พอเย้นหว่านกลับมา เก่อหรูซวนกลายเป็นตัวตลก
ผู้คนทั่วโลกต่างพากันเยาะเย้ยที่เธอไม่ประเมินกำลังความสามารถของตัวเอง เมื่อก่อนเธอสามารถยืนเคียงข้างโห้หลีเฉินอย่างหน้าชื่นตาบานแค่ไหน ตอนนี้ก็น่าอับอายมากแค่นั้น
ไม่เพียงแค่ความคิดเห็นในอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แม้แต่ในบริษัทก็มีการพูดคุยกันเป็นจำนวนมาก
แววตาของหลายคนตอนมองเก่อหรูซวนก็เปลี่ยนไป ถึงแม้เธอจะเป็นหัวหน้าเลขา มีอำนาจระดับสูงกว่า แต่ก็หนีไม่พ้นตกเป็นที่นินทา
พนักงานที่เคยเคารพเธอ คอยพูดประจบประแจงเธอ ตอนนี้กลับเก็บอาการ และพยายามตีตัวออกหากอย่างเห็นได้ชัด
ชื่อเสียงของเก่อหรูซวนในบริษัท ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
ในใจเธอเคียดแค้นจนแทบจะบ้าตาย แต่ความเป็นมืออาชีพที่ยอดเยี่ยมของเธอ ทำให้เธอไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาเลย เธอยังคงดูเคร่งครัดและจริงจังเหมือนเดิม และทำงานทุกอย่างตามปกติ
เหมือนเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ถึงแม้เพื่อนร่วมงานจะแอบซุบซิบนินทากัน แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อหน้าเธอ ไม่แม้แต่จะแสดงสีหน้าใดๆ ออกมา บนใบหน้ายังคงสงบนิ่ง
และความสงบทั้งหมด ก็พังทลายลงตอนที่เย้นหว่านมาถึงที่บริษัท
ตอนเวลาบ่ายสองโมงครึ่ง เป็นช่วงเวลาทำงานหลังพักเที่ยงพอดี พวกพนักงานกำลังเดินเข้ามาในบริษัทอย่างไม่ขาดสาย
เป็นช่วงที่ผู้คนเดินเข้าออกบริษัทเยอะที่สุด
ในเวลานี้เอง รถโรลส์-รอยซ์หยุดจอดลงที่ประตูทางเข้าหลักของบริษัท คนขับเปิดประตู ก่อนที่โห้หลีเฉินจะเดินลงมา
โดยปกติ รถของท่านประธานจะเข้าไปจอดอยู่ในโรงรถ แล้วขึ้นลิฟต์ VIP ตรงขึ้นไปที่ห้องทำงานเลย
ไม่ค่อยเห็นรถมาจอดหน้าบริษัทแบบนี้
ผู้คนต่างให้ความสนใจทันที พวกเขาต่างก็เฝ้ามองดูความหล่อเหลาและสง่าผ่าเผยของท่านประธาน
สิ่งที่ทำให้พวกเขาฮือฮามากที่สุดคือ เหตุการณ์หลังจากนั้น
โห้หลีเฉินเดินไปที่อีกด้านหนึ่งของประตูรถ แล้วเปิดประตูด้วยตัวเอง แล้วยื่นมือออกไปอย่างสุภาพบุรุษ เชื้อเชิญคนที่อยู่ข้างในให้ลงมาจากรถ
ไม่มีใครเคยได้รับเกียรติถึงขนาดนี้มาก่อน
มีแค่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
มือบางขาวเรียวยาววางลงบนฝ่ามือของโห้หลีเฉิน เย้นหว่านใส่รองเท้าส้นสูงสูงเดินลงมาจากรถพร้อมรอยยิ้มหวานที่มุมปากของเธอ ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคน
จากนั้น เธอก็ควงแขนของโห้หลีเฉิน แล้วเดินเคียงข้างกัน เข้าบริษัทไป
หนุ่มหล่อและสาวสวย สะดุดตาทุกคน
โห้หลีเฉินพาเย้นหว่านมาที่บริษัท เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็คาดเดากันไว้แล้ว เพราะช่วงเที่ยงเพิ่งมีข่าวออกมา ว่าโห้หลีเฉินพาเย้นหว่านไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารดัง
ตอนนี้พามาที่บริษัท…
ดูท่าคงจะเป็นเพราะทั้งสองคนแยกจากกันไปนาน คงทำใจห่างกันไม่ได้
แต่ว่าภรรยาของประธานมาที่บริษัทด้วยความอลังการแบบนี้ แล้วเก่อหรูซวน จะมีสีหน้ายังไง?
