เห็นได้ชัดว่าหานจื่อบึ้งตึง อึดอัด
ทานอาหารที่ตัวเองทำเหรอ
เธอเคลื่อนไหวอย่างโผงผางเล็กน้อย คีบอาหารมาใส่เข้าปาก ก็เหมือนกับครั้งก่อนๆ เธอไม่สามารถชิมออกถึงรสชาติของอาหาร แต่สิ่งที่แตกต่างจากทุกครั้งคือ อาหารนี้ไม่ได้ดูเหมือนแค่ทำให้อิ่มท้อง ยังทำให้เธอสามารถมีชีวิตอยู่ได้
เธอรู้สึกความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างอธิบายไม่ถูก ราวกับเป็นกลิ่นอายของชีวิต
นี่คืออาหารที่เธอเป็นคนลงมือทำเอง
บ้านนี้ก็เป็นเธอที่ตกแต่งเองกับมือ
ทุกอย่างที่นี่ราวกับล้วนเป็นของเธอ
ชาตินี้ เธอมีชีวิตมายี่สิบกว่าปี นี่เป็นครั้งแรกที่สามารถครอบครองสิ่งของ ที่ซึ่งไม่ได้เป็นหุ่นยนต์ที่สังหารคนอย่างเลือดเย็นอีกต่อไป……
หัวใจของหานจื่อเกิดอาการแปรปรวน สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยคาดหวัง กำลังผุดขึ้นในหัวใจอย่างเงียบๆ
“เสี่ยวหาน หนูทำอาหารครั้งแรกจริงเหรอ”
คุณป้าอยู่ทานอาหารด้วย หลังจากที่ชิมแล้ว ก็มองหานจื่อด้วยแววตาที่เป็นประกาย
ไม่รู้ทำไม หานจื่อถูกสายตาที่มองนี้ทำให้รู้สึกอึดอัด เธอพยักหน้าอย่างห้วน ๆ
คุณป้ายื่นมือมาตบที่ไหล่ของเธอ “รสชาติดีมากเลย อร่อยกว่าป้าที่ทำมากว่าสิบปีเสียอีก เสี่ยวหาน หนูช่างมีพรสวรรค์จริง ๆ หนูควรจะเกิดมาเพื่อทำอาหารนะ”
ได้ยินการยกย่องและคำชมเชย จิตใจของหานจื่อที่อึดอัดก็รู้สึกผ่อนคลายลง
ถึงแม้ว่าเธอจะไร้ความรู้สึก ไม่สามารถรับรู้รสชาติของอาหารเหล่านี้ แต่การทำอาหารแล้วถูกผู้อื่นให้การยกย่องติชม ก็เหมือนกับอดีตตอนที่เธอทำการฝึกซ้อมแล้วถูกครูฝึกชมเชย ทำให้เธอรู้สึกปลื้มปริ่มดีใจ
ดีใจเหรอ
หานจื่อชะงัก ครูฝึกเคยกล่าวไว้ เธอเกิดมาเพื่อรับใช้องค์กร เป็นหุ่นยนต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด และหุ่นยนต์ไม่มีความรู้สึก ไม่มีกลิ่น และยิ่งไม่มีหัวใจ
ดังนั้นในโลกของเธอ จะดีใจมีความสุขหรือแม้แต่ความเจ็บปวดไม่ได้
เธอเป็นเพียงหุ่นยนต์เท่านั้น
แต่ว่าเมื่อสักครู่ เธอนั้นรู้สึกดีใจเหรอ นี่เหมือนฟ้าผ่าที่ทำหานจื่อช็อก ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
เธอโยนตะเกียบทิ้งอย่างลนลาน แล้วลุกยืนขึ้น เดินไปที่ระเบียง
มองดูอาคารสูงตระหง่านนอกหน้าต่าง รูปร่างที่เย็นยะเยือกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเธอ ทำให้เธอหัวใจเต้น และก็ค่อยๆกลับคืนสู่ภาวะปกติ
“เมื่อก่อนเมืองแห่งนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเธอ แต่ว่าตอนนี้คุณก็คือหนึ่งในนั้นของเมืองนี้”
