สถานการณ์ในตอนนั้นคับขัน เก่อหรูซวนไม่มีเวลาไปสนใจการถูกติดตามทางโทรศัพท์ และก็ได้โทรศัพท์หาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ส่วนเย้นหว่านก็จงใจแกล้งยืดเวลาการสนทนาให้นานขึ้น
เพื่อที่เวลาจะได้เพียงพอสำหรับให้แฮกเกอร์ติดตามหาตำแหน่งของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
จนกว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังกับเย้นหว่านได้ตกลงนัดเวลากัน เก่อหรูซวนจะต้องคิดว่า เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ค่อยบอกผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องโทรศัพท์ถูกติดตาม แล้วให้พวกเขารีบทำการหลบหนีให้ไว
โดยที่ไม่รู้ว่านี่เป็นการจัดฉากของเย้นหว่าน และไม่มีทางปล่อยให้เธอมีโอกาสนำความไปแจ้งได้
ใช่แล้ว ได้ไปไล่เก่อหรูซวนตั้งแต่เช้า ได้เชิญนักข่าวมาจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต จุดประสงค์ของเย้นหว่านไม่ใช่เพื่อทำลายตี้เหากรุ๊ป แต่เพื่อโทรศัพท์สายนี้
บีบให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังนั่งไม่ติดก้น จนต้องโทรมาเพื่อขอเจรจากับเธอ ทำให้เธอมีโอกาสสืบหาเบาะแสไปถึงต้นตอ หาเจอฐานที่มั่นของพวกเขา
นี่ก็คือจุดประสงค์ของเย้นหว่าน
เธอจึงนัดหมายเวลาเจอกันเป็นสิบโมงเช้าของวันพรุ่งนี้ เพื่อที่จะได้ทำการจู่โจมคืนนี้
ต่อให้ผู้อยู่เบื้องหลังจะมีหูตาอยู่ทุกที่ ก็ต้องคิดไม่ถึงว่าเย้นหว่านที่อยู่ในวิลล่าตอนนี้นั้น ไม่ใช่ตัวจริง และเธอที่เป็นตัวจริงก็ได้มาแอบซุ่มป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ รังของพวกเขาตั้งนานแล้ว
เมื่อก่อนมักจะเป็นคนพวกนี้เสมอที่คอยชี้นิ้วบงการอยู่เบื้องหลัง วันนี้เย้นหว่านก็จะใช้วิธีนี้โต้ตอบกลับให้สาสม ให้หนามที่พวกเขาคอยแอบยื่นออกมานั้น ได้ทิ่มแทงกลับไปจนร่างเหลือแต่กระดูก
“ป่ายฉีเคยบอกกับฉันอย่างละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์การบุกเข้าไปโจมตีองค์กรใต้ดินเมื่อสามปีที่แล้ว ถ้าหากว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน ตัวอาคารของฐานที่มั่นก็จะต้องไม่มีความแตกต่างกันมาก พวกเราหาทางเข้าและการป้องกันด้วยวิธีนี้ มันจะง่ายกว่า “เย้นหว่านกล่าว
เย้นโม่หลินพยักหน้า “ได้”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น จู่ๆ เขาได้คว้าแขนของเย้นหว่านขึ้น แล้วกำชับอย่างเคร่งขรึมว่า “เสี่ยวหว่าน อีกสักครู่เมื่อเข้าไปแล้ว เธอจะต้องตามอยู่ด้านหลังพี่ตลอดนะ จะต้องไม่อวดเก่ง และห้ามได้รับบาดเจ็บ รู้ไหม”
เผชิญหน้ากับความเคร่งขรึมของเย้นโม่หลิน เย้นหว่านกลับหัวเราะขำออกมา
แล้วกล่าวแซวเย้าหยอกว่า :”พี่ พี่พูดเยอะกว่าเมื่อก่อนเลยนะ กู้จื่อเฟยฝึกเก่งดีจัง”
เย้นโม่หลินถลึงตาใส่เธอ “พี่ไม่ได้พูดเล่นกับเธอนะ”
“รู้แล้วน่ะ รู้แล้ว มีพี่อยู่ ฉันต้องหลบอยู่ด้านหลังพี่อย่างแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง”