มีหลายคนที่มองมาด้วยแววตาอิจฉา แต่ในขณะเดียวกันก็มีความคิดอยากจะดูเรื่องสนุกแฝงอยู่ด้วย
ภายใต้สายตาของทุกคน โห้หลีเฉินกับเย้นหว่านเดินเข้าบริษัท แล้วขึ้นลิฟต์ VIPไป
พนักงานที่ยืนมองดู จึงเริ่มแยกย้ายกันไป แล้วพากันพูดซุบซิบเรื่องนี้
“คุณเย้นหว่านสวยกว่าที่ฉันเคยเห็นในข่าวอีก แล้วดูจะใจดีมากด้วย เธอเหมาะสมที่เป็นคุณหนูของตระกูลเย้น ที่เกิดตระกูลที่มีชื่อเสียง”
“มีเพียงเธอเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะยืนเคียงข้างท่านประธาน ทั้งสองดูไม่มีใครด้อยกว่าใคร แบบนี้เขาถึงจะเรียกว่าคู่ที่สวรรค์ประทาน เหมาะสมกันมากจริงๆ”
“ใช่ พอเทียบกันแล้วเก่อหรูซวนไม่มีอะไรสู้ได้เลยสักนิด อย่าว่าแต่รูปร่างหน้าตาเลย แม้แต่บุคลิก ความสง่างามก็เทียบภรรยาของท่านประธานไม่ได้เลยสักนิด พออยู่ต่อหน้าภรรยาของท่านประธาน เก่อหรูซวนก็เป็นได้แค่เลขาจริงๆ”
“ตอนนี้ตัวจริงกลับมาแล้ว มาดูกันว่าเก่อหรูซวนจะเชิดหน้าอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเก่อหรูซวนได้รับความสำคัญ เพราะความสามารถที่โดดเด่นของเธอ ขั้นตอนการทำงานของเธอเด็ดขาด ทำให้ใครหลายคนไม่พอใจ และมีหลายคนที่ไม่ชอบเธอ
ทุกคนรอดูเรื่องสนุก ไม่ได้มีแค่คนสองคน
……
พอโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านเข้ามาในลิฟต์ ก็มีเพียงแค่สองคน
เย้นหว่านปล่อยข้อมือของโห้หลีเฉินทันที แล้วรักษาระยะห่างกับเขาอย่างเย่อหยิ่ง แต่ทันทีที่เธอปล่อยแขนของโห้หลีเฉิน เขาก็ยกแขนขึ้นโอบไหล่ของเธออย่างใกล้ชิด แล้วดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
เย้นหว่านพยายามดิ้นหนี “ปล่อยนะ เราต้องรักษาระยะห่างตอนที่ไม่มีใคร”
“ตรงนั้นมีกล้องวงจรปิด มีคนเฝ้าดูอยู่” โห้หลีเฉินยกยิ้มแล้วชี้ไปที่กล้องวงจรปิด ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขายกยิ้มกริ่ม
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่ามีกล้องวงจรปิดเป็นสิ่งที่ดี
ท่าทีดิ้นหนีของเย้นหว่านหยุดลงทันที เธอเหลือบมองดูกล้องวงจรปิด แล้วนิ่งคิดสักพัก แล้วพูดขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ฉันยอมแสดงต่อก็ได้”
“อืม”
โห้หลีเฉินเห็นด้วยอย่างยิ่ง เขาดึงร่างเล็กบางของเย้นหว่านมากอดไว้แน่น และมีความสุขไปกับรสชาติของการกอดเธอ
เย้นหว่านยืนตัวตรง พยายามเพิกเฉยต่อพฤติกรรมการแต๊ะอั๋งที่ไร้ยางอายของผู้ชายคนนี้ไป
ถึงแม้ว่า เธอจะไม่ต่อต้านการโอบกอดของเขา
แต่ความใกล้ชิดแบบนี้ เธอกลัวจริงๆ ว่ากำแพงป้องกันที่เธอสร้างขึ้นมา จะถูกเขาล้มลงในไม่ช้า
“ติ๊ง”
ประตูลิฟต์เปิดออก พวกเธอมาถึงชั้นห้องทำงานท่านประธานแล้ว
ในเวลานี้ ด้านหน้าห้องทำงานเลขา เลขาทั้งแปดคนยืนรออยู่ด้านหน้าประตู เพื่อรอต้อนรับโห้หลีเฉิน
