หญิงสาวไม่มีแม้แต่ความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ กันฟัดพูดอย่างเย็นชา “ตามใจ”
“ดี ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ตกลงตามนี้ ถ้าหากฉันชนะ ก็ออกไปอย่างมีชีวิต เธอต้องให้ความร่วมมือกับฉัน ให้ฉันทำการศึกษาเป็นเวลาหนึ่งเดือน”
ศึกษาเธอ? ผ่าตัดเธอ? ยังอยากให้เธอให้ความร่วมมือ?
หญิงสาวแทบอยากจะงัดสมองของป่ายฉี ลองดูที่ใส่ไว้ด้านในเป็นเศษเต้าหู้หรือเปล่า
ทว่า แม้ว่าเขาจะคิดยังไงอีก เขาและฉันคงไม่สมปรารถนา
เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังหลงทางอยู่ในทะเลทราย หลงทางในทะเลทราย หมายถึงตาย อีกอย่างป่ายฉียังแบกเธอ มีเพียงแต่จะตายเร็วยิ่งขึ้น
เขาทนต่อไปไม่ไหว
สีหน้าหญิงสาวแข็งกระด้างและเย็นชา “ตกลง”
ป่ายฉีเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข “อย่างนั้นเธอต้องพยายามมีชีวิตต่อไป พยายามเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้ฉันล่ะ”
นี่เขายังจะอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก
หญิงสาวไม่สนใจป่ายฉี หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า หลับตาพักผ่อน
พูดเปลืองน้ำลาย ป่ายฉีจึงไม่ได้พูดต่อ เขาแบกหญิงสาว เดินไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างยากลำบาก
แม้ว่าจะเหนื่อยจนเหน็บชา แต่ดวงตาของเขาสว่างไสว แน่วแน่ไม่เปลี่ยน
เขาจะต้องเดินออกจากทะเลทรายผืนนี้ให้ได้
บนโลกนี้ไม่มีเรื่องอะไรยากเกินไปสำหรับเขา
เขาจะศึกษาความลับในร่างกายหญิงแกร่งคนนี้ให้ชัดเจน เพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ ทุกคนที่ถูกองค์การใช้ยาพิษทำร้าย……
เวลาผ่านไปทีละวันทีละวัน
พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันออกลงทิศตะวันตก ลอยอยู่สูง แล้วค่อย ๆ ตกลง
ป่ายฉีแบกหญิงสาวเดินทีละก้าวในทะเลทรายที่ไร้ขอบเขต ผิวหน้าของเขาแห้งจนแตกกร้าน ไหล่ที่ถูกมัดมีคราบเลือด ขาสั่นระริกทุกการก้าวเดิน
พายุทรายเกาะเต็มใบหน้าหญิงสาว เปลือกตาลืมไม่ขึ้นแล้ว
เธอห้อยศีรษะลงมา เหมือนไร้ความโกรธใด ๆ
ป่ายฉีไม่ได้ยินเธอพูดมานานแล้ว เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดนานแล้วเช่นกัน
น้ำยังมี แต่ว่าขาดแคลนอาหาร พวกเขาถึงขีดจำกัดแล้ว
“ฟู่ว……”
ป่ายฉีหยุดลง หยิบน้ำออกมาดื่มด้วยท่วงท่าที่เชื่องช้าเป็นอย่างมาก
แต่ว่าการเคลื่อนไหวง่าย ๆ อย่างการดื่มน้ำแค่นี้ เขากลับทำได้อย่างยากลำบากมาก แขนสั่นไม่หยุด
สักพักหนึ่ง เขาแทบจะใช้พลังทั้งหมด ถึงจะนำน้ำใกล้ปากได้ จิบได้เล็กน้อย หลังจากนั้น มือของเขาก็ประคองไม่ไหวแล้ว “ตุ๊บ” เสียงขวดน้ำหล่นลงบนพื้น
น้ำกระจายบนพื้น กลับถูกทะเลทรายดูดจนแห้งอย่างรวดเร็ว ไร้ร่องรอย
ป่ายฉีก้มศีรษะแข็งทื่อ ปริปากที่แห้งแตกอย่างจนปัญญา “ในที่สุด…ก็แพ้แล้วสินะ……”
พร้อมด้วยน้ำเสียงที่หยุดลง ร่างตั้งตรงของเขาก็ล้มลงพื้น
เชือกขาด หญิงสาวก็หล่นลงมาด้วย กลิ้งไปหลายรอบถึงจะหยุด เพียงแต่ระหว่างขั้นตอนทั้งหมดนี้ เธอไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ แม้แต่ขนตาก็ไม่ขยับ
ป่ายฉีหมอบอยู่บนพื้น ลืมตาขึ้นได้ครึ่งหนึ่งอย่างลำบาก จ้องมองที่หญิงสาวอย่างเอาเป็นเอาตาย
เขาใช้พละกำลังทั้งหมดในร่างกาย ค่อย ๆ ยื่นมือไปหาเธอ
“เพราะอะไร……”
ถึงได้รู้สึกไม่พอใจขนาดนี้นะ……
ไม่มีคำตอบ วินาทีถัดไป มือของเขาก็ตกลง จมดิ่งสู่ความมืดมิดที่ไร้ที่สิ้นสุด
……
ตระกูลเย้น ห้องบังคับการ
“ไม่ได้! แม่ไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด ลูกไปไม่ได้ ตัดใจกับทางเลือกนี้เถอะ!”
