เย้นหว่านมองไปยังสองคนที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดข้างนอก มุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่บอกไม่ถูก
” ศัตรูบางคน พอมองดูดีๆ แล้วก็ไม่ใช่ศัตรูที่แท้จริงหรอกนะ ”
ถ้าไม่ใช่ศัตรูที่แท้จริง แล้วมันเป็นศัตรูตัวปลอมหรือไง?
หญิงสาวก็มองออกไปข้างนอกเพื่อมองหานจื่อ ดูยังไงก็สู้พร้อมตั้งรับเอาเป็นเอาตาย ไม่ออมมือเลยสักนิด ถ้าเธอเป็นศัตรูตัวปลอมล่ะก็ ดูยังไงก็ดูไม่ออก
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็ไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเย้นหว่านอีกแล้ว
ตอนนี้เวลาก็เหลือน้อยเต็มที ยังมีเรื่องสำคัญที่ยังต้องทำอีก
เย้นหว่านสั่งอะไรกับหญิงสาวนิดหน่อย จึงเดินขึ้นบันได หลังจากที่ขึ้นไปชั้นสองแล้วก็ตรงไปยังห้องนอนทันที
โห้หลีเฉินยังคงทำท่าทีเย่อหยิ่งเหมือนสองวันที่ผ่านมาไม่มีเปลี่ยน อากัปกิริยาที่ดูโกรธและโมโห ทำตัวนิ่งแล้วตรงแด่ว พร้อมนั่งบนเตียงด้วยรังสีความเย็นชาที่แพร่ไปทั้งตัว
เย้นหว่านเห็นจะเริ่มชินแล้ว หัวเราะแล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ เขา
และพูดว่า ” คุณโห้ฉันจะบอกข่าวดีคุณเรื่องหนึ่ง วันนี้ฉันได้เลื่อนขั้นเป็นประธานของบริษัท ตี้เหา จำกัดเชียวนะ คุณโดนเบียดจนตกไปแล้วล่ะ อีกหน่อยก็ไม่ต้องกลับไปทำงานที่บริษัท ตี้เหา จำกัด อยู่บ้านและคอยดูแลฉันก็พอแล้วนะคะ ”
นี่มันข่าวดีกับผีน่ะสิ
โห้หลีเฉินทำหน้าตาแย่กว่าเดิม และไม่อยากจะสนใจเธอ
เย้นหว่านก็พูดต่อว่า ” อีกอย่าง ฉันได้รับสายที่น่าตลกสายหนึ่ง คุณรู้ไหมว่าเขาพูดว่ายังไง? เขาพูดว่าลูกสาวของเราแรบบิท ในตัวยาที่สร้างความแข็งแกร่งนั้นมีอะไรบางอย่าง เพียงแค่เขาควบคุมมันก็สามารถปลิดชีพแรบบิทได้ คุณว่าโลกนี้มีเรื่องน่าอัศจรรย์แบบนี้ด้วยเหรอ อยู่ไกลกันเป็นหลายไมล์ขนาดนั้นยังฆ่าคนได้ ช่างน่าขำเสียจริง ”
สายตาของโห้หลีเฉินกลับสั่นและเบิกขึ้น ใบหน้าขาวซีดทันที
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและดูเศร้าเจียนตาย ” เขาพูดอะไรอีกไหม? ”
” ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วนะ ก็แค่นัดฉันว่าพรุ่งนี้ตอนสิบเอ็ดโมงเจอกัน พอจะยืนยันกับฉันด้วยตัวเองว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริง แล้วจะทำให้ฉันเชื่อเขาแล้วโดนเขาข่มขู่น่ะ ”
เย้นหว่านเริ่มพูดไปหัวเราะไหม ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและการเหยียดหยาม
” เขามันโง่เง่าจริงๆ คิดว่าฉันจะเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนี้เหรอ? ฉันยอมนัดเจอ เพราะจะจับเขามาแล้วฆ่าทิ้งยังไงล่ะ! ”
” ไอ้คนคนนี้มันอยู่เบื้องหลังและคอยชี้นำคุณตลอด และเป็นคนสนับสนุนเก่อหรูซวนด้วยใช่มั้ยล่ะ? ใช้โอกาสที่ฉันไม่อยู่ทำเรื่องแบบนี้กับสามีของฉัน ฉันจะทำให้เขารู้ว่าอะไรคือความเสียใจให้สิ่งที่ทำ และอะไรที่เรียกว่าคิดจะจับตูดเสือแต่ไม่ดูสาระรูปตัวเอง ”
