“บอกมา เธอเป็นใคร?!”
ผู้ชายจ้องเย้นหว่านอย่างดุร้าย ทั้งร่างเต็มไปด้วยจิตสังหารที่พร้อมจะจัดการเธอทุกเมื่อ
เย้นหว่านตกใจจนเกร็งไปทั้งตัว
ตัวตนของเธอถูกจับได้แล้ว? ผู้ชายคนนี้มองการแปลงโฉมของเธอออกงั้นหรอ?
ไม่ ไม่ใช่
หลังจากที่เขาถามถึงขวดน้ำแร่แล้ว ถึงจะถามถึงตัวตนของเธอ ดังนั้นปัญหาจะต้องอยู่ที่บนขวดน้ำแร่แน่นอน
แต่ว่าเย้นหว่านคิดจนหัวแทบแตก ก็ไม่รู้ว่าขวดน้ำแร่นั้นตกลงว่ามีปัญหาอะไรกันแน่
ยิ่งเร่งด่วน เย้นหว่านยิ่งบังคับตัวเองให้ใจเย็น
ตอนนี้เธอจะเปิดเผยออกมาไม่ได้ ยิ่งจะถูกจับไม่ได้ด้วย เธอจะต้องใจเย็น แก้ปัญหาอย่างใจเย็น
“ฉัน? ฉันเป็นชาวบ้านในตำบลลั่วโถ ชื่อว่าหมาฮัว รับผิดชอบเบ็ดเตล็ดในโรงงานน้ำ บ้านอยู่ที่ถนนเจียวทง เลขที่28 มีสามี มีลูก…”
“คนตำบลลั่วโถ?” ชายคนนั้นพูดซ้ำ สีหน้าสงสัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม “เพราะว่าพื้นที่เป็นทะเลทราย ขาดแคลนแหล่งน้ำ คนในพื้นที่ต่างก็ประหยัดน้ำกันอย่างมาก น้ำหนึ่งขวดดื่มได้ตั้งหลายวัน แต่เธอกลับดื่มน้ำแร่สามขวดระหว่างทาง”
เย้นหว่าน: “……”
เธอตายก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเหตุผลนี้ ที่แท้เป็นเพราะน้ำที่เผยตัวตนของเธอ?
ให้ตายเถอะ เธอจะไปรู้ได้ยังไงว่าการใช้ชีวิตของคนในพื้นที่จะประหยัดน้ำขนาดนี้
ระหว่างทางเธอห่วงแต่ร้อน
“บอกมา ตกลงเธอเป็นใคร? คิดจะแฝงตัวเข้ามาทำอะไร?”
ผู้ชายเค้นถามอย่างดุร้าย
เย้นหว่านหน้าขาวซีด ในใจร้อนรนอย่างมาก bugใหญ่ขนาดนี้ เธอจะแก้ตัวยังไงดี?
หากว่าแก้ตัวไม่ได้ แผนซุ่มซ่อนทั้งหมดของวันนี้ ก็สูญเปล่าทั้งหมด
เธอกระวนกระวายมาก
ในขณะเดียวกัน ก็เห็นโห้หลีเฉินที่เดิมทียืนอยู่อีกด้านหนึ่ง กำลังค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ชายคนนั้น
นี่โห้หลีเฉินตั้งใจจะลงมือแล้ว?
แต่ว่าเพียงแค่เขาลงมือ ก็จะเปิดเผยทั้งหมด
เย้นหย่านรีบไม่ไหวแล้ว ดวงตากรอกไปมา คิดอะไรออก ก็รีบพูดออกมาเลย:
“พี่ชาย พี่เข้าใจผิดแล้ว เมื่อก่อนฉันเป็นเพราะว่าประหยัดน้ำมากเกินไป ดื่มน้ำน้อยมาก กลายเป็นว่าช่วงก่อนหน้านี้ขาดน้ำอย่างรุนแรง แถมยังถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลอีก ตอนนี้ร่างกายของฉันยังไม่หายดีเลย คุณหมอให้ฉันช่วงนี้ต้องดื่มน้ำให้มากๆ กำลังเพิ่มน้ำอยู่น่ะ ดังนั้นตลอดทางฉันก็เลยดื่มน้ำเยอะขนาดนี้ไง”
ผู้ชายสงสัย “ขาดน้ำอย่างรุนแรง?”