กงจืออวีท่าทีหนักแน่นผิดปกติ ไม่ยอมและปฏิเสธ
นี่ก็นับเป็นครั้งแรกที่เธอสีหน้าบึ้งตึงขนาดนี้กับเย้นหว่าน
เย้นหว่านสีหน้าซีดขาว ในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด มองดูแล้วเหมือนลักษณะที่ไม่ได้พักผ่อนดี ๆ มาหลายวัน และสีหน้าก็ยิ่งซีดเซียว
เธอพยายามเกลี้ยกล่อม “แม่ ให้หนูไปเถอะค่ะ มีแต่หนูที่จะไปพบท่านอาวุโสแปดได้ ขอเพียงมีเขาช่วยเหลือ ด้านนอกด้านในตีขนาบประสานกัน จะต้องทำให้หยูฉู่สองได้รับความเสียหายอย่างหนักแน่นอน
กว่าหนูจะได้ข่าวคราวของท่านอาวุโสแปดมานั้นไม่ง่ายเลย จะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้เด็ดขาดเชียว”
กงจืออวีคัดค้าน “ต่อให้แผนการมีโอกาสชนะเท่าฟ้า ลูกก็ไปไม่ได้ แม่ไม่สามารถยอมให้ลูกเอาตัวไปเสี่ยงอันตรายได้!”
“แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ยากลำบาก ตอนนี้มีเพียงวิธีนี้จึงจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลง การพบท่านอาวุโสแปดนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก……”
“สำคัญมากแค่ไหนก็ไม่ได้สำคัญเท่าความปลอดภัยของลูก!” กงจืออวีแทบจะตะโกนออกมา พริบตานั้นเบ้าตาของเธอก็แดงก่ำ “เสี่ยวหว่าน พี่ชายของลูกขาดการติดต่อไปแล้ว แถบพื้นที่ทะเลทรายถูกคนของหยูฉู่สองควบคุมไว้หมดแล้ว ไม่รู้กระทั่งความเป็นความตายของพี่ชายลูก ต่อให้เขายังมีชีวิตอยู่ ก็ยากที่จะหนีการไล่ฆ่าของหยูฉู่สอง ตอนนี้แม่มีแค่ลูกแล้ว……”
“ลูกไปเสี่ยงอันตรายอีกไม่ได้เด็ดขาด จะเกิดเรื่องขึ้นอีกไม่ได้ ตอนนี้ไม่มีพี่ชายลูก ป่ายฉีและโห้หลีเฉินแล้ว ถ้าหากสูญเสียลูกไปอีก ลูกจะให้แม่ทนรับได้อย่างไรไหว?”