เสียงโน้มน้าวของป่ายฉีดังอยู่ด้านหลังของหานจื่อ
หานจื่อตกใจ หัวใจที่เพิ่งจะสงบ ฉับพลันก็เกิดคลื่นปั่นป่วนขึ้นอีกครั้ง
เธอเหมือนกับถูกบีบให้ตกลงไปในตาข่ายผืนใหญ่ พยายามออกแรงขัดขืน ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งรัดแน่น……
ทานอาหารเสร็จ ป่ายฉีส่งคุณป้ากลับไป คุณป้าเองก็กล่าวคำลากับหานจื่ออย่างเป็นกันเอง
สีหน้าหานจื่อยังคงเย็นชาไม่มีการตอบสนอง
ป่ายฉีส่งคุณป้ากลับไปแล้ว ก็กลับมานั่งที่โซฟา แล้วเปิดทีวีดูอย่างสบายใจ
เสียงทีวีสำหรับหานจื่อนั้นช่างดังและน่ารำคาญมาก เธอชอบความเงียบสงบ
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา :”ปิด”
ป่ายฉีกลับตบเข้าที่นั่งโซฟาที่อยู่ข้าง ๆ “คุณมาดูละครนี้สิ น่าดูมากเลย มาดูด้วยกันสิ”
หานจื่อกลอกตามองบนอย่างเย็นชา
พูดไม่รู้เรื่อง เธอจึงเดินตรงไปที่ห้องนอนแล้วปิดประตู
ป่ายฉีมองไปยังทิศทางของประตูห้อง และก็จงใจเพิ่มเสียงของทีวีให้ดังขึ้นอีก จนแน่ใจว่าหานจื่อที่อยู่ในห้องจะต้องได้ยินเสียง
จากนั้นก็พลางดูทีวีพลางค้นหากลยุทธ์ในเว็บไป๋ตู้
#วิธีที่เร็วที่สุดในการทำให้นางฟ้าตัวน้อยให้กลายเป็นสาวน่าเกลียด#
#ในชีวิตมีอะไรให้สนุก#
#ชีวิตผู้พิการระดับสิบมีชีวิตอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างไร#
#วัยรุ่นปัจจุบันชอบชีวิตและจังหวะแบบไหนที่สุด#
เปิดดูทีละหัวข้อ บันทึก ป่ายฉีแทบจะกลายเป็นปรมาจารย์น้อยด้านชีวิตแล้ว
เวลาห้าทุ่มครึ่ง
ป่ายฉีผลักประตูห้องของหานจื่อ แล้วตะโกนขึ้นอย่างเสียงดัง:”ยัยคิงคอง พวกเราไปทานมื้อดึกกันเถอะ!”
หานจื่อที่ถูกปลุกให้ตื่น สายตาที่เย็นชาราวกับมีดที่แหลมคมทิ่มแทงมาทางป่ายฉี
เธอกัดฟันพูดออกมาทีละคำ “ไสหัวออกไป ไม่อย่างนั้นอาหารมื้อดึกก็คือคุณ”
ในสมองมีภาพการจับมีดทำอาหารของหานจื่อแววเข้ามา ป่ายฉีกลัวแล้ว
แล้วปิดประตูอย่างเคอะเขิน “ตอนนี้สั่งอาหารมาส่งค่อนข้างสะดวกสบาย ผมจะสั่งแล้วนะ จะสั่งมาสองชุด อีกสักพักคุณก็ออกมาทานนะ”
ไม่มีการตอบรับ
ป่ายฉีถือโทรศัพท์เลือกกุ้งมังกรน้อยตัวใหญ่ ว่ากันว่านี่เป็นอาหารมื้อดึกที่เหล่าวัยรุ่นปัจจุบันชอบสั่งกัน
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
“ก๊อก ๆ ๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น ไรเดอร์มาส่งอาหารตามเวลา
ป่ายฉีรับอาหารมา ไม่ได้วางลงบนโต๊ะอาหาร แต่ว่าวางลงโต๊ะชาที่อยู่หน้าทีวี สามารถพลางดูทีวีพลางทานมื้อดึกไปด้วย
เขาเปิดกล่องอาหารออก ฉับพลันกลิ่นอาหารก็ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว
“ยัยคิงคอง อาหารมื้อดึกมาแล้ว รีบออกมาทานเร็ว”
วางถ้วยตะเกียบถุงมือจัดลงบนโต๊ะเสร็จ ในห้องก็ไม่มีเสียงตอบรับ
ป่ายฉีจึงต้องเดินเข้าไป แล้วเคาะประตูอย่างสุภาพบุรุษ
“ก๊อก ๆ ๆ”
“ก๊อก ๆ ๆ”
“ก๊อก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”
เขามีความอดทนสุดๆ และเคาะไม่หยุด เสียงยิ่งเคาะยิ่งดัง เคาะอยู่หลายนาที
ในที่สุดคนข้างในก็ทนต่อไม่ไหว เปิดประตูออกมาอย่างแรง แล้วซัดหมัดมาทางใบหน้าของป่ายฉี
ป่ายฉีเตรียมการป้องกันไว้ตั้งแต่แรก จึงทำการหลบไปด้านหลังทันที แล้วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์
“ในเมื่อตื่นแล้ว ก็มาทานมื้อดึกกันเถอะ”
หานจื่อมีความอยากจริง ๆ ที่จะทำให้ป่ายฉีเป็นอาหารมื้อดึกและทานเพื่อระบายความโกรธ
เธอกัดฟันพูด “ฉันไม่หิว ฉันไม่กิน อย่ามารบกวนฉัน”
“อย่างนั้นไม่ได้ ผมได้สั่งอาหารมาแล้ว จะสิ้นเปลืองไม่ได้”
ป่ายฉีไม่มีความเกรงกลัวในความดุร้ายของหานจื่อ ดึงข้อมือของเธอลากมาที่ห้องรับแขก
หานจื่อไม่เคยรำคาญใครได้เท่านี้มาก่อน หนำซ้ำยังไม่สามารถลงมือสังหารได้อีก
ความอดทนของเธอแทบจะถึงจุดขีดสุด
แต่ป่ายฉีกลับไม่ได้สังเกตเห็นเลยสักนิด ยังยิ้มตาหยีดึงหานจื่อมานั่งลงที่โซฟา หยิบถุงมือยัดใส่ในมือของเธอ
“กุ้งมังกรน้อย ว่ากันว่าอร่อยมาก วิญญาณแห่งมื้อดึก ลิ้มลองแล้วถึงจะเรียกว่าชีวิต”
ชีวิต?”
หานจื่อไม่ได้รู้สึกเลยสักนิด มีเพียงความรู้สึกที่ต้องการอยากสังหารคน
เธอกัดฟัน “ทานแล้วสามารถไปจากที่นี่?”
ป่ายฉีพยักหน้า “อืม ทานแล้วคุณก็สามารถกลับห้องไปนอนหลับอย่างสบายใจจนถึงพรุ่งนี้เช้า”
หานจื่อรีบสวมถุงมือแล้วหยิบกุ้งมังกรน้อยมาดึงหัวออก กำลังจะยัดใส่เข้าไปในปาก
ป่ายฉีรีบห้ามเธอไว้ ใบหน้าผุดรอยยิ้มที่ทำอะไรไม่ถูก
“คุณหนูของผม เปลือกส่วนหางก็ทานไม่ได้ โตมาขนาดนี้นึกไม่ถึงว่าจะไม่เคยทานกุ้งมังกร”
พลางพูดเขาพลางเอาหางกุ้งมังกรน้อยที่แกะเปลือกออกยัดใส่เข้าไปในปาก
หานจื่อตะลึงงัน
ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะยัดกุ้งที่แกะเสร็จยัดเข้ามาในปากของเธอ น่าขยะแขยง เหมือนกับได้ทานอุจจาระเข้าไปก็ไม่ปาน
“แหวะ”
หานจื่อคายหางกุ้งออกมาโดยไม่แม้แต่จะไตร่ตรอง และยังดื่มน้ำเข้าไปล้างปากอีก
ป่ายฉี:”……” มุมปากยกขึ้น เขายังต้องรักษาหน้าไว้อีกหรือไม่
หานจื่อกลับไม่สนใจเขา แกะเปลือกกุ้งออกด้วยตัวเองแล้วทานทีละตัวอย่างคล่องแคล่ว
คนอื่นทานกุ้งมังกรนั้นค่อย ๆทาน ส่วนเธอทานกุ้งมังกรราวกับเป็นภารกิจ ทานอย่างรวดเร็วและดุดัน
แค่พริบตาทานไปห้าหกเจ็ดแปดตัว