ในทะเลทรายบางครั้งก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆ แต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป
มีบางคนหิวน้ำรุนแรง ก็เลยป่วย
ดูผู้หญิงคนนี้ตัวเหลืองผอมแห้ง แขนที่จับอยู่ก็มีแต่กระดูก คิดดูแล้วคงมีชีวิตย่ำแย่ไม่น้อย น้ำยังดื่มไม่พอ ถึงทำให้เป็นโรคแบบนี้
ตอนนี้ดื่มน้ำมากขนาดนี้ ก็เพียงแค่ทำตามคำสั่งหมอ กำลังเพิ่มน้ำ
เห็นชายคนนี้เชื่ออยู่บ้าง เย้นหว่านก็รีบพูดต่อ: “ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง ไม่ได้โกหกพี่แน่นอน ฉันเป็นพนักงานที่ซื่อสัตย์ จะกล้ามีลูกไม้อะไร พี่ชาย ฉันมาตั้งไกลขนาดนี้ ก็เพราะมาหาเงิน พี่ปล่อยฉันเข้าไปเถอะ”
เย้นหว่านพูดอย่างจริงใจมาก หน้าตาอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
ผู้ชายเกลียดผู้หญิงที่ไร้ประโยชน์แบบนี้ที่สุด รู้สึกรังเกียจทั้งหัวใจขึ้นมาทันที ยิ่งคิดว่าผู้หญิงแบบนี้ จะไปมีสถานะอะไรได้อีก?
ยังไงอีกสักพักส่งเข้าไปก็ต้องตายทั้งหมดอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องซักไซ้อีกต่อไป
ผู้ชายปล่อยเธอออก เร่งอย่างหมดความอดทน “รีบๆเข้า ขับเข้าไป”
เย้นหว่านถอนหายใจเบาๆ อันตรายมาก หลอกสำเร็จแล้ว
เธอพูดขอบคุณผู้ชายหลายรอบ แล้วถึงจะขึ้นรถ
โห้หลีเฉินก็เดินกลับไปนิ่งๆ ขึ้นไปนั่งเบาะคนขับ ขับรถเข้าไปในโรงรถอย่างชำนาญ
โรงรถนี้ไม่ได้ใหญ่ มากที่สุดบรรจุรถได้เจ็ดแปดคัน หลังจากที่โห้หลีเฉินมาถึงที่จอดรถแล้ว พื้นดินก็ขยับทันที ทั้งหมดยุบลงไปด้านล่าง
นี่คือส่งรถทั้งหมดลงไป
เย้นหว่านและโห้หลีเฉินสบตากัน ไม่พูดอะไร
ไม่นาน รถตกลงไปอย่างเป็นธรรมชาติ รอบด้านมีแค่เครื่องจักรกลและสายสลิง
เย้นหว่านถึงจะตบหน้าอกเล็กน้อย “เมื่อกี้ฉันตกใจเกือบตาย”
โห้หลีเฉินเอื้อมมือไปลูบผมเย้นหว่าน “ทำได้ไม่เลว หมาฮัว”
เย้นหว่าน: “……” หมาฮัวอะไรกัน นั่นมันชื่อที่เธอพึ่งจะพูดมั่วๆไป
เครื่องยกค่อยร่วงลง ไม่รู้ว่าร่วงลงมากี่เมตร ในที่สุดก็หยุดลง
ข้างล่างมีชายชุดดำที่หน้าตาเย็นชาดุร้ายชี้นำเหมือนกัน
ถือป้ายให้พวกเขาขับไปยังทางที่กำหนด
บนถนนเส้นนี้ เห็นเพียงแค่ผนังและเครื่องจักรกล แทบจะมองไม่เห็นอย่างอื่นเลย แล้วก็ไม่สามารถรับรู้ถึงสถานการณ์การก่อสร้างข้างล่างนี้จากที่นี่ได้เลย
โห้หลีเฉินพูดเสียงเบาว่า: “ไม่รีบ ไปถึงอ่างเก็บน้ำก็มีวิธีเอง”
ตอนที่รถของพวกโห้หลีเฉินขับมาถึงจุดที่กำหนด ข้างหน้าก็มีรถอยู่หลายคันแล้ว พวกเขาอยู่ในเขื่อนที่กว้างขวาง ต่อแถวกันวางน้ำ
ทุกที่มีแต่คน
ตัดผนังระเบียงทางเดินออกไป นี่เป็นสถานที่กว้างขวางแห่งแรกที่เย้นหว่านเห็นหลังจากลงมา
เธอตกตะลึง “อยู่ใต้ทะเลทรายสร้างอ่างเก็บน้ำและเขื่อนใหญ่โตขนาดนี้ วิศวกรขององค์กรนี้สุดยอดเหมือนกันนะเนี่ย”
“ชอบ?”
