กินอะไรที่คุ้นเคยก็ลอยเข้ามาในจมูก เหมือนตอนนี้หัวใจของเย้นหว่านกำลังเริ่มอ่อนแรงและเจ็บแปลบๆ เธอจึงรีบใช้แรงผละออกจากอ้อมกอดของเขา
” พี่ชาย……… ”
เสียงของเย้นหว่านจุกอยู่ในลำคอ ความคิดถึงที่สะสมมาตลอดสามปีได้ระเบิดออกมาหมดแล้ว
คางของเย้นโม่หลินคล้ำลงบนไหล่ของเธอ งั้นกอดเธอแน่นกว่าเดิม ” เจ้าเด็กน้อย กลับมาตั้งนานแล้ว ไม่คิดจะกลับบ้านบ้างหรือไง ”
ไม่ขณะที่เขาบ่นเธอ คำพูดและน้ำเสียงนั้นก็ไม่อาจปิดบังถึงความอ่อนโยนที่มีให้ได้เลย
” หลังจากคืนนี้ พี่คะ พาฉันกลับบ้านด้วยนะ ” เย้นหว่านหัวเราะขณะที่จุกอยู่ในลำคอ
จากที่รอบทิศนั้นดูมืดสนิท เมื่อเจอเขาแล้ว ก็เหมือนได้เจอกับความหวังและแสงสว่างที่เป็นประกายอยู่ข้างหน้า
ในที่สุดเธอก็ใกล้จะสิ้นสุดเรื่องนี้สักที
” ได้สิ พี่จะพาเธอกลับบ้าน ”
เย้นโม่หลินตอบเธออย่างชัดถ้อยชัดคำไม่เฉไฉ ราวกับว่ากำลังสาบาน หรือสัญญาอะไรบางอย่างอยู่
ครั้งนี้เขาดูบ่นน้อยลงมาหน่อย หลังจากผละออกจากอ้อมกอดน้องสาวแล้ว ก็วางมือใหญ่ๆ นั้นลงที่แก้มของเธอ และลูบไปที่ผมของเธอด้วย
” ยังดีที่เธอปลอดภัยไม่เกิดเรื่องอะไร ไม่อย่างงั้นฉันต้องจัดการโห้หลีเฉิน ไอ้หมอนั่นให้ได้ แต่ยังไงก็คงสู้เขาไม่ไหว เห็นว่าเธอผอมลงมาตั้งเยอะเลยนะ ”
คำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่าครอบครัวเธอนั้นกำลังปกป้องเธออยู่เต็มๆ
เย้นหว่านรู้สึกอบอุ่นใจมาก เหมือนแมวน้อยตัวเล็กกำลังถูไถอยู่กับมือของเย้นโม่หลิน
” รอพรุ่งนี้ เธออยากจะลงโทษเขายังไงก็ทำไป พี่จะไม่ห้าม ”
ทำไมเชื่อฟังแบบนี้เนี่ย? นี่ไม่คิดจะปกป้องโห้หลีเฉินหน่อยเหรอ?
เย้นโม่หลินรู้สึกแปลกใจ เพียงแต่แปลกใจที่ว่าเรื่องมันเหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากล ระหว่างเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่?
หรือว่าเป็นเพราะโห้หลีเฉิน ไอ้หมอนั่นมันจะหลอกเย้นหว่าน ถ้าเป็นจริงอย่างที่ว่า ก็คงทำร้ายจิตใจเย้นหว่านจนบอบช้ำไปหมดแล้ว
เย้นโม่หลินเหมือนแผ่รังสีความโหดเหี้ยมออกมา นิ้วทั้งหมดกำจนกลายเป็นกำปั้น จนเป็นเสียง ” กรอบแกรบๆ ” ดังออกมา
หลังจากพรุ่งนี้ เขาคงต้องจัดการโห้หลีเฉินสักยก ให้มันร้อนรู้หนาวเสียบ้าง ครอบครัวฝ่ายหญิงยังมีคำสอนแบบนี้อยู่
” เสี่ยวหว่าน ”
อีกฝั่งที่ไม่ไกลออกไป ก็มีร่างสูงใหญ่ที่ต่างจากคนอื่นออกมา และยืนห่างออกไปทางด้านข้างของเย้นหว่านก้าวหนึ่ง
แต่ก็เป็นตำแหน่งที่ใกล้มาก
น้ำเสียงนี้ที่แสนจะคุ้นเคย
เย้นหว่านหันไปมองเขา แล้วยิ้มเล็กๆ ” ถังจุ้ย ”
ถังจุ้ยสูงขึ้นกว่าสามปีที่ผ่านมามาก ร่างกายดูสูงใหญ่และกำยำ ในระหว่างสามปีนี้ ก็คงเติบโตจากวัยรุ่นไปสู่ชายที่เป็นผู้ใหญ่และเติบโตอย่างสง่างาม
เขาดูสุขุมขึ้นเป็นกอง น้ำเสียงก็ฟังดูทุ้ม สงบนิ่ง ดูควบคุมความรู้สึกต่างๆ ได้มากขึ้น
เขาพูดว่า ” สามปีมานี้… เธอยังสบายดีอยู่ใช่ไหม? ”
