หานจื่อเริ่มออกแรงโจมตีหนักกว่าเดิม ราวกับว่าถูกยั่วให้โมโหจนอยากจะสั่งสอนเขาให้รู้แล้วรู้รอด
ป่ายฉีถูกบีบให้ต้องรับมือ แต่ก็พูดไปเรียนแบบไม่ค่อยพึ่งใจนัก ” จะไม่กินจริงๆ เหรอ? เธอไม่หิวหรือไง? กลิ่นอาหารหอมขนาดนี้ รสชาติต้องอร่อยแหงๆ ”
ใบหน้าของดูหานจื่อเย็นชามากกว่าเดิม
เป้าหมายที่จะสู้จนสุดแรงนั้นเริ่มไม่มั่นคง เธอพยายามกดความรู้สึกที่ไม่ควรมีเอาไว้ แล้วจู่โจมอย่างต่อเนื่อง
เย้นหว่านวางกล่องข้าวเสร็จ ก็ถือข้าวอีกสองกล่องไป
” พวกเธออย่าลืมกินล่ะ เดี๋ยวฉันขอไปกินข้าวกับคุณโห้ก่อนนะ ”
ว่าแล้วเธอก็ผละออกจากคู่ต่อสู้ที่แยกยากตรงลานบ้านไป จากนั้นก็เข้าไปในตัวคฤหาสน์แล้วขึ้นไปชั้นบน
เมื่อเปิดประตูแล้ว ก็เห็นชายที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าถมึงทึง พร้อมปล่อยรังสีความเย็นชาแผ่ออกมา
เมื่อได้ยินเสียงเธอเปิดประตูแล้ว ก็ไม่ได้หันหน้ามามองแต่อย่างใด
เย้นหว่านก็ไม่ได้ใส่ใจ เธอยิ้มแล้วเดินไปทางเขา ” คุณโห้ หิวรึยังเอ่ย ฉันให้คนทำอาหารที่คุณชอบมาด้วยนะ ”
คุณโห้ยกโต๊ะตัวเล็กมาวางไว้บนเตียง จากนั้นก็วางกล่องข้าวลงบนโต๊ะ
กลิ่นหอมของอาหารตลบอบอวลไปทั่วห้อง
เย้นหว่านทำท่าทำทางดูตะกละตะกลามน้ำลายไหล จากนั้นก็เข้าไปลากตัวโห้หลีเฉิน
” หอมจังเลย โห้หลีเฉิน มาเร็ว มากินข้าวกัน ”
โห้หลีเฉินยังคงนั่งที่เดิมไม่ตอบสนองใดๆ ราวกับรูปปั้นน้ำแข็งที่ไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้
เย้นหว่านนึกอะไรสนุกขึ้นมาได้ ตอนเช้าใช้วิธีโมโหโวยวายไม่ได้ผล ตอนนี้เลยเปลี่ยนวิธีเป็น เย็นชาไม่สนใจอย่างงั้นเหรอ?
วิธีนี้ ไม่ได้ผลกับเธอหรอกนะ
เย้นหว่านทำนิ้วเหมือนปูไต่เดินไล่ไปมาบนไหล่ของเขา สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงข้างหู แล้วค่อยๆ ยั่วเย้าที่ใบหูของเขาเบาๆ เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลงว่า
” คุณโห้ เมื่อก่อนฉันเคยดูละครเกี่ยวกับภรรยาที่ถูกจองจำบ่อยๆ ปกติแล้วเวลาฝ่ายหญิงงอน หรือไม่มีความสุข ประธานจอมเผด็จการก็จะใช้วิธีง้อเธอโดยการ……. ”
ริมฝีปากของเย้นหว่านขยับเข้าไปใกล้หูของโห้หลีเฉิน แล้วพ่นลมร้อนเข้าไปที่ใบหูของเขา ” ธนูแข็งของนเรศวรยังไงล่ะ ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมร้อนที่เป่าเข้าหูทำให้รู้สึกจั๊กจี้ หรือคำพูดของเธอมันร้อนแรงเกินเหตุ ร่างกายที่แข็งทื่อของโห้หลีเฉินจึงอดไม่ได้ที่จะสั่นระรัว
เข้าตำหนิเธอด้วยน้ำอดน้ำทนอันน้อยนิด ” เย้นหว่าน คุณเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่? ”
เย้นหว่านโอบรอบคอของโห้หลีเฉินแล้วพลิกตัวเอาหน้าซุกไปที่ตัวของเขา เธอหัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า ” แล้วคุณไม่ชอบเหรอ? ”
ไฟในดวงตาของโห้หลีเฉินเป็นประกายขึ้นมา ปากบางนั้นเม้มเป็นเส้นตรงในทันใด
เย้นหว่านยิ้มอย่างชอบอกชอบใจ