โห้หลีเฉินหันหน้ามา พูดเหมือนเป็นเรื่องจริง “กลับไปจะจับวิศวกรของพวกมันไปด้วย ซ่อมปราสาทให้คุณ”
เย้นหว่านอดยิ้มออกมาไม่ได้ “คุณนี่นะ อย่างกับเป็นหัวหน้าโจร”
โห้หลีเฉินครุ่นคิด แล้วพูดว่า: “ถ้างั้นคุณก็เป็นภรรยาหัวหน้าโจร?”
แล้วยังสวยโดนใจเขาจริงๆ
ต่อแถวยังไม่ถึงพวกเขา ยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก โห้หลีเฉินจอดรถตรงจุดที่กำหนด แล้วลงมาด้วยกันกับเย้นหว่าน
ด้านหน้ายังมีคนอีกไม่น้อย ที่กำลังรออยู่ เนื่องจากคนเยอะ เลยยืนกันอย่างมั่วซั่ว
โห้หลีเฉินกวาดสายตามองสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างเงียบๆ และพูดกับเย้นหว่านเสียงเบาว่า:
“หาโอกาสค่อยๆไปที่ระเบียงทางเดินนั่น”
ในระยะห่างไปยี่สิบสามสิบเมตร มีทางเข้าระเบียงทางเดินเล็กๆทางหนึ่ง คนที่เฝ้าก็กำลังยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องต่างๆ
นี่เป็นผลดีจากความวุ่นวาย
สองคนอยู่ด้วยกันจะเป็นเป้าใหญ่ เย้นหว่านและโห้หลีเฉินเลยแยกกัน ปะปนไปในกลุ่มคน แยกกันเดินเข้าไปใกล้ระเบียงทางเดินอย่างเป็นธรรมชาติ
จากนั้นก็ถือจังหวะที่ไม่มีคนสนใจ แป๊บเดียวก็เดินเข้าไป
พวกเขารีบเดินไปข้างในทันที เดินตรงไปถึงทางโค้ง หลบซ่อน แล้วถึงจะหยุดเดิน
เย้นหว่านจับหัวใจที่เต้นแรงตุบๆ พูดเสียงเบาๆว่า: “เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันทำเรื่องแบบนี้ภายใต้สายตาคนมากมายขนาดนี้ โชคดีที่ไม่ถูกพบเข้า”
โห้หลีเฉินลูบผมเธอ “ภรรยาผมเก่งที่สุด”
เย้นหว่าน: “……” หน้าแดงอย่างไม่รู้ตัว คำชมอย่างเปิดเผยของโห้หลีเฉินทำให้รู้สึกเขินอายเหลือเกิน
เธอเปลี่ยนบทสนทนา “พวกป่ายฉีล่ะ?”
“พวกเขาอยู่ด้านหลังเรา น่าจะอีกแป๊บเดียวก็มาแล้ว”
เย้นหว่าน: “แต่ว่าเราไม่ได้บอกพวกเขาว่าเป็นระเบียงทางเดินเส้นนี้นี่นา อีกเดี๋ยวพวกเขาจะไปที่อื่นหรือเปล่า?”
หากว่าแยกกันก็จะยุ่งยาก
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านอยู่สักพัก ถึงจะพูดว่า: “ป่ายฉีก็พอช่างสังเกตอยู่บ้าง”
รู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้ ควรเลือกเส้นทางไหน
คิดเช่นนี้ เย้นหว่านก็วางใจ แต่ว่าผ่านไปสองวิ จู่ๆเธอก็มีปฏิกิริยาอะไรขึ้นมา
เธอจ้องโห้หลีเฉิน “เมื่อกี้คุณเยาะเย้ยฉันใช่มั้ย?”