนักกว่า จะยื้อเวลาต่อไปไม่ได้แล้ว แถมยังมีแรบบิทอีก”
เย้นหว่านจับมือป่ายฉีไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เธอดูจะเด็ดขาดมาก
เธอตื่นเต้นจนกล้ามเนื้อตึงไปหมด จนแทบจะฉีกขาดออกจากกันแล้ว
“ตามเขาไป ฉันให้นายตามเขาไปยังไงล่ะ เอาตัวเขากลับมาให้ได้ พาเขากลับมาอย่างปลอดภัย”
“เสี่ยวหว่าน ฉันจะทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียวไม่ได้นะ”
ป่ายฉีกัดฟันอย่างอารมณ์เสีย
เย้นหว่านกลับร้อนรนยิ่งขึ้นกว่าเดิม เธอตะคอกสุดเสียงว่า “ถ้าโห้หลีเฉินเป็นอะไรไป จะช่วยฉันไปทำไมกัน!”
คนชุดดำสองคนนั้นโหดเหี้ยมมาก ขนาดเด็กตัวเล็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่พวกเขาก็ทิ้งลงมาจากรถได้ลงคอ พวกนั้นคงไม่อ่อนข้อกับโห้หลีเฉินแน่
พวกเขาไม่ใช่คนของหยูฉู่สองด้วย หยูฉู่สองไม่มีทางทิ้งแรบบิทลงมาจากรถแบบนี้
และเป็นเพราะแบบนี้เอง ถึงทำให้เย้นหว่านรู้สึกหวาดกลัวมาก ถ้าไม่ใช่หยูฉู่สอง อีกฝ่ายอาจจะอยากได้ชีวิตของโห้หลีเฉินก็ได้
“ป่ายฉี อย่าเสียเวลาอีกเลย ไปตามหาเขา ไปตามหาเขาเร็วๆ!”
ป่ายฉีขมวดคิ้วเป็นปม รู้สึกสับสนอย่างมาก แต่เห็นท่าทางเย้นหว่านแบบนี้ ก็เข้าใจสิ่งที่เธอร้องขออย่างชัดเจน
ถ้าเขาไม่ไปหาโห้หลีเฉิน เย้นหว่านคงไม่ยอมรักษาดีๆแน่
ป่ายฉีหงุดหงิดมาก แต่ก็ต้องยอมแพ้แต่โดยดี
เขาเอาถุงยาที่ติดตัวมาด้วยวางไว้บนมือเย้นหว่าน “รีบจัดการแผลตัวเองซะ ฉันตามหาเขาเจอแล้วจะกลับมาหาเธออีกที ฉันจะบอกเว่ยชีกับคนอื่นๆเอง ก่อนมา เธอก็ไปซ่อนในป่าดีๆนะ”
เย้นหว่านรีบตอบตกลงทันที จากนั้นก็ไล่ป่ายฉีไปเร็วๆ
ป่ายฉีขับรถ ‘เปิดประทุน’ บรื้นออกไปอย่างเร็ว
เย้นหว่านกอดแรบบิทเอาไว้แน่น จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินเข้าป่าไปอย่างยากลำบาก เธอพยายามข่มความหวาดกลัวและตื่นเต้นในใจเอาไว้ แล้วใส่ยาให้แรบบิท จากนั้นก็ค่อยให้ตัวเอง
ตลอดขั้นตอนนั้น เธอดึงสติทั้งหมดไว้แน่นจนชาไปหมด แทบจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บอีกเลย
ผ่านไปอีกหลายชั่วโมง เว่ยชีก็ถึงจะมา
เขาเห็นท่าทางของเย้นหว่าน ก็อดไม่ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็รีบเข้าไปพยุงเธออย่างไหว
“คุณนาย ขอโทษด้วยครับ ผมมาช้าไป”
ตลอดทางเขาถูกสกัดเอาไว้หมด กว่าจะจัดการพวกนั้นได้ไม่ใช่ง่ายๆ พอจัดการเสร็จเขาก็รีบมาทันที
เวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว
เย้นหว่านเงยหน้ามองเว่ยชี บนตัวเขามีบาดแผลอยู่หลายที่ มีทั้งแผลเก่าที่เลือดแห้งไปแล้ว และแผลใหม่ที่ยังมีเลือดซึมออกมา
ตลอดทาง เขาก็ลำบากเหมือนกัน
เย้นหว่านยื่นกล่องยาไปให้เขา “จัดการแผลก่อนเถอะ”
“ไม่แล้วครับ แผลแค่นี้เล็กนิดเดียวครับ”
เว่ยชีพยุงเย้นหว่านเดินออกไปด้านนอก “คนพวกนั้นไล่ตามผมไม่ยอมปล่อย เดี๋ยวคงได้ตามมาอีก จะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ ผมติดต่อลูกน้องของคุณผู้ชายไว้แล้ว กำลังรอรับพวกเราอยู่ พวกเราไปที่นั่นถึงจะปลอดภัยครับ”
สถานการณ์ตอนนี้ ถ้าคนของหยูฉู่สองตามมาอีก เว่ยชียังมีเย้นหว่านสองแม่ลูกที่ต้องดูแล คงจะเสียเปรียบอย่างมาก
รีบออกจากที่นี่ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เย้นหว่านอุ้มแรบบิทขึ้นไปนั่งบนรถ เว่ยชีไม่ชักช้า เขารีบหมุนตัวรถขับออกไปด้านนอกอย่างเร็ว
เย้นหว่านเห็นเขาขับรถออกไปอย่างเร็ว ลังเลสักพัก ก็อดไม่ได้ถามไปว่า:
“นายสั่งให้คนไปตามโห้หลีเฉินหรือยัง?”
