“เตรียมตัวเสร็จแล้ว นัดเวลาเรียบร้อย คนของเราก็จัดการยามข้างนอกจนสลบแล้ว เท่านี้ก็ถอนกำลังได้แล้ว” เย้นเมิ่งเอ่ยขึ้น
ช่วงหลายวันมานี้ ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและการชี้นำของผู้อาวุโสรองให้ตระกูลหยู ได้โยกย้ายคนที่มาร่วมทำงานมาเป็นของตนเองทั้งหมด ในตอนนี้พวกเขายังมีกำลังเหลือล้น ราวกับมีดซ่อนคม
จำต้องบุกฝ่าออกไป
เย้นหว่านพูดตอบ “งั้นฉันไปตรวจสอบสถานการณ์ด้านนอกก่อน แล้วพวกคุณค่อยตามออกมา ผู้อาวุโสรองคุณจะขยับได้ ก็ต่อเมื่อทุกคนสลบกันหมดแล้ว ไม่งั้นคงโดนหาตัวเจอทันทีแน่ๆ”
ผู้อาวุโสรองขานรับ “อืม คุณระวังตัวด้วย”
ตอนแรกเย้นเมิ่งกะว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ทว่าเมื่อนึกถึงเย้นหว่านที่แยกตัวออกไปก่อนย่อมปลอดภัย ตอนนี้เขายังต้องชี้นำกลุ่มของผู้อาวุโสรอง จะต้องทิ้งผู้นำไว้หนึ่งคน
ดังนั้นเขาเลยได้แต่ยอมรับ
แววตาของเย้นหว่านดำขลับเป็นประกายแวบหนึ่ง
สายตาของเธอจ้องเขม็งมาที่ผู้อาวุโสรอง จากนั้นยื่นมือไปมือที่มีตุ่มใส
“โชคดีนะ ผู้อาวุโสรอง ระหว่างเดินทางต้องระแวดระวังด้วย ขอให้ออกไปอย่างปลอดภัย หลังจากออกไปได้แล้ว คุณมาหลบภัยที่ตระกูลเย้นสักพักก็ได้ รอเหตุการณ์สงบลง คุณค่อยไปสถานที่แห่งไหนที่คุณอยากไปก็ได้”
“ถ้าคุณอยากอยู่ที่ตระกูลเย้น ตระกูลเย้นก็ยินดีต้อนรับคุณมากๆ”
ผู้อาวุโสรองมองเย้นหว่านอย่างฉงนใจเล็กน้อย “คุณหญิง ทำไมคุณถึงพูดเรื่องพวกนี้กับผม อย่างกับบอกลายังไงอย่างงั้น”
แววตาของเย้นหว่านเป็นประกายเล็กน้อย เธอยิ้มเล็กๆ “จะเป็นไปได้ยังไง ฉันตื่นเต้นนิดหน่อยเอง รู้สึกกังวลว่าหากเกิดอะไรขึ้น ฮู่ว ไม่สิ ไม่พูดแบบนี้สิ เราวางแผนการเดินทางอย่างรัดกุม คงไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก”
“พวกคุณจะต้องออกไปอย่างปลอดภัยแน่นอน”
เมื่อกล่าวจบ เย้นหว่านก็ไม่กล้าพูดต่อแล้ว พวกเขาล้วนเป็นพวกเหนือมนุษย์ เธอนึกกลัวจนสงสัย
หลังจากกำชับต่างนานา เย้นหว่านนำคนออกไปข้างนอกสองคน
พวกเราติดต่อกับพวกคนงานไว้นานแล้ว ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้กลุ่มป้องกันนั้นทำตามแผน ล้อมคนไว้ข้างนอก
หลังจากที่เย้นหว่านตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว จึงส่งข้อความให้เย้นเมิ่ง ให้เขาถอนกำลังออก
ในตอนนั้นเอง เธอเหลือผู้ชายไว้ที่เธอสองคน แยกออกไปนำพวกคนงานออกไปอย่างมีระเบียบ
พวกเขาจำเป็นต้องให้ความร่วมมือ
เย้นหว่านเองก็ต้องรับผิดชอบอีกด้าน หลังจากเธอเดินไปรายงาน กลับไม่ไปพร้อมกับพวกคนงาน แต่แอบถอยตัวมาที่ปลายแถว จากนั้นฉวยโอกาสตอนที่ผู้คนไม่ทันสังเกตเดินเข้าเส้นทางลับไป
เป็นเพราะต้องรักษาความลับ แม้ว่าพวกคนงานโยกย้ายไปไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงสองร้อยคน
หลังจากสื่อสารและสั่งการอย่างละเอียด ทุกคนล้วนให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก เพราะต้องเอาชีวิตรอด เลยต้องถอนกำลังด้วยความรวดเร็ว
แม้แต่กลุ่มสุดท้ายของผู้อาวุโสรองก็ต้องออกไปอย่างราบรื่น
เวลานับถอยหลังของระเบิดใกล้ระเบิดเต็มทีแล้ว
หลังจากที่เย้นเมิ่งรีบถอยห่างออกจากรัศมีระเบิด ตอนที่เขาหยุดเพื่อปรับแต่ง พลันพบเรื่องคอขาดบาดตายเข้า
เย้นหว่านไม่อยู่ในกลุ่ม!
