ผู้ชายยืนอยู่หน้ารถพอดี หลบไม่ทัน ไม่นานก็ถูกชนกระเด็นไปหลายเมตร
จิตใต้สำนึกของเย้นหว่านอยากจะเหยียบเบรก
เธอชนคน
แต่ว่าเห็นผู้ชายคนอื่นๆก็พุ่งมาทางเธออย่างดุร้าย ใจของเธอก็ด้านชา คนเลวพวกนี้ ชนตายไปก็สมควร
เพราะถ้าไม่ใช่พวกเขาตาย ก็คือเธอตาย
ถ้าจอดรถ เธอก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
เย้นหว่านเหยียบคันเร่งอย่างแรง ขับไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“หยุดเธอเอาไว้! อย่าให้เธอหนีไปได้!”
ไม่ว่าจะเป็นคนจากองค์กรหรือว่าคนของตระกูลหยู ต่างก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน
เพราะการปรากฏตัวของเย้นหว่าน พวกเขาเลยหยุดการทะเลาะวิวาทกัน ในเวลานี้ทุกคนต่างพร้อมใจกัน พุ่งเข้ามาทางเธอ
เย้นหว่านได้แต่รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก
ยิ่งเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นแข่งกับเวลา อยากพุ่งออกไป
แต่ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่ง่ายๆ พวกเขาเห็นว่าคนหยุดเอาไว้ไม่อยู่ เลยรีบขึ้นไปบนรถทันที เคลื่อนย้ายรถมาปิดทางเอาไว้
เย้นหว่านพุ่งเข้าไป ชนเข้าด้วยกันอย่างแรง
เสียงดัง”ปึ้ง” ด้านหน้าของรถทั้งสองคันต่างยุบและพังยับเยิน เธอถูกบังคับให้หยุดลง
ในขณะเดียวกัน เธอได้ยินคำสั่งที่โหดเหี้ยมเข้า
“ฆ่าเธอซะ!”
ด้วยคำสั่งนี้ ผู้ชายคนหนึ่งถือกระบองไฟฟ้า บุกเข้ามาอย่างโหดร้าย เสียงดัง”ปึง” กระจกด้านคนขับก็ถูกทุบแตก
เศษกระจกแตกกระเด็นมาถึงหน้า เย้นหว่านเอียงตัวโดยสัญชาตญาณ บังเด็กทั้งสองคนไว้
ตอนที่เธอหันหน้าไปอีกครั้ง ก็เห็น ชายคนนั้นเกาะอยู่ข้างกระจกรถ กระบองไฟฟ้าในมือยกสูงขึ้น เล็งไปที่หัวของเธอ
และเธอ แม้แต่ที่หลบก็ไม่มีเลย
เธอจ้องมองกระบองที่ตีเข้ามาตรงหน้าของเธอ ในสมองขาวโพลน รู้สึกไม่เต็มใจอย่างมาก
เธอเรียบเรียงประโยคเพียงหนึ่งเดียวออกมา และตะโกนบอกโห้หลีเฉินที่อยู่ในหูฟังว่า:
“คุณคะ ต้องช่วยแรบบิทให้ได้นะ”
เมื่อสิ้นเสียง กระบองอันนั้นก็ร่วงลงมาตรงหน้าเธอ——
“หาที่ตาย!”
ทันใดนั้น เสียงเยือกเย็นของผู้ชายคนหนึ่งดังมาแต่ไกล มีดพกด้ามหนึ่งพุ่งฝ่าอากาศเข้ามา ปักลึกเข้าไปบนร่างของชายคนนั้น
การเคลื่อนไหวของชายคนนั้นหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก้มลงมองมีดพกบนอกอย่างหวาดกลัว เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แล้วก็แข็งทื่อล้มลงไป
เย้นหว่านที่รอดชีวิตอ่อนไปทั้งตัว เหงื่อท่วมตัวจนเสื้อผ้าเปียกไปหมด
เธอหันหน้าไปอย่างแข็งทื่อ มองออกไปไกลๆ
พริบตาที่เห็นผู้ชายคนนั้น เธอราวกับเห็นเทวดาที่เปล่งประกาย เขายืนอยู่ข้างประตูรถที่เปิดอยู่อย่างนั้น เย่อหยิ่ง เอาแต่ใจ มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
เป็นโห้หลีเฉิน
ในที่สุดโห้หลีเฉินก็มา!