ผู้ชายที่แม้แต่จะปากไม่ตรงกับใจยังทำไม่ได้อย่างเขา ที่แท้ก็ชอบวิธีขืนใจแบบนี้นี่เอง
” แต่ว่า คืนนี้ฉันต้องไปทำธุระที่บริษัทสักหน่อย ตอนนี้ก็คงจะไม่ได้ งั้นเรากินข้าวกันก่อนเถอะ ”
เย้นหว่านโอบรอบคอเขา ส่งผลให้ตัวเธอเอนลงไป ราวกับว่ากำลังหกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เพื่อที่จะกันไม่ให้ตัวเธอร่วงลงจากเตียง โห้หลีเฉินก็จำใจต้องกางแขนเพื่อดึงเธอเอาไว้
ใบหน้าของเขายังคงนิ่งสงบอยู่เช่นเดิม ” ไม่กิน ”
เจ้าตัวพยายามต่อต้านจนถึงที่สุด
” ไม่กินจริงๆ เหรอ? ” เย้นหว่านมองเขาแล้วทำตาปริบๆ
แต่ท่าทีของโห้หลีเฉินยังคงหนักแน่น
เย้นหว่านถอนหายใจ พลางเอามือลูบท้อง พูดต่ออย่างตัดพ้อว่า ” วันนี้ทั้งวันฉันยังไม่ได้กินข้าวเลย ยากมากเลยที่จะมีเวลาว่างแล้วแอบกลับมากินข้าวกับคุณแบบนี้ คุณก็ไม่ยอมกินอีก ฉันก็กินไม่ลงเหมือนกัน ”
” สามีภรรยายามตกทุกข์หรือยามมีสุขก็ต้องแบ่งปันกัน ถ้าคุณหิว ฉันก็พร้อมจะหิวไปกับคุณด้วยนั่นแหละ ”
โห้หลีเฉินปวดขมับจนแทบจะกระเด็นออกมา ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมกินข้าวตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยเหรอ?
ให้ตายเถอะ
สุขภาพของตัวเองแท้ๆ ดันไม่สนใจ
โห้หลีเฉินโกรธจนแทบจะเป็นฟืนเป็นไฟ เขาประคองคอของเย้นหว่านขึ้น แล้วให้เธอนั่งลงที่ข้างโต๊ะเล็กดีๆ
เขาหยิบตะเกียบยัดลงไปในมือเธอ แล้วพูดออกคำสั่ง ” กินให้หมด ”
เย้นหว่านยังคงกะพริบตาปริบๆ มองไปยังเขา ” กินคนเดียวฉันกินไม่ลงอ่ะ ”
โห้หลีเฉินทำหน้านิ่งพร้อมหยิบตะเกียบอีกคู่หนึ่งขึ้นมา แล้วเริ่มก้มหน้าก้มตากินอาหาร
เนื่องจากโซ่เหล็กบนมือที่ถูกลากดึงทำให้เวลาที่เขาขยับก็จะเกิดเสียงตึงตังดังขึ้น แต่อากัปกิริยาของเขายังคงดูสง่างามราวกับรูปวาด ดูดีจนทำให้คนที่ได้เห็นเกิดความอยากอาหาร
เย้นหว่านก็หิวแล้วจริงๆ เลยคีบอาหารด้วยความดีอกดีใจ
ถึงการกินข้าวก็คือกินข้าว แต่โห้หลีเฉินก็วังคงถูกล็อกไว้อยู่ เลยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก การต่อต้านจึงยังต้องดำเนินต่อไป เพราะอย่านั้น ขณะที่กินข้าวก็ไม่มีการพูดจาอะไรกับเย้นหว่านเลยสักคำ
เย้นหว่านก็พูดพร่ำไปหลายประโยค แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา และไม่ได้รับความสนใจจากเขาเลย
ทั้งสองนั่งกินข้าวเงียบๆ จนเสร็จ เย้นหว่านเห็นว่าโห้หลีเฉินกินข้าวในกล่องจนหมด ก็เลิกคิ้ว
” คุณโห้ คุณก็หิวเหมือนกันเหรอ หรือรู้สึกว่ากับข้าวมันอร่อย หรือว่าจะเป็นเพราะถูกฉันขังอยู่ในกรงทองแบบนี้กันแน่นะ คุณดูสุขใจดีนะ? ”
แลดูเธอภูมิใจในสิ่งที่ทำ โห้หลีเฉินก็ไม่อยากจะสนใจเธอ
เขานั่งลงไปบนเตียงอีกครั้ง ใบหน้าที่เฉยชานั้น เริ่มกลับไปทำตัวเป็นรูปปั้นน้ำแข็งที่แผ่รังสีเย็นชาเช่นเดิม
ดูจากสีท้องฟ้าก็เริ่มจะเย็นมากแล้ว เย้นหว่านก็เก็บกล่องข้าวที่กินเสร็จแล้วขึ้นมา