กงจืออวีเป็นนายหญิงสูงส่งและสง่าผ่าเผย แต่ไหนแต่ไรมารักษาภาพลักษณ์สง่างามตลอด น้อยมากที่จะยั้งสติไม่อยู่เช่นนี้
เย้นหว่านเห็นน้ำตาในดวงตาของเธอ รู้สึกเสียใจเหมือนถูกภูเขาลูกใหญ่ทับไว้ จนหายไม่ออก
ทั้งสามคนขาดการติดต่อ หยูฉู่สองโจมตีรุนแรง สถานการณ์ตระกูลเย้นอันตรายถึงขีดสุด ล่อแหลมมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเธอพบแล้วว่า กงจืออวีแอบจัดการคนให้เตรียมตัว หากพ่ายแพ้แล้ว จะนำเธอและพวกเด็ก ๆ ส่งออกไปพร้อมกัน……
“แม่คะ หนูเชื่อว่าพวกพี่ชายจะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน พวกเขาเป็นบุคคลที่เก่งกาจ หยูฉู่สองทำอะไรไม่ได้หรอก
พวกเขาจะต้องรอให้พวกเราไปช่วยอย่างแน่นอน พวกเราจะต้องยืนหยัดต่อสู้กับหยูฉู่สองจนถึงที่สุด”
เย้นหว่านจับมือกงจืออวีอย่างรู้ใจและอ่อนโยน “หนูสัญญากับแม่ หนูจะไม่ไป หนูจะจัดการให้คนอื่นลองไปหาท่านอาวุโสแปดดู
แม่ก็ต้องสัญญากับหนูว่าจะต้องยืนหยัด เชื่อว่าลูกสาวลูกชายของแม่ มีความสามารถพอที่จะรอดพ้นจากมหันตภัยครั้งนี้ได้”
วินาทีนั้นเบ้าตาของกงจืออวีแดงยิ่งกว่าเดิม
น้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอกอดเย้นหว่านไว้ในอ้อมอกทันที
“เสี่ยวหว่าน ลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ”
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วัน จากหญิงสาวที่อ่อนแอคนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงว่าเธอจะพังทลายลงได้ทุกเวลา กลายเป็นผู้ใหญ่แข็งแกร่งที่ปลอบใจคนอื่น
กงจืออวีทั้งปลื้มใจและเศร้าใจ
ไม่รอให้กงจืออวีเห็นด้วย เย้นหว่านกลับไปห้องบังคับการของเธอตามลำพัง
ข้างส่วนบังคับการใหญ่ กางเต็นท์ขนาดกลางใหญ่
เย้นหว่านเดินเข้าไป เย้นเซิ่งรีบเงยหน้าด้วยความตื่นเต้นในทันที “คุณหนู เป็นอย่างไรบ้าง คุณนายเห็นด้วยกับแผนการของคุณไหม?”
เย้นเซิ่งคือคนที่กงจืออวีส่งมา ย่อมมีใจเป็นหนึ่งเดียวกับกงจืออวี ตั้งแต่เริ่มก็ไม่เห็นด้วยกับแผนที่เย้นหว่านจะออกไปตามหาท่านอาวุโสแปดด้วยตัวเอง
เย้นหว่านส่ายศีรษะอย่างท้อแท้ใจ “ไม่”
เย้นเซิ่งถอนหายใจ ไม่เห็นด้วยก็ดีแล้ว เขารู้สึกว่าคุณนายไม่มีทางที่จะเห็นด้วยให้คุณหนูออกไปเสี่ยงอันตรายอย่างนี้
เย้นหว่านมองดูคนอื่นในห้องบังคับการรอบหนึ่งอย่างหงอยเหงา เหมือนสูญเสียวิญญาณและความสนุกสนานไปกะทันหัน
เธอกล่าว “คุณลุงเซิ่ง ไปหาคนที่จะไปหาท่านอาวุโสแปด คุณช่วยค้นหาคนที่เหมาะสมสักคนหนึ่งที ฉันเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อนหน่อย”
“ได้ครับ คุณหนูวางใจได้ ผมจะต้องเลือกคนที่พึ่งพาได้ที่สุดอย่างแน่นอนครับ”
เย้นเซิ่งพาเย้นหว่านออกไปอย่างชื่นใจ
ตั้งหลายวันแล้ว สามวันนี้คุณหนูพักผ่อนมากสุดแค่สามชั่วโมง อดหลับอดนอนจนแทบไม่เป็นสารรูปมนุษย์แล้ว ตอนนี้แม้ว่าจะท้อแท้ใจ แต่ว่ารู้ว่าเหนื่อยก็ดีแล้ว
หลังจากพักผ่อน จึงจะไม่ทำให้ร่างกายทรุดลง
ข้างส่วนบังคับการเตรียมห้องพักผ่อนไว้แล้ว เย้นหว่านจึงไปนอนในห้องนั้นชั่วคราว
หลังจากเข้าไป สีหน้าหดหู่ของเธอก็เปลี่ยนไป สายตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ หยิบมือถือออกมาโทรศัพท์อย่างว่องไว