” คุณโห้ คุณวางใจเถอะ หลังจากพรุ่งนี้ ฉันจะให้ป่ายฉีตรวจร่างกายให้คุณ และเอาสิ่งที่พวกเขาใช้ล้างสมองคุณออกให้หมด คุณจะได้เป็นอิสระสักที ”
โห้หลีเฉินกัดฟันแล้วโต้ต่อ ” เย้นหว่าน ผมไม่ได้โดนพวกเขาล้างสมองนะ! ”
” อืม ก็ได้ๆ ไม่โดนก็ไม่โดนสิ ” เย้นหว่านหยิบผ้าคลุมอาบน้ำ พูดพลางเดินไปห้องอาบน้ำ แต่ในน้ำเสียงนั้น ก็ยังดูไม่เชื่อแล้วตอบแบบขอไปทีอยู่ดี
โห้หลีเฉินยู่คิ้วจนแทบบ้า น้ำเสียงดูลนลานไปกว่าเดิม
” เย้นหว่าน คุณต้องเชื่อผมนะ ผมไม่ได้ถูกล้างสมองจริงๆ ผมถูกเพราะเขาควบคุม ที่ไม่ไล่เก่อหรูซวนออก ก็เป็นเพราะชีวิตของแรบบิทอยู่ในกำมือของพวกเขา สิ่งที่เขาพูดมันจริงทั้งหมด พรุ่งนี้คุณอย่าไปเจอเขาเลยนะ แล้วอย่าไปทำอะไรกับเขาด้วย ชีวิตลูกของเราอยู่ในมือเขาแล้ว ”
ก้าวเท้าของเย้นหว่านดูแข็งทื่อ
จากนั้น ก็เดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำทันที ” คุณโห้ เมื่อก่อนคุณไม่ใช่คนที่ชอบพูดเล่นแล้วทำให้ฉันตกใจนี่นา คุณตอนนี้ เปลี่ยนไปจนฉันแทบจะไม่รู้จักแล้วนะ ”
” เย้นหว่าน ผมไม่ได้คิดจะอำคุณ สิ่งที่ผมพูดมันคือความจริง! ” ทุกคำพูดของโห้หลีเฉิน เป็นน้ำเสียงที่เน้นถ้อยคำทั้งหมด และจริงจัง
แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ เย้นหว่านก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังเสียดสี และไม่คิดจะเชื่อ
” ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คุณส่งพวกลูกๆ ไปทำไม ไหนจะแอบอีก? โห้หลีเฉิน เรื่องที่คุณทำทั้งหมดฉันรู้ทุกอย่าง คุณเชื่อฉัน ถึงแม้ว่าคุณจะถูกล้างสมอง ฉันก็จะล้างมันคืนแล้วเอาคุณกลับมาให้ได้ ”
พูดจบ เย้นหว่านเหมือนไม่อยากจะตอบปากต่อคำปัญหานี้กลับโห้หลีเฉินแล้ว ก็เลยย่างขาเข้าไปในห้องน้ำ แล้วปิดประตู
โห้หลีเฉินก็ยังคงตะโกนเสียงดัง ” เย้นหว่าน ผมสาบานว่าผมไม่ได้ถูกล้างสมอง ถ้าผมรอคุณก็คงโดนฟ้าผ่าตายไปแล้วล่ะ ”
แต่ถึงอย่างนั้น เสี่ยงที่ตอบรับเขามา ก็เป็นแค่เสียงน้ำที่ดังมาจากในห้องน้ำเท่านั้น
” ตึ่งตั่ง ตึ่งตั่ง! ”
โห้หลีเฉินกระสับกระส่ายขั้นสุด และพยายามออกแรงฉุดดึงโซ่เหล็กอีกครั้ง เพื่อหวังจะให้มันหลุดออก จนกระทั่งรอบข้อมือเป็นรอยแดงคล้ายแผลฉกรรจ์
แต่นี่มันคือโซ่เหล็กที่ทำเพื่อเขามาโดยเฉพาะ แม้เขาจะสีจนผิวหนังเป็นแผล แต่ก็ไม่สามารถรั้งมัออกมาได้เลยสักนิด
หลังจากนั้นสักพัก เย้นหว่านก็ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำออกมา
เมื่อเธอเห็นว่าข้อมือของโห้หลีเฉินเป็นรอยเลือด ก็ขมวดคิ้ว และพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเย็นชา
” โห้หลีเฉิน คุณคงป่วยไม่เบาเลยนะ ฉันจะจัดการกับคุณที่ทำเรื่องพวกนี้กับคุณ ต้องเอาเลือดมันมาชดใช้! ”
” เย้นหว่าน ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ต่อไป หัวดื้อแบบนี้ เห็นทีคนที่ต้องชดใช้ด้วยเลือดจะต้องเป็นลูกของเราแล้วล่ะ