สามปีก่อน เขากับเย้นหว่านปรึกษากันว่า จะว่าระเบิดเพื่อสังหารหยูฉู่สอง แต่เรื่องไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจนสลบไป เย้นหว่านจึงต้องประเชิญหน้าคนเดียว ทำให้ไม่สามารถถอยกลับได้แถมยังถูกฝังทั้งเป็น
เรื่องนี้ มันถูกฝังในใจของถังจุ้ยมาโดยตลอด ทำให้เขารู้สึกว่าอายแก่ใจ และเสียใจเป็นอย่างมาก
ในสามปีนี้ เขาใช้เวลาและพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองแข็งแรงขึ้น แล้วก็ไม่เคยที่จะหยุดตามหาเย้นหว่านเลย แต่พอครั้งแรกที่ได้รู้ว่าเย้นหว่านปรากฏตัวอีกครั้งในเมืองหนาน ใครจะรู้ว่าเขาดีใจมากแค่ไหน
ความรู้สึกมันราวกับหินยักษ์ที่ถูกแขวนอยู่บนศีรษะ
ในที่สุดมันก็ได้ร่วงมาแล้ว
แต่ใจที่ละอายต่อเธอนั้น ก็ยังคงมีมาจนถึงทุกวันนี้
” ฉันสบายดี เป็นเพราะฉู่หยุนซีช่วยฉันเอาไว้ เขาดีกับฉันมาก ไม่เคยทำให้ฉันลำบากใจเลยสักครั้ง ไม่เพียงแค่ทำของอร่อยและดูแลฉันอย่างดีเท่านั้นนะ เขายังสอนอะไรฉันหลายอย่างด้วย ”
ใบหน้าของเย้นหว่านผุดเป็นรอยยิ้มขึ้นมา น้ำเสียงดูผ่อนคลาย ราวกับกำลังพูดถึงวันที่ได้ออกไปเที่ยวพักผ่อนแล้วมีความสุข
ถังจุ้ยได้ยินแล้วก็เริ่มผ่อนคลายลงมา และพูดพึมพำกับตัวเองว่า ” สบายดีก็ดีแล้ว ”
เย้นหว่านเดินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าถังจุ้ย จู่ๆ ก็ยื่นมือออกมา แล้วกอดเขาเบาๆ
ตอนนี้ถังจุ้ยสูงถึง189เซนติเมตร ตัวสูงใหญ่และร่างกำยำ ท่าทีที่เย้นหว่านกอดเขาดูเหมือนลูกเจี๊ยบที่เข้ามาคลอเคลียคน
ถังจุ้ยยืนแข็งทื่อราวกับเป็นก้อนหิน
เขาไม่นึกว่าเย้นหว่านจะกอดเขาแบบนี้
ถึงแม้เมื่อก่อนความสัมพันธ์จะไม่ค่อยดีนะ แต่มันก็แค่……
” ถังจุ้ย ขอบใจนะ ” เย้นหว่านพูดเบาๆ
” อะไรนะ? ” ถังจุ้ยตกตะลึง
” ตอนแรกที่หนีออกมาจากท่อตอนนั้น แล้วมันพังลงมา นายเป็นคนใช้ร่างกายปกป้องฉันเอาไว้ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันก็คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่ฉันก็ไม่เคยพูดขอบคุณต่อหน้านายเลย จริงๆ นะ ฉันขอบคุณนายจริงๆ ”
น้ำเสียงของเย้นหว่านดูซื่อตรงและอ่อนโยน
ร่างกายของถังจุ้ยอดไม่ได้ที่จะสั่นเทิ้ม เรื่องนั้นคือความเจ็บปวดที่อยู่ในใจเขาจนไม่กล้าพูดมันออกมา
มันเป็นเพราะว่าในตอนนั้นที่เขาได้รับบาดเจ็บ จนสลบไปแล้วไม่ฟื้น ก็เลยช่วยเย้นหว่านไม่ได้ จึงทำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย
แต่พอตอนนี้เธอพูดออกมา ว่าขอบคุณเขาที่ตอนนั้นช่วยชีวิตเธอไว้
เสียงของถังจุ้ยแห้งและนิ่งถึงขีดสุด ” แต่ฉันไม่ได้ช่วยเธอสังหารหยูฉู่สองเลยด้วยซ้ำ ทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย อีกนิดก็….. ”
เสียงของเขามันจุกอยู่ในลำคอ พูดต่อไปไม่ไหว
ตอนแรกมีข่าวลือว่า เย้นหว่านถูกฝังทั้งเป็นจนตายไปแล้ว ตอนนั้นเหมือนโลกของเขาทั้งใบแตกสลาย
ตั้งแต่เล็กเขาถูกจัดให้เติบโตในที่ที่เย็นชาและไร้ซึ่งความรู้สึก เขาไม่มีคนรักหรือครอบครัวที่อยู่ข้างกาย ไม่มีเพื่อน นอกจากงานและหน้าที่ที่ต้องทำก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