ในที่สุดเธอก็รอเขาสำเร็จ!
น้ำตาคลอทันที ความเข้มแข็งของเย้นหว่านหายไปในทันที
โห้หลีเฉินมองดูเย้นหว่านจากที่ไกลๆ เห็นชัดเจนถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย รวมทั้งความโกรธและจิตสังหารที่ยากจะควบคุม
คนพวกนี้ สมควรตาย
“ฆ่าทิ้งซะ! คนเดียวก็อย่าให้เหลือ!”
โห้หลีเฉินออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น ราวกับพญายมราช
ในรถหลายสิบคันที่อยู่ข้างหลังเขา มีกลุ่มบอดี้การ์ดชุดดำรูปร่างสูงใหญ่ไร้ความรู้สึกพุ่งลงมา พวกเขาราวกับเป็นเครื่องจักรต่อสู้ บุกเข้ามาก็ฆ่าทั้งหมด
ไม่สนว่าจะเป็นคนของตระกูลหยู หรือว่าคนขององค์กร
พวกเขาล้วนสมควรตาย
ในการต่อสู้ที่วุ่นวาย โห้หลีเฉินเหยียบย่ำทุกที่ที่วุ่นวาย สายตาจดจ้องไปทางข้างหน้า ก้าวเท้ายาวๆเดินมาทางเย้นหว่าน
เย้นหว่านนั่งอยู่บนเบาะคนขับ มองเขาตลอด ร้องไห้จนเลอะเต็มหน้าตั้งนานแล้ว
เพียงพริบเดียว กลับราวกับผ่านมานานโขหลายศตวรรษ ในที่สุดโห้หลีเฉินก็เดินมาถึงตรงรถ
เขาเปิดประตูฝั่งคนขับจากทางด้านนอก
เย้นหว่านมองเขา ร้องไห้สะอึกสะอื้น “ทำไมคุณถึงพึ่งมาคะ คุณ…อุ๊บอุบ!”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเขากดเข้ามาในอ้อมกอด
การกระทำของเขารุนแรง ออกแรงอย่างมาก ราวกับจะยัดเธอเข้าไปในกระดูกงั้นแหละ
ใบหน้าของเย้นหว่านแนบชิดอยู่กับเสื้อสูทเย็นๆของเขาทันที เกือบจะทำให้หน้าของเธอแบนหมดแล้ว แต่ถึงแม้จะทั้งเย็นทั้งแข็ง แต่กลับเป็นที่พึ่งและที่หลบภัยที่อบอุ่นที่สุดของเธอ
เธอกอดเขากลับอย่างแน่นเช่นกัน ร้องไห้เสียงดังออกมา
ฝ่ามือของโห้หลีเฉินกดหัวของเย้นหว่าน รู้สึกถึงอุณหภูมิของเธอ สิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจในที่สุดก็ค่อยๆวางมา
ฟ้ารับรู้ว่าตลอดทางเขากังวลมากแค่ไหน กลัวว่าเธอจะบาดเจ็บ หรือเกิดอันตรายขึ้น
เขายิ่งได้ยินสถานการณ์อันตรายของเธอทางนี้จากในหูฟัง ก็รู้สึกว่าหัวใจจะเต้นออกมานอกลำคอแล้ว กลัวว่าหากตัวเองมาช้าไปแค่นิดเดียว เธอก็จะไม่อยู่แล้ว
กระทั่งตอนที่เขาตามมาทัน เขายังได้ยินคำฝากฝังที่เหมือนกับคำสั่งเสียของเธออีก
หากว่าเวลานั้นเขามาช้าไปเพียงวินาทีเดียว เย้นหว่านก็อาจจะ…
“ผมไม่ควรปล่อยให้คุณมาตัวคนเดียวเลยจริงๆ!”