โห้หลีเฉินดวงตาแดงฉาน เหมือนเทียบจะแหลกออกมาทันตา
เย้นหว่านหยิบกล่องยาแล้วเดินเข้ามา ดึงมือของโห้หลีเฉินออกมาด้วยท่าทางแข็งกร้าว แล้วทำแผลให้เขา
” ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่าจริง พรุ่งนี้คนคนนั้นก็คงยืนยันกับคุณได้ ถ้ามีหลักฐานไร้สาระนั่น ก็เอามันมาฟาดหน้าฉันได้เลย เพราะฉันก็ทนไม่ได้กับการมีอะไรมาทำร้ายลูกสาวของฉันเหมือนกัน ”
เย้นหว่านเอายาหยดลงบนแผลของเขา ” หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ฉันก็จะไม่เชื่อว่าโลกนี้จะมีเรื่องไร้สาระอย่างว่านั่น ”
โห้หลีเฉินกลับจับเข้าไปที่มือของเย้นหว่าน น้ำเสียงก็ยังคงดูเคร่งขรึม
” เย้นหว่าน อย่าไปเลยนะ การนัดเจอครั้งนี้มันไม่ชอบมาพากลแน่ เขามีฝีมือที่แข็งแกร่งมาก ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การที่คุณไปเจอเขาก็เหมือนเอาแผงมีดจ่อคอตัวเอง มันอันตรายเกินไปแล้ว ผมไม่อยากให้คุณต้องได้รับอันตรายใดๆ ทั้งนั้น ผมไม่อยากมห้เกิดเรื่องกับตัวคุณ ”
” วางใจเถอะค่ะ จะไม่เกิดอะไรขึ้นกับฉันหรอก และจะไม่เกิดเรื่องอะไรด้วย สถานที่นัดเจอฉันก็เป็นคนกำหนดเอง ตรงนั้นติดกับถนนหลายสาย และมีคนของฉันคอยควบคุมอยู่ ทางสะดวก คนที่ควรจะห่วงความปลอดภัยของตัวเองที่สุด ต้องเป็นเขาต่างหากล่ะ ”
เย้นหว่านมั่นใจและพูดออกมาด้วยความเชื่อมั่น
ท่าทีที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นในการต่อสู้ครั้งนี้ ได้ตกมาอยู่ในสายตาของโห้หลีเฉิน แต่กระนั้น ผู้ไม่รู้มักกล้าหาญ เช่นเดียวกับวัวแรกเกิดที่ไม่กลัวเสือขย้ำ
” คุณไม่รู้หรอกว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาน่ะ…… ”
” พอเลย อย่าพูดหัวข้อที่ทำให้ฉันไม่อยากอาหารจะได้ไหม ฉันเชื่อว่าพรุ่งนี้เรื่องทุกอย่างจะจบ ครอบครัวเราสี่คนหลังจากนี้จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที ”
เย้นหว่านพูดตัดบทโห้หลีเฉิน จากนั้นก็เก็บกล่องยา แล้วลุกขึ้น ” หิวแล้วล่ะสิ เดี๋ยวฉันไปทำกับข้าวให้คุณกินดีกว่า วันนี้ฉันเข้าครัวเองเชียวนะ กะจะทำอาหารที่คุณชอบไง ”
พูดแล้ว เธอก็จะเดินออกไป โห้หลีเฉินกลับจับมือเธอไว้แน่น
ดวงตาคู่นั้นดูหวาดหวั่นจนเห็นได้ชัด และดูเป็นกังวล ” เย้นหว่าน เรื่องพวกนี้คุณยกให้ผมทำก็พอแล้ว คุณอย่าไปเสี่ยงเลย ให้ผมไปเจรจากับพวกเขาเถอะ ”
” แต่ ฉันไม่เชื่อคุณนี่นา ”
เย้นหว่านใช้มืออีกข้างจังหลังมือของโห้หลีเฉินเอาไว้ แล้วค่อยๆ แงะนิ้วทีละนิ้วของเขาออกไป
แรงของเธอเยอะกว่าแต่ก่อนมาก และการที่แกะนิ้วออก ก็หมายความว่าเธออยากจะต่อต้านโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินถลึงตามองเธอที่แกะนิ้วของเขาออก ความสิ้นหวังหวาดหวั่นจนไร้ซึ่งที่พึ่งนี้ กำลังถาโถมเข้ามาภายในหัวใจของเขา
ความมืดเหมือนจะเริ่มปกคลุมและดูดกลืนเขาเข้าไปเรื่อยๆ