คืนวันที่สอง พวกเย้นหว่านก็แอบเข้าไปในเหมืองแร่เหมือนคืนแรก
ครั้งนี้แผนไม่เหมือนเดิม คือการติดต่อกับคนงาน และวางแผนที่จะหนี
เพราะนี่เป็นการมาครั้งที่สอง จึงคุ้นเคยกับเส้นทาง พวกเย้นหว่านค่อยๆสำรวจคนที่นี่จากมุมมืด
หลังจากสังเกตมาสองวัน พวกเขาก็เลือกคนที่จะติดต่อได้
คนเหล่านี้ กล้าหาญ และฉลาด ในกลุ่มคนงานเหล่านี้ นับได้ว่าเป็นหัวหน้าเหมือนกัน มีอำนาจควบคุมอยู่ระดับหนึ่ง
เมื่อถึงเวลาช่วยคน ต้องสร้างเรื่องให้วุ่นวาย ถ้ามีคนเหล่านี้มาร่วมด้วย ก็จะทำงานง่ายและลดผู้บาดเจ็บให้น้อยลงได้
คืนวันที่สาม พวกเย้นหว่านเริ่มลงมือ ติดต่อกับคนเหล่านี้อย่างเงียบๆ และปรึกษาแผนช่วยคนกับพวกเขา
เนื่องจากสังเกตการณ์มาก่อน จึงทำให้การเจรจาลุล่วงไปด้วยดี
ในตอนที่คุยแผนการช่วยคนไปได้อย่างสมบูรณ์ พวกเย้นหว่านก็ติดต่อกับคนสุดท้ายที่เลือกไว้ ในตอนที่ปรึกษากันจบ เตรียมที่จะจากไป ท่านอาวุโสแปดก็เดินเข้ามา แล้วแทงเข้าไปที่หลังของคนงาน
มุมปากของคนงานมีเลือดไหลออกมา คิดที่จะกรีดร้อง แต่ถูกท่านอาวุโสแปดปิดปากไว้ คนงานจึงหมดลมหายใจไปอย่างเงียบๆ
เย้นหว่านมองเห็นภาพนี้
อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอารมณ์เสีย “ท่านอาวุโสแปด ทำไมคุณต้องฆ่าเขา?”
รอคนงานสิ้นลมหายใจ ผู้อาวุโสที่แปดก็โยนเขาลงกับพื้น จากนั้นก็มองไปยังเย้นหว่านด้วยสายตาที่เยือกเย็น
“คุณคิดว่าคุณสามารถคนในนี้ออกไปได้หมดเหรอ? เย้นหว่าน คุณเคยคิดไหมว่า การกระทำที่ประมาทแบบนี้ คุณจะทำลายชีวิตของพวกเขาทั้งหมด”
เย้นหว่านขมวดคิ้ว “ฉันมีแผนที่รอบคอบ”
“หึ คุณรู้ไหมว่า คนนี้เป็นคนที่ตระกูลหยูส่งมา ให้มารวมกับคนงานเพื่อสังเกตการณ์?”
“อะไรนะ?”เย้นหว่านตกใจมาก เธอตกใจจนเหงื่อออกทั้งตัว
ถ้าเป็นเช่นนี้ การจากกันในเมื่อสักครู่ แน่นอนว่าแผนการทั้งหมดของพวกเขาก็จะรั่วไหล แผนการช่วยชีวิตของพวกเขา ก็จะเป็นการส่งคนไปตาย
“เย้นหว่าน คุณไม่สามารถจัดการเรื่องที่นี่ได้ มาจากไหนก็รีบกลับไปทางนั้นเถอะ ไปใช้ชีวิตคุณหนูของตัวเองให้ดี ไปมีชีวิตที่ดีอยู่ อย่ามาที่นี่เพื่อมาหาที่ตายและทำลายคนอื่นอีก”
คำพูดของท่านอาวุโสแปดทำร้ายจิตใจคนฟังและไร้ซึ่งอารมณ์มาก เหมือนมีเข็มทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเย้นหว่าน
เรื่องการสังเกตการณ์นั้น เธอประมาทไปจริงๆ
แต่ว่า เธอไม่อยากถอดใจตอนนี้
“ในเมื่อคุณเกลียดฉันขนาดนั้น ทำไมถึงต้องลงมือฆ่าคนคนนี้? ในเมื่อคุณเกลียดฉัน ก็แค่รอฉันล้มเหลว ถูกจับ แบบนี้คุณถึงจะสะใจไม่ใช่เหรอ?”