เธอไม่อยู่!
“คุณหนูล่ะ? เธอไปไหนแล้ว?”
เย้นเมิ่งกำหมัดทั้งสองข้าง พลางตวาดเสียงดัง
ลูกมือทั้งสองถูกแยกให้รับผิดชอบคนละกลุ่ม เสาะหาไปรอบๆ ก็ไม่พบเย้นหว่าน เวรกรรม
“คุณหนูไม่ได้ติดตามกลุ่มมางั้นเหรอ……”
ในนี้ล้วนเป็นชายฉกรรจ์ทั้งนั้น เมื่อเปรียบเทียบกัน เย้นหว่านก็ดูตัวเล็กกว่ามาก เดินเคลื่อนย้ายก็วุ่นวาย พวกเขาไม่เห็นเธอ จึงไม่ทันสังเกตว่าเย้นหว่านถูกคนขวางกั้นไว้
อย่างไรเย้นหว่านเป็นถึงผู้วางแผนหลัก ยิ่งไม่ควรรั้งอยู่ท้ายแถวเลย ทว่าตอนนี้……
เย้นเมิ่งแทบเสียสติ “ยังจะทำอะไรอีก รีบตามหาสิ ติดต่อคุณหนู! ตำแหน่ง ยืนยันตำแหน่งของเธอ”
เย้นเมิ่งจึงหยิบเครื่องมือ สิ่งที่ทำให้เป็นกังวลนั้นก็คือ ไม่ปรากฏตำแหน่งของเธอบนเครื่องมือ ไม่ใช่ทั้งถูกกำจัดหรือถูกขัง
“เกิดเรื่องกับคุณหนูแล้ว รีบกลับไปตามหาเธอ!”
ขณะกำลังเย้นเมิ่งกำลังจะไป ผู้อาวุโสรองกลับเดินมาตรงหน้าของเขาด้วยสีหน้าดำครึ้ม “เกรงว่าจะไปไม่ทัน”
เย้นเมิ่งขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่ายังไง?”
ผู้อาวุโสรองหันไปทางขุมทรัพย์ สีหน้าพลันยิ่งดูย่ำแย่
เขาพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทว่าพูดมันออกมาอย่างยากเย็นเหลือเกิน
“คุณยังคงจำได้ ตอนที่ขุมทรัพย์เปิดออก คุณหญิงพูดไว้ว่ายังไง”
เย้นเมิ่งพยักหน้า “จำได้ ทำไมเหรอครับ?”
“ตอนนั้นที่ได้ฟังก็รู้สึกไม่ชอบพากลมาก แค่ตอนนั้นยังนึกไม่ออก ว่าไม่ชอบพากลที่ตรงไหน ตอนนี้นึกออกแล้ว คุณกลัวว่าเธอจะต้องบอกลากับฉัน ฝากฝังครั้งสุดท้าย เธอคิดมาดีแล้ว ว่าคงมากับพวกเราไม่ได้….”
เมื่อพูดจบ เย้นเมิ่งถึงรู้สึกคล้อยตามว่าเป็นเช่นนั้น
เขาเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ “ถ้าคุณหนูไม่มากับพวกเรา แล้วเธอคิดจะไปที่ไหน?”
