” เย้นหว่าน! ”
เขาตะโกนออกมาด้วยอารมณ์ที่อยากจะควบคุม แต่เย้นหว่านไม่แม้แต่จะหันกลับมามองก็เดินออกจากห้องไป
พอเดินไปถึงประตูแล้ว ก็พูดจาไม่สบอารมณ์ ” คุณโห้ ฉันจะไปทำกับข้าวให้คุณไม่ได้ไปออกรบสักหน่อย ”
” ผมจะไม่กินอาหารอะไรก็ตามที่คุณทำ ถ้าคุณไม่เปลี่ยนความคิดล่ะก็ ผมจะไม่กินอะไรทั้งนั้น ”
คำพูดแบบนี้ สองวันที่ผ่านมาเย้นหว่านได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน เลยไม่ได้รู้สึกอะไร จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอกทันที
โห้หลีเฉินลากโซ่เหล็กจนเป็นเสียง” ตึงตัง ” เขาดูร้อนรนและโกรธเป็นอย่างมาก แต่ถ้าว่ามังกรที่ถูกต้องจำ มันถูกทำให้ติดหล่มถึงกับต้องจนมุม
เย้นหว่านทำกับข้าวไม่ค่อยบ่อย ฝีมือเลยยังไม่ค่อยคล่องแคล่วเท่าไหร่ แต่เพื่อที่จะดูแลและใส่ใจตามรสชาติที่โห้หลีเฉินชอบ ดังนั้นเมนูแต่ละอย่างต้องผัดถึงสองสามครั้ง จนกระทั่งกินและสีดูน่ากินครบครันแล้ว จึงยกออกจากกระทะ
คืนนี้ก็เป็นเหมือนตามเคย ใส่ชุดคุมอาบน้ำห่อชุดนอนเอาไว้ และยืนทรมานอยู่ในครัวเป็นชั่วโมง ในที่สุดกับข้าวสามอย่างน้ำซุปหนึ่งถ้วยก็ถูกประเคนมาถึงห้องนอน
เธอเดินเข้ามาในห้องแบบปกติ ก่อนจะเอาข้าวและอาหารยกมาไว้ข้างเตียง
น้ำเสียงดูเต็มไปด้วยความเปี่ยมสุขพร้อมพูดว่า ” คุณโห้ มากินข้าวเย็นกันเถอะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันหิวจังเลยอ่ะ ”
โห้หลีเฉินเมื่อเห็นเธอเข้ามา ก็มองนิ่งอยู่แบบนั้น
เขาตั้งใจมองไปที่เธอ แล้วตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอพูด คิวทั้งสองก็ขมวดเข้าหากัน
เขาเม้มปากบางนั้น ไม่พูดไม่จา
เย้นหว่านก็ชินแล้ว ได้จัดแจงเอาโต๊ะเล็กมาวางบนเตียง แล้วค่อยนำอาหารและกับข้าวขึ้นมาวาง จากนั้นเธอก็นั่งลงตรงข้ามกับเขา
ไม่รอช้าก็พูดชวนโห้หลีเฉินอีกครั้ง ” คุณโห้ เรื่องที่ฉันตัดสินใจแล้ว จะไม่เปลี่ยนอีกเด็ดขาด คุณก็อย่าพยายามดิ้นรนไปเลย ยอมกินข้าวกับฉันดีกว่า กินเสร็จแล้ว จะได้มีแรงดิ้นต่อไง ”
โห้หลีเฉินกำลังจนถึงขีดสุด
วินาทีนั้น เขาเอื้อมมือขึ้นมาและปัดกับข้าวลงไปที่พื้นจนกระจัดกระจาย
กับข้าวและนำซุป กลิ้งกรุกกรักลงบนพื้นจนเรี่ยราดไปหมด
เย้นหว่านถูกทำให้ตกใจจนต้องกระโดดลงจากเตียง เหยียดกายขึ้นแล้วยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ” โห้หลีเฉิน นี่มันอาหารที่ฉันทำเองกับมือถึงสองชั่วโมงเลยนะ ทำไมคุณปัดมันทิ้งแบบนั้นล่ะ?! ”
ความโกรธได้แพร่กระจายไปทั่วร่างของโห้หลีเฉิน ราวกับไฟที่กำลังลามลุกท่วมไปหมด
เขากัดฟันแน่น ” ผมบอกไม่กินก็คือไม่กินไง เย้นหว่านพรุ่งนี้คุณห้ามไปเจอพวกเขาเด็ดขาด! ”
เย้นหว่านก็เริ่มโมโหแล้วเหมือนกัน แต่เธอเป็นคนที่จี้จุดโห้หลีเฉินได้เก่งจริงๆ
” คุณจะคว่ำอาหารก็ย่อมได้ ฉันก็ทำใหม่ได้อีก เพราะยังไงก็มีเวลาอีกทั้งคืน คุณคว่ำมันอีกกี่ครั้ง ฉันก็จะทำมันตามจำนวนนั้น เว้นเสียแต่ว่า…. ”
เย้นหว่านหยุดชะงักไป น้ำเสียงที่พูดขึ้นมาทำให้คนฟังใจอ่อนและสลดใจ ” คุณไม่กลัวว่าฉันจะเหนื่อยตายซะก่อน ”
เมื่อพูดจบ เย้นหว่านก็พุ่งตัวออกจากห้องไป
โห้หลีเฉินนิ่งเกร็งไปหมด นิ้วกำเข้าหากันจนกลายเป็นกำปั้น เมื่อเห็นว่าเย้นหว่านได้ออกไปแล้ว ในสายตาของเขาก็ดูมีอะไรภายในลึกๆ
หลังจากสิ้นเสียงก้าวเดินของเย้นหว่านแล้ว เขากัดฟันกรอดแล้วพูดกับอากาศภายในห้องว่า
” ฉันรู้ว่าแกฟังอยู่ ฉันขอเตือนแกว่า ถ้าพรุ่งนี้แกทำร้ายเย้นหว่านแม้แต่นิดเดียว ฉันจะฆ่าพวกแกทั้งหมดให้ตายเลย ”
” อย่าใช้ลูกมาขู่ฉัน เย้นหว่านคือชีวิตของฉัน ถ้าเธอไปแล้วก็ พวกเราทั้งตระกูลจะตายไปพร้อมกับเธอ! ”
……..