ใบหน้าที่เย็นชาของท่านอาวุโสแปดแข็งทื่อ
และเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ถ้าคุณตกอยู่ในมือของหยูฉู่สอง เขาสามารถใช้คุณเอาสิ่งที่เขาอยากได้ทั้งหมด เมื่อเทียบกับคุณแล้ว ผมเกลียดหยูฉู่สองมากกว่า แล้วจะให้เขาสมหวังทำไม?”
“ไม่มีอะไรมาก และอย่าพยายามหาทางออกบนตัวของผม ผมไม่ไปกับคุณอย่างแน่นอน แบะจะไม่ช่วยคุณด้วย”
พูดจบ ผู้อาวุโสที่แปดก็จากไป
เย้นหว่านอยากจะไปดึงตัวเขาไว้ แต่ก็ยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ไม่ขยับ เพราะมันไม่มีประโยชน์
เธอมองดูแผ่นหลังของเขา แล้วพูดขึ้น “ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ แผนการช่วยคนของฉันยังจะดำเนินต่อไปอยู่ แม้จะช่วยคุณออกไปไม่ได้ ฉันก็จะช่วยทุกคนในนี้ออกไปให้หมด”
ท่านอาวุโสแปดหยุดเดิน และหันหลังกลับมา แล้วก่นด่าเย้นหว่านด้วยความโกรธ
“คุณรู้ผลที่จะตามมาทีหลังไหม? ถอดใจและยกเลิกทุกอย่างซะ!”
เย้นหว่านยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะถอดใจและยกเลิกแผนการ การทำเรื่องแบบนี้ เตรียมใจที่จะยอมรับความตายไว้แล้ว”
ใช่ ยอมรับความตาย
แม้จะยากลำบาก ถึงตายเธอก็จะไม่ยอมตกอยู่ในมือของหยูฉู่สอง
ท่านอาวุโสแปดมองดูเย้นหว่านด้วยความตกใจ ในแววตาของเธอ เขาเห็นถึงความไม่กลัวตายของเธอ
แถมยังมีความแน่วแน่ที่เขาไม่สามารถหักห้ามได้
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ ออร่าเย็นชาทั่วร่างของเขาค่อยๆหายไป หลังค่อมเล็กน้อย ทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยความเสื่อมโทรมที่ไม่สามารถพูดอธิบายได้
“คุณคือคุณหนูตระกูลเย้น เป็นภรรยาของโห้หลีเฉิน ถ้าตระกูลเย้นพ่ายแพ้ คุณก็ยังสามารถทิ้งชื่อสกุลทั้งหมดแล้วมาเริ่มใหม่ได้ อนาคตของคุณมีความหวังอยู่มากมายไร้ที่สิ้นสุด ทำไมต้องเอาตัวเองมาเสี่ยง และยุ่งกับการสู้ในครั้งนี้ด้วย?”
ท่านอาวุโสแปดส่ายหัวแล้วถอนหายใจ “เส้นทางนี้เต็มไปด้วยอันตราย ถ้าประมาทหรือผิดพลาด คุณจะไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีก”
“เรื่องแบบนี้ ควรเป็นผู้ชายที่ต้องมาทำ ไม่ใช่คุณ”
ในน้ำเสียงมีความเอือมระอา ให้เย้นหว่านรู้สึกถึงความคุ้นเคยที่หายไปนาน
เหมือนเธอเห็นท่านอาวุโสแปดที่เป็นมิตรและสุภาพบุรุษก่อนหน้านี้
เย้นหว่านจ้องมองไปยังเขา เวลาผ่านไปสักพัก เธอถึงจะได้สติกลับมา ที่จริงท่านอาวุโสแปดไม่ได้เกลียดเธอ!