แต่หลังจากที่เขามาเจอกับเย้นหว่าน เธอได้พาเขาให้หลุดพ้นจากทะเลแห่งความเจ็บปวด ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ และได้กลายเป็นเพื่อนที่รู้ใจของเขา
ในตัวของเย้นหว่านนั้น เขาได้มองเห็นความหวังและแสงสว่างที่จะมีชีวิตอยู่ และก็เป็นเย้นหว่านที่ให้ชื่อถังจุ้ยกับเขา
แต่ตอนนั้น คนที่เขาแคร์เพียงคนเดียว และเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว กลับตายจากไป
โดยที่เขาช่วยอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
สำหรับถังจุ้ยแล้ว มันคือการที่โลกแตกแผ่นดินสลายที่กระหน่ำเข้าหาตัวเขามาอย่างแท้จริง มันทำให้เขาโทษตัวเองจนแทบบ้า และรู้สึกละอายใจจนอยากตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ถ้าไม่ใช่ตอนนั้นไม่เจอร่างของเย้นหว่าน เขาก็คงคว้านท้องฆ่าตัวตายตามไปแล้ว
” ถ้าตอนนั้นไม่มีนายที่ค่อยเอาร่างกันฉันไว้ แล้วได้ช่วยชีวิตของฉัน ฉันก็คงไม่สามารถมีชีวิตต่อเพื่อไปสังหารหยูฉู่สองได้ ถ้าจะให้พูดก็คือ ฉันกับนายต้องเคียงบ่าเคียงไหล่กันสิ ”
ภายในความมืดที่มองไม่เห็นอะไรเลย ในสายตาของเย้นหว่านกลับรู้สึกได้ถึงความสว่างไสว บนใบหน้าเธอแต้มด้วยรอยยิ้มแล้วมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้า
” ถังจุ้ย นายคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ”
คำคำนี้มันช่างดูมั่นใจและแน่วแน่มาก
ดวงตาของถังจุ้ยเป็นประกายออกมา แล้วจ้องไปยังเย้นหว่าน หินที่ถูกทับอยู่ในใจ ขณะนี้ได้สลายหายไปแล้ว
สามปีมานี้ เขาเพิ่งจะรู้สึกได้ถึงการปล่อยวางอย่างบอกไม่ถูก
จมูกเขาเจ็บแปลบๆ น้ำเสียงดูแน่วแน่และมั่นใจ ” ใช่ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หลังจากนี้ถ้าเธอต้องการ ฉันก็จะอยู่ตรงนี้เสมอ ”
วินาทีที่รู้ว่าเย้นหว่านยังคงมีชีวิตอยู่ เป้าหมายในชีวิตของเขา คือการได้ปกป้องเธอ
เพียงแค่เธอต้องการ เขาก็พร้อมที่จะอยู่ข้างเธอตลอดเวลา
” ฮ่าๆ ดีมาก เป็นเกียรติกับตัวฉันจริงๆ ”
เย้นหว่านดีใจแล้วตบไปที่บ่าของถังจุ้ย ภายในเสียงหัวเราะนั้น ความเจ็บปวดที่เคยผ่านมาก็พลอยมลายหายไป
หลังจากผ่านค่ำคืนที่มืดมน แสงสว่างก็เริ่มมาถึง
หลังจากทักทายและถามสารทุกข์สุกดิบกันแล้ว เย้นหว่านก็ไม่รีรอ รีบกลับไปอยู่ในท่าทีที่สงบและเคร่งขรึม
เธอถามขึ้นว่า ” ยืนยันตำแหน่งที่แน่ชัดออกมาหรือยัง? ”
” ยืนยันออกมาแล้ว อยู่ที่ใต้โรงงานไฟฟ้านั่น ” เย้นโม่หลินตอบ ” แต่ดูจากตำแหน่งในมือถือ ดูแค่จุดที่ตั้ง แต่ตำแหน่งที่ละเอียดและแน่นอนกับทางออก ยังไม่กล้าให้คนเข้าไปตรวจสอบ เพราะกลัวจะแหวกหญ้าแล้วงูตื่น ”
นี่คือซ่องโจรของเราผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด
เก่อหรูซวนใช้วิธีติดต่อผ่านโทรศัพท์ จึงให้แฮ็คเกอร์ช่วยระบุตำแหน่งที่ตั้งลงมา
นี่เป็นเพราะทำไมเย้นหว่านถึงไม่เก็บโทรศัพท์ของเก่อหรูซวนเอาไว้ เป็นเพราะเธอต้องการอยากจะหามูลเหตุให้ได้