ในค่ำคืนนั้น ที่เงียบสงัด
ภายในห้องที่มีเพียงแสงไฟขมุกขมัวนั้น ชายผู้หนึ่งนั่งลงข้างเตียง เงาสูงใหญ่นั้นมีเสียงที่ดูเย็นชาจนจับใจออกมา
เสียงอันแหบพร่าของเขา ถามขึ้นมานิ่งๆ ” สถานการณ์ฝั่งเย้นหว่านเป็นยังไงบ้าง? ”
” เย้นหว่านทำกับข้าวถึงสามครั้งแล้ว ก็ทนไม่ไหว เลยทะเลาะกับโห้หลีเฉินไปยกใหญ่ ทั้งเขวี้ยงจานเขวี้ยงตะเกียบกับเฟอร์นิเจอร์จนเละตุ้มเป๊ะไปหมด แยกกันไม่ได้ก็ยังทะเลาะกันอยู่จนถึงตอนนี้ ไม่มีใครยอมใคร ”
ชายผู้นั้นพยักหน้า ” แล้วยังไงต่อ? ”
” ถนนละแวกร้านกาแฟยืนนานหรือแม้กระทั่งคนที่อยู่ภายในนั้น ก็ถูกกำจัดออกมาแล้ว ตอนนี้ภายในล้วนเป็นคนมีฝีมือที่ตระกูลเย้นได้จัดเตรียมเอาไว้ คุ้มกันไม่ต่ำกว่าสิบชั้น นี่อาจจะเรียกได้ว่าเขาเห็นแล้วมันเต่าในไห ”
” เหอะ ”
ชายผู้นั้นแค่นหัวเราะ ” เธอคิดว่าป่ายฉีเป็นหมอเทวดาอันดับหนึ่งของโลกหรือไง ช่างไม่รู้อะไรซะเลย ตอนนั้นก็ไม่เห็นตรวจสอบถึงความสามารถของตัวยาที่ทำให้แข็งแกร่งออกมาได้เลย ก็เลยไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แถมยังสงสัยโห้หลีเฉินว่าโดนพวกเราล้างสมองหรือเปล่า ช่างอ่อนต่อโลกและโง่เขลาเสียจริง ”
” ตอนนี้ฉันชักจะอดใจรอได้พบหน้ากันวันพรุ่งนี้ไม่ไหวเสียด้วยสิ ฉันอยากจะเห็นด้วยตาตัวเอง เมื่อเย้นหว่านเห็นหลักฐานตรงหน้านั้นโดนทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ฉันอยากจะรู้ว่า เธอยังจะอวดดียังไงได้อีก เมื่อถึงตอนนั้น เธอก็จะต้องส่งคืนบริษัท ตี้เหา จำกัดกลับมาให้ฉัน และแม้กระทั่ง…. ”
น้ำเสียงชายที่กำลังพูดอยู่นั้นยิ่งเปล่งวาจามากๆ ก็ยิ่งดูร้ายกาจ ” ฉันก็จะให้เธอ เอาตระกูลเย้นถ่วงน้ำลงมาพร้อมกัน ”
เย้นหว่านคือจุดหมายสุดท้ายและจุดหมายเดียวของพวกเขา
การหลอกใช้โห้หลีเฉิน คืออำนาจและความสามารถที่ยิ่งใหญ่ในการทำธุรกิจของเขา ภายในระยะเวลาสามปีสั้นๆ จากพื้นต่ำกลายเป็นตึกสูง แถมยังสั่งสร้างธุรกิจระหว่างประเทศที่เลื่องชื่อระดับโลก อย่างบริษัท ตี้เหา จำกัด
ถึงแม้ตอนนี้บริษัท ตี้เหา จำกัดจะถูกลากลงมาจากจุดสูงสุด แต่ยังไงอูฐที่ผอมแห้งก็ยังตัวใหญ่กว่าม้าอยู่ดี ถ้าค่อยๆ พัฒนา ก็สามารถกลับมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกได้อีกครั้ง
แต่เย้นหว่าน เธอคือตัวBUG และเป็นตัวโกง
ถ้าได้ควบคุมเย้นหว่าน และให้เธอรับใช้เขา เท่ากับว่าทั้งหมดของตระกูลเย้นก็มาอยู่ในมือของเขาด้วย ถึงตอนนั้นตระกูลเย้นกับบริษัท ตี้เหา จำกัดก็มาผนวกรวมกัน กลายเป็นที่สุดของโลกใบนี้