“ท่าน สิ่งที่ท่านพูดกับฉันก่อนหน้านี้ เป็นการตั้งใจพูดแทงใจฉัน ให้ฉันล้มเลิกความคิดที่จะช่วยท่าน และกลับไปอย่างปลอดภัย?”
ท่านอาวุโสแปดถอนหายใจออกมา
“แต่ว่า คุณไม่ฟังคำแนะนำเลย แถมยังเลือกเส้นทางอื่นที่สิ้นหวังอย่างดื้อรั้น”
ถ้าเย้นหว่านไม่วางแผนที่จะช่วยทุกคนออกไป เขาก็คงไม่ออกมาพูดเรื่องพวกนี้หรอก
เย้นหว่านมองดูท่าทางที่เอือมระอาของผู้อาวุโสที่แปดแล้ว ดวงตาของเธอก็เริ่มแดงก่ำ
และพูดขึ้น “ผู้อาวุโสที่แปดคะ ฉันทำลายชีวิตคุณขนาดนี้ การที่คุณจะเกลียดฉันมันก็สมควรแล้ว………”
“การแย่งชิงอำนาจหลังสู้เสร็จ เป็นเรื่องปกติที่ต้องเจออยู่แล้ว ตอนที่ผมตัดสินใจเข้าร่วมทีมในตอนนั้น ก็เตรียมใจที่จะเจอเรื่องแบบนี้ไว้แล้ว นี่คือทางเลือกของผมที่จะต่อสู้กับโชคชะตาของตัวเอง โทษคนอื่นไม่ได้ แล้วจะไปโทษคุณกับนายน้อยได้อย่างไร?”
“แค่คุณมีใจที่จะมาช่วยผม ผมก็ซาบซึ้งมากแล้ว ยิ่งไม่อยากให้คุณตกอยู่ในอันตรายเพราะผม คุณนาย สถานะของคุณ สำคัญกว่าชีวิตของพวกผม สำคัญกว่ามากเลย”
หลังจากที่ฟังคำพูดของท่านอาวุโสแปด เย้นหว่านก็น้ำตาคลอ และร้องไห้ออกมา
ผ่านไปสักครู่ เย้นหว่านถึงจะหยุดร้องไห้ ดวงตาที่แดงก่ำ มั่นคงและเด็ดเดี่ยวมาก
“ที่ฉันมาครั้งนี้ ฉันไม่สนใจความเป็นความตายแล้ว และฉันก็ไม่มีทางให้ถอยแล้วค่ะ ตระกูลเย้นพ่ายแพ้ เย้นโม่หลินและโห้หลีเฉินก็ขาดการติดต่อ ถูกหยูฉู่สองทิ้งไว้กลางทะเลทราย อยู่หรือตายก็ไม่ต่างกัน”
“ที่ฉันมาเมืองเฟย ต้องสู้สุดชีวิต และเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยคนได้ในตอนนี้”
“เพราะฉะนั้น ไม่ว่างยังไง ฉันก็ถอยไม่ได้แล้ว ที่ฉันสู้สุดชีวิตในครั้งนี้ ก็เพื่อให้พวกเขา และตระกูลเย้นมีโอกาสสักครั้ง”
ท่านอาวุโสแปดตกใจมาก คิดไม่ถึงว่า สถานการณ์ในตอนนี้จะแย่ถึงขั้นนี้แล้ว
ไม่น่าล่ะ เย้นหว่านถึงยอมเอาชีวิตมาเสี่ยงแบบนี้
ทว่า มองดูเย้นหว่านที่เป็นแบบนี้แล้ว เขาก็รู้สึกแปลกและเป็นห่วง
สาวน้อยที่แสนหวานก่อนหน้านี้ เปราะบางจนต้องให้โห้หลีเฉินปกป้องตลอด แต่ในตอนนี้ มีแววตาที่แน่วแน่ ไหล่เล็กๆนั้น ราวกับสามารถยกท้องฟ้าขึ้นได้
เขาพูดว่า “คุณนาย คุณเปลี่ยนไปแล้ว”
“โลกนี้มันช่างโหดร้ายนัก สามารถเปลี่ยนคนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้”
“ครั้งนี้ ผมยังคงเต็มใจที่จะอยู่ข้างคุณ และปกป้องคุณอีกครั้ง”