เป็นผู้หญิงทั้งแปดคน บนใบหน้าของพวกเธอ มีรอยยิ้มที่เคารพนับถือประดับอยู่ “สวัสดีตอนบ่ายค่ะ ท่านประธาน สวัสดีตอนบ่ายค่ะ คุณนายท่านประธาน”
เย้นหว่านตัวแข็งทื่ออย่างตกตะลึง
ยืนมองไปที่ผู้หญิงทั้งแปดคน มุมปากของเธอกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะมองไปทางโห้หลีเฉิน แล้วกัดฟันถามด้วยเสียงต่ำ
“ทำไมเลขาของคุณเป็นผู้หญิงทั้งหมดเลยคะ” อีกทั้งยังสาวทุกคนเลยด้วย
ในช่วงสามปีที่เธอไม่อยู่ โห้หลีเฉินจะได้ใจเกินไปแล้วนะ
โห้หลีเฉินเส้นประสาทกระตุก เขารีบอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมดูแค่ความสามารถ ไม่ได้ดูที่คน ถ้าคุณไม่บอกผม ผมคงยังไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงทั้งหมด”
เลขาสาวทั้งแปดคน “…”
ท่านประธาน พวกเรายังอยู่ตรงนี้นะคะ
เก่อหรูซวนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสีหน้าแดงก่ำ แต่เธอเก็บอารมณ์ได้ดีมาก เธอยืนเงียบ ไม่พูดอะไร
เย้นหว่านมองไปที่ ทางโห้หลีเฉินอย่างสงสัย จากนั้น ก็ตบแขนของเขา
“มันก็ใช่ค่ะ เพราะผู้หญิงคนเดียวที่คุณเห็นในสายตา ก็คือฉัน จากนี้ปล่อยให้เป็นงานของฉันได้เลยค่ะ ฉันจะตรวจสอบทุกคนในสำนักงานเลขาใหม่ และทำการปรับเปลี่ยนให้คุณตามความเหมาะสม เพราะอย่างน้อย ผู้ชายกับผู้หญิงทำงานด้วยกัน ถึงได้ไม่เหนื่อยเกินไป”
โห้หลีเฉินไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้
แต่สีหน้าของเลขาทั้งแปดเปลี่ยนไปทันที
เก่อหรูซวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอมองไปทางเย้นหว่าน ในใจเริ่มระวังตัว ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา
เลขาสาวอีกเจ็ดคนเริ่มรู้สึกประหม่า ตื่นตกใจกันไปหมด ภรรยาของท่านประธานคิดจะขับไล่พวกเธอออกส่วนหนึ่งเหรอ
ในเวลานี้ทุกคนตกอยู่ความหวาดหวั่น กลัวว่าตนเองจะถูกไล่ออก
พวกเธอมองไปที่เย้นหว่านด้วยดวงตาที่ร้อนรน ในสมองของพวกเธอพยายามนึกคิด ว่าจะทำทำให้เย้นหว่านพอใจและให้พวกเธออยู่ต่อได้ยังไง
โห้หลีเฉินโอบไหล่เย้นหว่านไว้ แล้วเดินเข้าไปสองสามก้าว ก่อนจะมองไปที่เลขาทั้งแปด พร้อมกับประกาศเสียงดัง
“ตั้งแต่วันนี้ไป เย้นหว่านจะรับตำแหน่งหัวหน้าเลขา และเธอจะเป็นคนจัดการกำหนดการและตารางงานทั้งหมดของสำนักงานเลขา”
พอได้ยินแบบนี้ ทำให้เลขาทั้งเจ็ดต่างพากันตกใจ
ไม่แปลกใจเลยที่เย้นหว่านบอกว่าจะทำการตรวจสอบใหม่ หรือไล่พวกเธอออก ที่แท้เธอก็จะมาเป็นหัวหน้าเลขานี่เอง และการโยกย้ายผู้ใต้บังคับบัญชาใหม่ก็เป็นเรื่องปกติ
แต่ว่า ตำแหน่งหัวหน้าเลขาเป็นของเก่อหรูซวนมาตลอด
ถ้าเย้นหว่านเข้ามา แล้วเก่อหรูซวนล่ะ?
สายตาของเลขาทั้งเจ็ด พากันมองมาที่เธอ