นัยน์ตาของผู้อาวุโสรองฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตา
“หากฉันเดาไม่ผิด เธอน่าจะกลับไปที่ขุมทรัพย์แล้ว”
“อะไรนะ? เธอจะกลับไปที่ขุมทรัพย์ทำไม ขุมทรัพย์ใกล้จะถูกระเบิดแล้ว!” เย้นเมิ่งแทบจะเสียสติแล้ว
ผู้อาวุโสรองกล่าวอย่างมีปวดร้าว “แค่กลัวว่าเธอคิดจะตายไปพร้อมกับหยูฉู่สอง”
สีหน้าของเย้นเมิ่งซีดเผือดราวกับกระดาษขาวในทันตา
“คุณหนูจะทำเรื่องแบบนี้ด้วยตนเองได้ยังไง! ผมต้องไปตามเธอกลับมา ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ”
ตาของเย้นเมิ่งแดงระเรื่อ ก่อนจะวิ่งไปทางขุมทรัพย์อย่างรวดเร็ว
หลังจากเขากำลังวิ่งไปได้สิบเมตรกว่า ทันใดนั้นเอง ก็เกิดเสียงระเบิดดัง “บึ้ม” สนั่นหวั่นไหวไปทั่ว เปลวเพลิงสว่างวาบพุ่งขึ้นฟ้าจากขุมทรัพย์ พวยพุ่งม้วนขึ้นเป็นเมฆรูปเห็ด
เย้นเมิ่งที่พุ่งถลาไปด้านหน้า ก็ถูกคลื่นระเบิดกระแทกจนพลิกตัวลงกับพื้น
เขาหมอบอยู่บนพื้น มองไปยังเถ้าธุลีที่ลอยเต็มฟากฟ้าอย่างตกตะลึง ร่างกายแข็งทื่อราวกับก้อนหิน
“คุณหนู…..”
ผู้อาวุโสรองคุกเข่าแข็งทื่ออยู่กับพื้น งอตัวกดหัวแนบพื้นดิน ตัวสั่นเทิ้มไปทั่วร่างกาย เขารู้สึกเศร้าใจอย่างสุดซึ้ง
ย้อนเวลากลับไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนหน้า
หลังจากเย้นหว่านหลบซ่อนตัว เธอได้หาเส้นทางเล็กๆ สำหรับแอบเข้าใกล้ๆ ประตูหน้าของขุมทรัพย์ ไว้ตั้งนานแล้ว เธอยืนอยู่ในเงามืด มองกลุ่มของเย้นเมิ่งและผู้อาวุโสรองเดินจากไป
จนกระทั่งเมื่อทุกคนเดินออกจากเส้นทางเล็กนั้นไปแล้ว เธอจึงค่อยๆ เดินย่องออกมา
บนใบหน้าของเธอประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ผู้อาวุโสรอง ของให้คุณมีชีวิตยืนยาว มีโชคดีไร้โรคภัย”
หลังจากนั้น เธอหันกายเดินไปตามเส้นทางเล็ก กระโดดรวดเดียวขึ้นก้อนหินที่ร่วงลงมา ไปยังเส้นทางที่ยังไม่ผุพัง
เย้นหว่านเดินเบี่ยงออกมาด้านนอกเล็กน้อย ก็เห็นกองกำลังป้องกันยืนที่มุมตรงหน้า
เพื่อให้พวกเขาสังเกตเห็นเธอ เธอส่งเสียงเรียก “ฮัลโหล พี่ชายทั้งหลาย รู้จักฉันไหมเอ่ย?”
ในที่นี้ล้วนมีแต่กองกำลังป้องกันและกลุ่มคนงาน เมื่อได้ยินเสียงของผู้หญิงในนี้ล้วนต้องประหลาดใจ
กองกำลังป้องกันสะดุ้งตกใจ ก่อนจะหันไปมอง ก็อึ้งกิมกี่ไปในทันใด
“คะ คุณคือเย้นหว่าน? ”
เย้นหว่านอมยิ้ม “ดูเหมือนตำแหน่งของพวกนายในตระกูลหยูคงจะสูงพอตัว ถึงรู้จักฉัน”
“กล้าดียังไงเอาตัวเองมาส่งถึงประตู? เร็วเข้า ไปจับเธอไว้!”
กองกำลังป้องกันพุ่งเข้าหาเย้นหว่านอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง
เย้นหว่านเตรียมพร้อมตั้งรับไว้แต่แรก เธอหันกายวิ่งเข้าไปด้านใน จนวิ่งไปถึงประตูขุมทรัพย์ที่พังทลาย เธอจึงหยุดฝีเท้าลง ก่อนจะหันตัว ถอดเสื้อคลุม เผยให้เห็นแผงระเบิดที่พันอยู่ตรงส่วนเอว
“อย่าเข้ามา ไม่งั้นฉันระเบิดตัวเองแน่”