บรรยากาศที่ตึงเครียด ถูกเย้นหว่านแทรกขึ้นมาแบบนี้ ทำให้ความตึงเครียดคลายลงไปไม่น้อย
พวกเขาเดินฝ่าความมืดมิดเข้าไปในป่าอย่างเงียบๆ
ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น ถังจุ้ยได้เดินตามเย้นหว่านอยู่ไม่ห่าง เดินคุ้มกันเธอตลอดการเดินทาง
เขาเกิดความสงสัยเล็กน้อย “เสี่ยวหว่าน เมื่อก่อนคุณมองไม่เห็นทางตอนกลางคืน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คุณสามารถมองเห็น”
เย้นหว่านแววตากะพริบทันใด
ความสามารถในการมองเห็นตอนกลางคืนนั้น เธอได้มาด้วยความบังเอิญ
ตอนที่ถูกฉู่หยุนซีคุมขังอยู่นั้น เป็นเวลากว่าครึ่งปีที่เธอพยายามทำการหลบหนี และระหว่างทางที่หลบหนี เธอได้ลองทุกวิถีทางการหลบหนีต่างๆ นานา หนึ่งในนั้นก็คือการหลบหนีตอนกลางคืน
ไปๆ มาๆ เมื่อทำการหลบหนีตอนกลางคืนบ่อยครั้ง โดยปราศจากการมองเห็นจากแสงไฟ สายตาจึงค่อยๆ ได้รับการฝึกฝน จนทำให้เธอสามารถมองเห็นทางได้ตอนกลางคืนโดย
แน่นอน เธอไม่ไร้เดียงสาขนาดที่คิดว่า ทั้งหมดนี้เกิดจากการเดินตอนทางตอนกลางคืนที่บ่อยครั้งเพียงอย่างเดียว
ตอนนี้เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ตอนนั้นที่ฉู่หยุนซีบังคับให้เธอทานของเหล่านั้น นอกจากจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว ยังน่าจะมีผลต่อมองเห็นตอนกลางคืนของเธอด้วย
และนับตั้งแต่นั้น ทุกอย่างในวันนี้ดูเหมือนฉู่หยุนซีจะวางแผนไว้หมดแล้ว
สามปีมานี้ ในหมากเกมนี้ ดูเหมือนฉู่หยุนซีจะแสดงเป็นตัวละครในการเดินหมากเกม
ครุ่นคิดในใจ แต่เรื่องที่ทำการหลบหนี เย้นหว่านไม่อยากพูดออกมาให้พวกเขาเป็นห่วง
เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องราวที่ผ่านไปแล้ว ต่อให้จะเจ็บปวดและทรมาน มันก็ผ่านไปแล้ว
เธอกล่าว “ฉู่หยุนซีเป็นตัวละครที่เก่งกาจ ถึงแม้จะยังไม่รู้จุดประสงค์ของเขานั้นคืออะไร แต่ว่าสามปีมานี้ ฉันคงน่าจะเป็นหมากตัวที่เขาฝึกมาเป็นพิเศษ”
สามารถซ่อนเย้นหว่านให้รอดพ้นจากภายใต้การค้นหาอย่างละเอียดของตระกูลเย้นกับโห้หลีเฉิน โดยที่สามปีเต็มไม่สามารถหาเจอตัวได้ ฉู่หยุนซีคนนี้จะต้องเป็นคนที่เก่งกาจพอตัว
คนแบบนี้ ใช้เวลาสามปีในการฝึกฝนเย้นหว่านให้มองเห็นเวลาตอนกลางคืน ไม่ใช่เรื่องที่แปลก
เย้นโม่หลินที่สีหน้าค่อนข้างแย่ “เมื่อเรื่องคืนนี้สิ้นสุดลงแล้ว พี่คงต้องนัดเจอฉู่หยุนซีคนนี้สักหน่อย หากว่าเขามีความคิดที่ไม่ซื่อ พี่จะไม่ไว้ชีวิตเขาอย่างแน่นอน”
เอะอะก็จะฆ่าคน แรงอาฆาตอยากสังหารของเย้นโม่หลินตอนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งทวีคูณขึ้นทุกวัน
เย้นหว่านกล่าวปลอบประโลมเขา “พี่ ฉู่หยุนซีเขาเป็นคนดี ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร แต่เขาก็คงไม่ทำร้ายฉัน อีกอย่างตอนที่ขุมทรัพย์ระเบิดนั้น ก็เป็นเขาที่ช่วยชีวิตของฉันไว้”
ถึงแม้จะถูกกักขัง แต่ก็เป็นผู้มีบุญคุณในการช่วยเหลือชีวิต