เธอกำลังจะเดินออกไปแล้ว แต่ก่อนออกไป เธอยิ้มตาหยีให้โห้หลีเฉิน แล้วพูดว่า ” คุณโห้ฉันเอาคุณมาซ่อนไว้ ฉันมีความสุขจริงๆ นะ ”
นี่คือเรื่องที่เธออยากจะทำตั้งนานแล้ว การที่เอาเขามาซ่อนไว้ แล้วได้เห็นเขาแค่คนเดียว
เขาจะเป็นแค่ของเธอคนเดียวเท่านั้น
โห้หลีเฉินเบื่อที่จะสนใจเธอแล้ว
ใบหน้าของเย้นหว่านผุดเป็นรอยยิ้มที่ดูตลกขบขัน ถือกล่องข้าวออกไปอย่างอารมณ์ดี
จนถึงคราวที่เธอออกไปแล้ว เมื่อประตูถูกปิดจากข้างนอก น้ำแข็งอันเย็นชาที่เกาะอยู่บนตัวของเขาเริ่มละลายกลายเป็นน้ำ
สายตาของเขายังคงจดจ้องไปที่ประตู ในดวงตานั้นเหมือนมีความกังวลไหลเวียนอยู่
ขำพูดพึมพำเสียงเบา ” เย้นหว่าน ระวังตัวด้วย ”
หลังจากออกมาเย้นหว่านจากประตูใหญ่แล้ว ก็เห็นป่ายฉีกับหานจื่อสู้กันตัวติดหนึบ กับข้าวที่วางบนโต๊ะหินอ่อนก็ยังไม่ขยับไปไหนเหมือนเดิม
ในใจของเธอ ก็แอบกังวลรอยแผลของป่ายฉี
แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา เธอเพียงแค่พูดล้อเล่นออกมาว่า:
” ป่ายฉี หานจื่อ คนฝีมือระดับสูงอย่างพวกเธอเวลามีความรักคงทำตัวไม่เหมือนคู่รักทั่วไปสินะ เวลาต่อสู้กันก็แยกยากเสียเหลือเกิน แม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่อยากเสียเวลา ถ้ายิ่งสู้กันแบบนี้ก็จะยิ่งมีความรู้สึกนะ จะหยุดก็หยุดไม่ได้ ความรู้สึกที่น่าตื่นเต้นและเร่าร้อนแบบนี้ มันทำให้ฉันอิจฉานะเนี่ย ”
มีความรัก?
มุมปากของหานจื่อกระตุกขึ้นมา เริ่มที่จะรับมือพลาด
ป่ายฉีจึงใช้โอกาสนี้กระโดดหลีกไป แล้วพูดกับเย้นหว่านว่า:
” อย่าเอาแต่พูดไร้สาระอยู่ตรงนั้นเลย ความสัมพันธ์ของผมกับหานจื่อมันไม่มีอะไรสักหน่อย! ”
“อ้อ ฉันคงเข้าใจผิดไป มันคงไม่มีอะไรจริงๆ นั่นแหละ เพราะนายชอบคนอื่นเขาอยู่แค่ฝ่ายเดียว สาวน้อยคนนั้นเขาไม่ได้ชอบนายนี่นา ” เย้นหว่านพูด
ป่ายฉีรู้สึกเหมือนมีธนูหมื่นเล่มมาทะลวงที่หัวใจชั่วขณะ ช่างดูต่ำต้อยเสียจริง
แต่……..
เข้าไม่ได้ชอบหานจื่อสักหน่อย ทำไมต้องโดนเย้นหว่านให้เอามาพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องจริงด้วยล่ะ?
” ไปไป เธอรีบไปไกลๆ เลย อย่ามาอยู่ตรงนี้ขวางหูขวางตา ยังไม่ทันได้โดนหานจื่อฆ่าตาย ก็คงโกรธเธอจนตายไปเสียก่อน ”
ถ้าโดนคนส่งแขกขนาดนี้แล้วยังไม่ไปก็คงดูไม่ดีเท่าไหร่
เย้นหว่านยักไหล่ แล้วบอกลาหานจื่อ
” สาวน้อยหานจื่อจ๊ะ ฉันไปก่อนนะ ถ้าพรุ่งนี้เธอยังอยู่ล่ะก็ ฉันจะกลับมาคุยกับเธออีกก็แล้วกัน ”
หานจื่อเม้มมปากแน่น
พรุ่งนี้สวรรค์วิมานอะไรกัน คืนนี้เธอจะต้องเอาชีวิตป่ายฉีไปให้ได้
หลังจากที่เย้นหว่านไปแล้ว หานจื่อกับป่ายฉีก็ยังคงสู้กันต่ออย่างบ้าคลั่ง แต่ชายใส่สูทดำคนอื่น ก็ไม่ได้อยู่ป้องกันแต่อย่างใด ต่างคนต่างกลับไปประจำการที่ของตัวเอง และรักษาความปลอดภัยคฤหาสน์ต่อ
ส่วนป่ายฉีกับหานจื่อ ก็ให้พวกเขาซัดกันให้หนำใจเถอะ
เพราะคุณนายก็ได้บอกแล้ว คนกำลังไกล่เกลี่ยกัน พวกเขาเข้าไปยุ่งก็เปลืองแรงเปล่า