“สั่งแล้วครับ ว่ากันว่าคนของตระกูลเย้นก็มาแล้ว ต่างก็กำลังตามหาคุณผู้ชายกับคุณนาย คุณนายไม่ต้องร้อนใจหรอกครับ คนพวกนั้นถ้าจะฆ่าคุณผู้ชาย ก็คงฆ่าไปเสียตอนนั้นแล้ว คงไม่จำเป็นต้องจับตัวคุณผู้ชายไปหรอก ในเมื่อคุณผู้ชายถูกนำตัวไปแล้ว จะต้องมีประโยชน์ให้พวกนั้นใช้แน่นอนครับ อย่างน้อยตอนนี้ เขาก็ยังปลอดภัยอยู่”
งั้นเหรอ?
เย้นหว่านได้ยินแบบนี้ ในใจก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี เทียบกับเมื่อก่อน ครั้งนี้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากจริงๆ
เธอรู้สึกว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
เว่ยชีขับรถเร็วมาก ตลอดทางกระตุกบ้างเป็นธรรมดา
แรบบิทส่ายไปมาจนตื่น
เธอลืมตาขึ้นมา คำแรกที่พูดก็ทำให้คนรู้สึกสงสารแล้ว “เจ็บจัง……”
ความรู้สึกตึงเครียดของเย้นหว่านกลับมาอีกครั้ง เธอรีบลูบผมปลอบใจแรบบิทเบาๆ
“เด็กดี โอ๋ๆ ไม่เจ็บนะๆ เดี๋ยวก็หายแล้ว”
อายุแค่นี้อยู่เลย แต่กลับต้องมาตกระกำลำบากกับเธอ เย้นหว่านรู้สึกผิดมากจริงๆ
แรบบิทเห็นขอบตาเย้นหว่านแดงก่ำ ตอนแรกจะร้องไห้ก็กะพริบตา แล้วกลั้นน้ำตากลับไปได้
มือน้อยๆของเธอสัมผัสไปที่ใบหน้าของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหน่อมแน้มว่า: “แม่ก็เจ็บเหมือนกัน”
เย้นหว่านแสบจมูกขึ้นมาทันที
แรบบิทสีหน้าซีดขาว อดทนกับความเจ็บปวด แล้วพูดกับเย้นหว่านอีกว่า:
“แม่คะ คนใส่ชุดดำปล่อยควันหอมๆออกมา พ่อสลบไปเลยล่ะค่ะ หนูดมกลิ่นหอมนั้นแล้ว ก็นอนหลับไปเหมือนกัน”
ยาสลบเหรอ?
หลังจากที่เธอตกลงมาแล้ว และก่อนที่แรบบิทจะถูกจับโยนลงมาจากรถ ในระยะเวลาสั้นขนาดนั้น สามารถใช้เวลาสั้นๆ กลิ่นหอมที่ทำให้โห้หลีเฉินผู้ที่มีสติแข็งแกร่งที่สุดสลบได้
พวกเขาเตรียมตัวมาอย่างดีจริงๆด้วย
และเป้าหมายที่แท้จริง ก็เพื่อนำตัวโห้หลีเฉินไปสินะ!
นึกถึงตรงนี้ เย้นหว่านก็ไม่สบายใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย นั่นก็หมายความว่า โห้หลีเฉินยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตชั่วคราว
แต่พวกเขาจะพาโห้หลีเฉินไปทำไมนะ เธอรู้สึกกลัวมากจริงๆ
อีกอย่างขาของโห้หลีเฉินกำลังจะดีขึ้น นวดกับยายิ่งขาดไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาอาจจะหนักกว่าเดิมก็ได้
“เว่ยชี ตรวจสอบดูสิ ยาสลบที่สามารถทำให้โห้หลีเฉินสลบได้ในไม่กี่วินาที เป็นพวกไหนถึงมีอำนาจแบบนี้ได้”
เว่ยชีขับรถไปด้วยพูดไปด้วยว่า:
“คุณผู้ชายเคยฝึกการต่อสู้มา ไม่สลบยาควันหอมพวกนี้ง่ายๆหรอกครับ ยาที่ทำให้สลบได้ในไม่กี่วินาทีมีไม่มาก แต่ว่า ถ้าจะตรวจสอบโดยเร็วที่สุด คนทั่วไปก็คงทำไม่ได้ จะต้องพึ่งพาเว็บข่าวจากคุณผู้ชายถึงจะเร็วและถูกต้องกว่า”
และในเวลาคับขันแบบนี้ จะต้องทำเวลาช่วยคนออกมาให้ได้เร็วที่สุด
เย้นหว่านรีบพูดว่า: “งั้นนายรีบไปที่เว็บข่าวสิ”
เว่ยชีรู้สึกลำบากใจ “เว็บข่าวเป็นความลับสูงสุดของคุณผู้ชาย ผมไม่มีอำนาจในการใช้งาน แต่ว่า…….”
เขาหันหน้าไปหาเย้นหว่าน และพูดด้วยสีหน้าเคารพว่า “คุณนาย ทำได้ครับ”
“ฉันเหรอ?”
เย้นหว่านตะลึงมาก อำนาจความลับสูงสุดของโห้หลีเฉิน เธอกลับมีอำนาจในการใช้? ตัวเธอเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
เว่ยชีอธิบายว่า: “สำหรับคุณผู้ชายแล้ว คุณนายสำคัญกว่าทุกสิ่งอย่าง คุณนายก็คือชีวิตของคุณผู้ชาย ทุกอย่างที่เป็นของคุณผู้ชายก็เป็นของคุณนายด้วยครับ เงินทอง อำนาจและทุกๆอย่างของคุณผู้ชาย ก็เขียนไว้ในชื่อของคุณนายหมดแล้ว”