เย้นหว่านไปหาฉู่หยุนซี
ถ้าเกิดว่าเป็นการกลับมาครั้งแรก ภายใต้เปลือกตาของโห้หลีเฉิน เธอคงจะกลับไปที่ฉู่หยุนซีอย่าเงียบๆ ปล่อยให้โห้หลีเฉินพลิกทั้งแผ่นดินเมืองหนานจนถึงท้องฟ้าก็หาไม่เจอใคร
ครั้งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปที่นั่นยังไง ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่รู้ว่าเธอไปด้วยซ้ำ
หลังจากที่ไม่เห็นมาระยะหนึ่ง เขาที่ผอมแห้งอยู่แล้ว ก็ผอมลงไปอีกด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ถ้าเกิดว่าเป็นคนที่คบกับเขามาทั้งหมด 3 ปี พอเห็นว่าเขาเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกทนไม่ค่อยได้
เย้นหว่านพยายามกดอารมณ์ของตัวเอง แล้วก็พูดหยอกล้อว่า “ฉันไม่อยู่ นายคิดถึงฉันจนกินข้าวกินปลาไม่ลง ก็เลยหิวจนผอมขนาดนี้เลยเหรอ? ”
ฉู่หยุนซีเข็นรถเข็นออกจากห้อง ออกไปด้วยพร้อมกับพูดไปด้วยว่า
“ที่จริงก็รู้สึกเสียใจนิดหนึ่งที่ปล่อยเธอออกไป”
“เสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ฉันมานี่ไม่ได้มาขายยารักษาความเสียใจ”
เย้นหว่านเข้าไปแล้วก็เข็นเก้าอี้วีลแชร์ให้กับเขา เข็นเขาออกไปด้านนอก “นายจะไปไหน?”
“ห้องอาหาร”
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามหรือว่าสี่โมงเย็น ไม่ใช่เวลาของอาหารกลางวันหรือว่าอาหารกลางวันหรือว่าอาหารเย็น ไม่ควรจะกินอะไรในเวลานี้
ฉู่หยุนซีถูกเข็นไปข้างหน้า ไม่ต้องมองหน้าของเย้นหว่าน ก็เหมือนจะเดาได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
เขายิ้มแล้วพูดว่า “พอเห็นว่าเธอมาก็เลยอยากอาหาร”
ก็พามุกตลกของเธอเล่นไปจนถึงที่สุดจริงๆ
เย้นหว่านก็ไม่สืบสาว เธอโอกาสพูดว่า “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นในกินเยอะๆนะ เดี๋ยวพาฉันไป นายคงไม่อยากอาหารไปอีกหลายเดือน”
“ไม่มีเรื่องอะไรก็คงไม่มาหาฉันหรอก เย้นหว่าน เธอนี่ใจร้ายจริงๆ เลยนะ”
ฉู่หยุนซีบ่น
เย้นหว่านยิ้ม แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสะใจ การที่เธอมาที่นี่ฉู่หยุนซีก็ต้องรู้เหตุผลของเธออยู่แล้ว
แม้แต่ รู้ยันสถานที่ซ่อนของป่ายฉีเลยด้วยซ้ำ
ถึงยังไง เครือข่ายข่าวกรองของเขาคือสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
ดังนั้น เย้นหว่านก็เลยเอ่ยปากถามเขาตามตรง “ไม่มีข้อมูลของหานจื่อไหม?”
“มี”
ฉู่หยุนซีกลับไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่มองไปที่โต๊ะอาหารที่อยู่ตรงหน้า “กินข้าวก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ฉู่หยุนซีก็ไม่ใช่คนเชื่องช้าอืดอาด ทำไมต้องพูดหลังจากกินข้าวด้วยล่ะ?