เย้นโม่หลินที่ยังคงหงุดหงิดเย็นชา “ต่อให้จะมีบุญคุณที่ช่วยเหลือชีวิต แต่ก็ไม่ควรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวกักขังเธอไว้นานถึงสามปี มีเป้าหมายอะไรที่จำเป็นต้องฝึกฝนเธอถึงจะบรรลุผล เธอเป็นน้องสาวของพี่ ไม่ใช่หมากของคนอื่น”
เห็นความรักและการปกป้องของพี่ชายที่มีต่อตัวเอง เย้นหว่านก็อดไม่ได้ที่ยิ้มขึ้น และรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
ความรู้สึกที่มีครอบครัวอยู่ใกล้ๆ นั้นดีจังเลย
กลุ่มพวกเขาที่เดินอยู่ท่ามกลางความมืดมิด มีการสนทนาเป็นครั้งคราว ก็ได้เข้าใกล้โรงงานไฟฟ้าอย่างเงียบๆ
ครั้งนี้คนที่เย้นโม่หลินพามาด้วยล้วนเป็นคนยอดฝีมือของตระกูลเย้นที่ถูกฝึกซ้อมมาเป็นพิเศษ มีความสามารถและแข็งแกร่ง
เย้นโม่หลินส่งสองสามคนเข้าไปก่อน ไปจัดการกับการ์ดที่เฝ้าระวัง และก็ทำการหาทางเข้า
ได้คำแนะนำที่มากประสบการณ์จากป่ายฉี ทำให้พวกเขาค้นหาทางเข้าที่ลึกลับซับซ้อนนั้นได้อย่างง่ายดาย ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็หาเจอ
ชายหนุ่มกลับมารายงานด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มเบา “ได้จัดการการ์ดที่คอยเฝ้าระวังหมดแล้วครับ และก็หาทางเข้าเจอแล้ว แต่ว่าไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปลึก จะต้องบุกลุยเข้าไปทีเดียวครับ”
เย้นโม่หลินพยักหน้า
“อย่างนั้นก็บุกลุยเข้าไปเลย แล้วไปปิดล้อมทางออกให้หมด ครั้งนี้ ผมจะให้โรงงานใต้ดินที่นี่กลายเป็นหลุมฝังศพของพวกมัน”
ลูกน้องทำตามแผนของเย้นโม่หลิน แบ่งออกเป็นหลายทีม แล้วทำการลอบเข้าไปในทางเข้าต่างๆ เมื่อเห็นคนก็ทำการสังหารทิ้ง
ในขณะเดียวกัน เย้นหว่านที่เดินตามอยู่ด้านหลังของเย้นโม่หลิน ก็เดินลงตามไปติดๆ
นี่เป็นอาคารใต้ดินที่สร้างได้อย่างสุดยอดแห่งหนึ่ง ดูอย่างกับพระราชวังใต้ดิน ทั้งโอ่อ่าและวิจิตรตระการตา
กองกำลังที่คอยเฝ้าระวังอยู่ด้านในก็มีจำนวนมากมาย แต่ละคนก็ล้วนมีฝีมือที่ไม่เบา
ทั้งสองฝ่ายตะลุมบอนต่อสู้กันอย่างดุเดือดในทางเดิน
แต่เนื่องจากเป็นการลอบโจมตี กำลังพลของฝั่งเย้นโม่หลินจึงมีความพร้อมเต็มที่ และอีกทั้งยังมีการต้านทานที่ดี จึงได้เปรียบและชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งตัวอาคารชั้นใต้ดิน และแต่ละทางเข้าถูกโจมตีทั่วทุกทิศ จนมีฝุ่นควันฟุ้งกระจายทั่วทุกหนทุกแห่ง
ทางที่พวกเขาได้เดินผ่าน จะมีเลือดไหลประหนึ่งสายน้ำ
เย้นหว่านเหยียบลงพื้นที่กองดาษดื่นด้วยเลือดสดๆ ใบหน้าที่เรียบเฉย แววตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง และค่อยๆ มุ่งหน้าเดินเข้าไปด้านใน
สามปีแล้ว
สามปีที่คนเหล่านี้ทำการควบคุมโห้หลีเฉิน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้รับผลของการกระทำแล้ว
คนของเย้นโม่หลินท่าทางอันทรงพลังมีการทำลายล้างที่แข็งแกร่ง ทำการถล่มองค์กรใต้ดินจนสิ้นซาก
หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป ก็เหลือเพียงสิบกว่าคนที่รวมกันอยู่ในห้อง พยายามดิ้นรนต่อสู้ในเฮือกสุดท้ายเพื่อให้ชีวิตรอด