โห้หลีเฉินกัดฟันแน่น ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความกลัวที่ยังรอดชีวิตแล้วก็ความเสียใจ
ทุกครั้งที่ให้เธอออกห่างจากสายตาของเขา เธอก็มักจะเกิดเรื่องขึ้นง่ายๆ
เขารับความตกใจแบบนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
เย้นหว่านร้องไห้ยกใหญ่ ได้ยินคำพูดนี้ ช่างอบอุ่นเหลือเกิน
หากว่าไม่ใช่เพราะจำเป็น เธอก็ไม่อยากห่างจากสายตาของเขา ตอนอยู่ตัวคนเดียว น่ากลัวมากจริงๆ
และไหล่ของเธอ เกือบจะแบกทั้งหมดนี้ไม่ไหวแล้ว
ไม่ ตอนนี้เธอก็แบกไว้ไม่ไหว เธอทำแรบบิทหาย ตอนนั้นหากว่าโห้หลีเฉินอยู่ จะต้องพบว่าแรบบิทหายไปก่อนหน้าแล้วแน่ๆ แต่ว่าเธอไม่
เป็นเพราะเธอไร้ความสามารถ
เย้นหว่านออกจากอ้อมกอดของโห้หลีเฉินอย่างสะอึกสะอื้น มองเขาอย่างเต็มไปด้วยน้ำตา
พูดอย่างรีบร้อนว่า: “เราต้องรีบไปช่วยแรบบิท ตอนนี้เธอตกอยู่ในอันตรายมาก จะต้องช่วยเธอออกมาให้ได้”
“ผมรู้”
โห้หลีเฉินเช็ดน้ำตาที่หยดลงมาแต่ละหยดของเธออย่างปวดใจ ในหูฟัง เขาแทบจะฟังอยู่ตลอด แล้วก็รู้ถึงสถานการณ์ตอนนี้ของแรบบิท
น้ำเสียงของเขาแน่วแน่อย่างถึงที่สุด “เชื่อผม ต่อหน้าผม ไม่มีสิ่งที่เรียกว่านรก เพราะว่าผมก็คือนรก องค์กรนั่น ต่อให้แข็งแกร่ง จะแข็งแกร่งกว่าผม? แข็งแกร่งกว่าตระกูลเย้นงั้นหรอ?”
“เย้นหว่าน ผมจะทำลายมันแน่ ผมจะต้องช่วยแรบบิทกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน”
ทุกคำทุกประโยค สัญญาอย่างจริงใจ เป็นคำสัญญาที่แน่วแน่
หัวใจที่ไม่มีที่วางของเย้นหว่าน ในที่สุดก็หาสถานที่พักเจอ ในขณะเดียวกัน เธอก็คว้าแขนของโห้หลีเฉินไว้แน่น
“ฉันก็จะไปด้วย คุณอย่าได้คิดที่จะทิ้งฉันเชียว”
เขารู้ว่าโห้หลีเฉินนั้นแข็งแกร่ง เก่งกาจ แต่ว่าจากที่เด็กหนุ่มพูดมา สถานที่นั้นอันตรายเกินไป
มีคนเพิ่มอีกหนึ่งคน มีกำลังเพิ่มอีกหนึ่งกำลัง
โห้หลีเฉินลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายก็พยักหน้าแรง “ผมไม่มีทางทิ้งคุณ แต่ว่าคุณต้องฟังตามแผนของผม เข้าใจมั้ย?”
“อืม!”
เย้นหว่านพยักหน้าอย่างแน่วแน่
คนที่โห้หลีเฉินพามา ตรงเข้ากวาดล้างองค์กรและคนของตระกูลหยู
คนส่วนใหญ่ในที่เกิดเหตุล้มลงไปก็ลุกไม่ขึ้นแล้ว เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังคงหอบอยู่ ล้วนถูกควบคุมไว้หมดแล้ว มัดมือมัดเท้า คุกเข่าลงบนพื้นติดๆกันเป็นแถวๆ
เย้นหว่านและโห้หลีเฉิน พาเด็กสองคนลงจากรถ
เด็กหนุ่มก็เดินเข้ามาทันที ยืนอยู่ข้างๆถังเซียงโดยจิตใต้สำนึก
ชายที่ชื่อพี่หลิวคุกเข่าลงกับพื้น มองฉากทั้งหมดนี้ ก็ด่าออกมาชุดใหญ่อย่างโมโห:
“หมายเลข73 แกไอ้คนไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ ผู้หญิงคนนี้เป็นแกที่พาเข้ามาสินะ? เป็นนังนั่นที่ปล่อยพวกเด็กๆออกไปใช่มั้ย?”
“แกไอ้เด็กน้อยมีชีวิตอยู่จนเลี่ยนแล้วสินะ ถึงกล้าทำเรื่องหักหลังอย่างนี้ออกมาได้!”
“แกรอตายเลยเถอะ แก ญาติของแกทุกคน เก้าชั่วโคตรของแก จะต้องถูกองค์กรฆ่าตายทั้งหมด!”