ถ้าเกิดว่าเรื่องราวผิดปกติแสดงว่าต้องมีการหลอกลวงอย่างแน่นอน
เย้นหว่านคิดอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้ไปเร่งเขา เขียนเก้าอี้วีลแชร์ของเขาไปที่โต๊ะอาหาร แล้วตัวเองก็นั่งดูทีก็อีกตัวหนึ่ง
โต๊ะอาหารค่ำเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ รสชาติที่เธอโปรดปรานทั้งหมด และยังมีชามและตะเกียบอีก 2 ชุด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเตรียมไว้สำหรับเธอตั้งแต่เนิ่นๆ
ฉู่หยุนซีก็เป็นคนที่เอาใจใส่
ยิ่งใส่ใจยิ่งน่าคิดและน่ากลัว เธอถูกเว่ยชีเลือดออกมาตั้งแต่เช้าแล้ว แล้วก็อยู่จัดการเรื่องของป่ายฉี ยังไม่ทันจะได้กินข้าวเช้าและข้าวกลางวันเลย
เห็นได้ชัดว่าอาหารมื้อนี้ที่เขาเตรียมมานั้น เพื่อเธอ
เขาไม่ได้แค่รู้ว่าป่ายฉีอยู่ที่ไหน แถมยังรู้ว่าเธอยังไม่ได้กินข้าว
เย้นหว่านตอบ “ฉันสงสัยจริงๆ เลย ว่านายทำได้ยังไง ทำไมถึงได้รู้ข้อมูลแข็งแกร่งขณะนี้? ขนาดฉันยังสามารถสะบัดคนของเก่อหรูซวนออกได้เลย”
แต่ว่าไม่สามารถสะบัดออกจากเขาได้
ฉู่หยุนซียิ้มน่ะตอบว่า “ถ้าฉันบอกว่าติดอุปกรณ์เฝ้าสังเกตไว้ที่เธอ เธอจะเชื่อไหม? ”
“ไม่เชื่อ” เย้นหว่านตอบอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น “ทุกที่ในร่างกายของฉัน แม้แต่ผมของฉันยังผ่านการตรวจอย่างละเอียดมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีอุปกรณ์เฝ้าสังเกต”
ฉู่หยุนซีไม่มีทางเลี่ยง “เด็กฉลาด” ไม่สามารถถูกหลอกได้
แต่ว่าการเปลี่ยนหัวข้อแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถถามเขาได้ว่าทำไมข้อมูลเขาถึงได้แน่นขนาดนี้
เย้นหว่านสนใจอย่างอื่นมากกว่า เราก็ไม่ชอบถามฉู่หยุนซีจนถึงที่สุดอยู่แล้ว เธอมีความตระหนักในตัวเองอยู่เสมอ แล้วก็รู้ว่าระหว่างสองคนควรมีความสัมพันธ์แบบไหนและจุดยืนแบบไหน
ต่อให้เข้ากันได้ดีแค่ไหน ก็ต้องมีขีดจำกัด
ฉู่หยุนซีมีออร่าของผู้รากมากดี ตอนกินข้าวนั้นท่าทางดูสง่างามเป็นอย่างมาก เข้ากับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา เหมือนกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ในภาพวาดสีน้ำมัน
ถ้าไม่ใช่เพราะขาพิการ เขาก็จะเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ
เย้นหว่านเคยเปลี่ยนเกี่ยวกับการแพทย์กับป่ายฉีอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปจนถึงจุดสูงสุด แต่ว่าก็ไม่เลวเลย ถามเธอยังเคยมีประสบการณ์ที่รักษาโห้หลีเฉินจะเอามาพาดได้
เธอเคยคิดอยากจะช่วยรักษาขาทั้งสองข้างของฉู่หยุนซี แต่ว่าฉู่หยุนซีกลับปฏิเสธเธอ แม้แต่ไม่ให้โอกาสเธอได้ลองเลยด้วยซ้ำ
แม้แต่ร่างกายที่ป่วยของเขา ก็ไม่เคยให้เธอได้เห็นเลย
หรือแม้แต่ เย้นหว่านไม่เคยเห็นเขามองหาหมอที่มีชื่อเสียงเพื่อรักษาอาการป่วยและช่วยชีวิตเขาด้วยซ้ำ แค่กินยาทุกวัน ปล่อยใจให้อาการแย่ลงไปทีละขั้น
ถึงจุดนี้ ร่างกายของเขาเสื่อมโทรมไปนานแล้ว และบางทีถ้าวันหนึ่งเขาก็จากไปอย่างกะทันหัน มันก็คงเป็นเรื่องที่ปกติมาก
แต่ว่าเย้นหว่านก็รู้ดีว่า ฉู่หยุนซีไม่มีทางตายไปได้ง่ายอย่างนั้นหรอก ภายใต้พื้นผิวที่ดูสงบนิ่งของเขา เขากลับดูมีความหมกมุ่นที่ไม่สามารถปล่อยวางได้
แต่ว่าเขามีความหมกมุ่นอะไรถึงได้ทำวิธีที่น่าสยดสยองขนาดนี้?