หากถึงเวลานั้น ทั้งโลกก็คงอยู่ในกำมือของเขาเช่นกัน ปณิธานที่ยิ่งใหญ่ที่มีมาหลายปีของเขา ในที่สุดก็สำแดงผล
” ได้พาตัวหานจื่อกลับมาหรือยัง? ” ชายวัยกลางคนเก็บความตื่นเต้นไว้ในใจแล้วถามออกมา
พรุ่งนี้จะทำให้เย้นหว่านเชื่อได้อย่างรวดเร็วหรือจะควบคุมเธอได้ไหม หานจื่อคือคนสำคัญของเรื่องนี้
เพียงนิ้วของเขาขยับเบาๆ แค่นิดเดียว ให้หานจื่อตายต่อหน้าเย้นหว่าน ยังไงเสียเย้นหว่านก็ต้องเชื่อ
” เราได้ส่งคนไปแปดกลุ่มแล้วครับ แต่เย้นหว่านได้คุ้มกันความปลอดภัยของโห้หลีเฉินเอาไว้ และเตรียมการอย่างเพียงพอ จึงทำให้การคุ้มกันมีประสิทธิภาพมาก จนเหมือนกับตึกที่ล้อมด้วยถังเหล็กอย่างไรอย่างนั้น คนของเราทั้งหมดเลยต้องกลับมา ”
” ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ”
ชายผู้นั้นเริ่มโกรธ ” ส่งคนไปอีกครั้ง คืนนี้ต้องได้ตัวหานจื่อกลับมา! ”
” ครับ รับทราบ ”
……….
ในค่ำคืนที่มีลมแรง ขนาดนั้นเอง มีรถเอสยูวีธรรมดาคันหนึ่งขับเข้ามาด้วยความเร็วปานลมกรด
เมื่อขับมาถึงเมืองเจียงที่อยู่ติดกับเมืองหนานแล้ว ก็จอดรถ บริเวณถนนเปลี่ยวซึ่งไร้ผู้คน
ประตูรถถูกเปิดออก ก็มีหญิงคนหนึ่งใส่หมวกสีดำ สวมแว่นดำ พร้อมหน้ากากสีดำ ทั้งตัวแต่งกายด้วยความมิดชิดลงมาจากรถ
หลังจากที่เธอลงมาแล้ว รถเอสยูวีคันนั้นก็รีบขับออกไปทันที
หญิงสาวมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครแล้ว ก็รีบสาวเท้าเข้าไปในป่า ที่ไม่เปิดไม่เปิดแม่แต่ไฟ ดวงตาทั้งสองราวกับมองเห็นได้ในที่มืด และเดินเข้าไปในป่าเรื่อยๆ
หลังจากเดินเข้าไปแล้วสิบนาที ก็ไปโผล่อีกที่ที่หนึ่ง
เธอก็ไปหยุดอยู่ตรงต้นไม้เล็กๆ ที่แขวนถูกแขวนไว้ด้วยกระโปรงสีแดง เธอมองไปที่เสื้อผ้าที่ถูกแขวนอยู่ ก็หยิบกระโปรงอีกตัวที่ลักษณะพอๆ กันออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็เอาทั้งสองมาเทียบเข้าด้วยกัน จนเนื้อผ้าแนบสนิท
หญิงสาวจึงรีบหยิบกระโปรงทั้งสองตัวเก็บเอาไว้ แล้วมองไปที่ความมืดรอบทิศ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมากเท่าไหร่:
” ฉันคือเย้นหว่าน ฉันมาแล้ว ”
เมื่อเสียงของเธอดังออกมา บริเวณนั้นมืดสนิท ภายในป่าเงียบและไร้ซึ่งผู้คน จู่ๆ รอบข้างก็มีเสียงซอกแซกขึ้นมา
แล้วก็มีเงามืดขนาดใหญ่หลายอัน กระจายกันออกมาราวกับมันฟุ้งอยู่บนอากาศ ที่ออกมาจากความมืด
หนึ่งในนั้นก็มีใครบางคน เดินออกมาอย่างรวดเร็ว คนคนนั้นสาวเท้าและเดินพุ่งเข้ามาตรงหน้าเย้นหว่าน ไม่พูดไม่จาสักคำ และกอดเธอไว้แน่น