เย้นหว่านคิดไม่ออก แล้วก็เดาไม่ถูกด้วย
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ฉู่หยุนซีก็โบกมือ แล้วก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งถือเอกสารเดินเข้ามา พร้อมกับวางไว้ตรงหน้าของเย้นหว่านด้วยความเคารพ
ฉู่หยุนซีพูด “ในนี้ มีคำตอบในสิ่งที่เธอต้องการอยากรู้”
เย้นหว่านรีบเปิดเอกสารมันออกทันที พลิกอ่านหลายหน้าต่อกันไป ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
นี่มันไม่ใช่ข้อมูลของหานจื่อ แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่สามารถตอบความสงสัยของเธอได้
ของเธอจำข้อมูลแน่น ใบหน้าซีดเผือด ร่างกายสังขารไปหมด
“นี่ มันเป็นไปได้ยังไง? พวกเจมส์พัฒนาเทคโนโลยีประเภทนี้ได้ยังไง……”
ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลทดลองซึ่งเสริมสร้างข้อมูลภายในของผู้คน และสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกว่ากลัวที่สุดก็คือ ภายใต้มนุษย์พันธุ์แกร่งเหล่านี้จะมีความอ่อนแอที่ร้ายแรง นั่นก็คือชีวิต มันถูกลากไปอยู่ในมือของผู้อื่นอย่างแท้จริง
ตราบใดที่มีใครบางคนถือสวิตช์เอาไว้ แล้วกดลงไป มนุษย์พันธุ์แกร่งเหล่านี้ก็จะตายทั้งหมด
ไม่มีที่ว่างให้หันหลังกลับ
“เหอะ ตอนแรกเจมส์กับฝู้ยวนตายไปตั้งนานแล้ว ทั้งองค์กรของพวกเขาไม่เหลือคนเลยแม้แต่คนเดียว เทคโนโลยีควรที่จะไม่มีแล้วสิถึงจะถูก ทำไมถึงสามารถใช้มันมาควบคุมหานจื่อได้? ”
กำหนดได้ไม่ยากเลยว่า หานจื่อที่ได้เป็นอิสระแล้วไปใช้ชีวิตแบบคนธรรมดานั้น กลับกลับมาเป็นนักฆ่าอีกครั้งหนึ่ง เหตุผลเพราะว่าถูกเทคโนโลยีนี้คุณออกมา
เธออยากจะมีชีวิตอยู่ แค่ถูกคนอื่นควบคุม แล้วกลับไปอยู่ในชีวิตที่เคยเป็น
ฉู่หยุนซีมองเย้นหว่านสายตาที่ลึกลับ “ปัญหานี้ เธอดึงคนที่อยู่เบื้องหลังของเธอออกมาได้แล้วก็จะรู้เอง”
ดังนั้นก็บอกว่าฉู่หยุนซีรู้หรือเปล่าว่าคนคนนั้นคือใคร?
เย้นหว่านไม่แน่ใจ แต่ไหนแต่ไรมาเขาเป็นคนที่อ่านยากมาก
จะได้ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เย้นหว่านตื่นตระหนกและวิตกกังวลมากยิ่งขึ้นก็คือ “มีวิธีที่จะแก้ไขเทคโนโลยีนี้หรือเปล่า ลูกสาวของฉัน แรบบิท ก็เป็นมนุษย์พันธุ์แกร่งเหมือนกัน”
ตอนนั้นแรบบิทหนีจากความตายมาได้ ป่ายฉีช่วยเหลือชีวิตเธอมาได้ แต่ว่าในร่างกายของเธอก็มียาที่เสริมสร้างให้เป็นมนุษย์พันธุ์แกร่ง เธอไม่สามารถหลบหนีเทคโนโลยีนี้ได้
แต่ว่าคนคนนั้นกลับสามารถทำลายชีวิตแรบบิทได้ในทันที
ไม่ว่าจะซ่อนอยู่ที่ไหนก็สามารถถ่ายได้ทั้งนั้น
ฉู่หยุนซีถอนหายใจออกมา “ตอนนี้วิธีแก้ไขเดียวที่ฉันรู้ ก็คือค่าทุกคนที่ควบคุมสวิตช์เอาไว้”
นี่เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นใคร หาพวกเขาให้หมด แล้วก็ทำลายสวิตช์นั้นซะ แรบบิทถึงจะปลอดภัย
เย้นหว่านมีเจตนาฆ่าอยู่ในหัวใจ มันปลุกความกระตือรือร้นที่ทำให้เธออยากดึงคนที่อยู่เบื้องหลังออกมามากยิ่งขึ้น