สองปีก่อนเขาก็หาเธอเจอแล้วเหรอ
แต่ว่ากลับไม่มาช่วยเธอ ปล่อยเธอไปตามยถากรรม ถูกฉู่หยุนซีขังอยู่อย่างนั้น
โห้หลีเฉินปากเริ่มสั่น กุมมือของเย้นหว่านไว้อย่างแน่น
นั่นเป็นแรงทั้งหมดของเขา และควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้
เขากล่าวเบาๆ :”สองปีก่อนผมก็เจอเบาะแสของคุณแล้ว รู้ว่าคุณถูกฉู่หยุนซีคุมขัง แต่ว่าตอนนั้นรอบข้างผมอันตรายทุกด้าน ผมสืบรู้มาว่าฉู่หยุนซีก็ไม่ได้ทำร้ายคุณ ดังนั้น……”
โห้หลีเฉินหยุดชะงักด้วยความเจ็บปวด จากนั้นกล่าวต่อ “ผมแกล้งทำเป็นว่ายังหาคุณไม่เจอ และก็ไม่ได้พาคุณกลับมาด้วย เพราะว่าถ้าเทียบกับรอบตัวผมแล้ว คุณอยู่ที่ฉู่หยุนซีจะปลอดภัยกว่า”
ความทุกข์ทรมานของการพลัดพรากสามปี สวรรค์รู้ว่าโห้หลีเฉินนั้นข่มความร้อนรนในหัวใจของเขาได้อย่างไร โดยที่ไม่รีบเร่งไปตามหาตัวเย้นหว่าน
เย้นหว่านคิดไม่ถึงว่ายังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
สามปีมานี้ไม่ใช่เพราะว่าฝีมือของฉู่หยุนซีนั้นดีจนสามารถหลบหลีกเครือข่ายข่าวกรองที่แข็งแกร่งของโห้หลีเฉินไปได้ แต่เป็นเพราะโห้หลีเฉินนั้นสืบหาเจอตั้งนานแล้ว เพียงแต่แค่ไม่ได้ลงมือเท่านั้นเอง
เขาคำนวณทุกอย่างไว้ทั้งหมดแล้ว ให้คนของตระกูลเย้นและเย้นหว่านได้อยู่ในที่ที่ปลอดภัย ส่วนตัวเองกลับไปอยู่ในที่ที่อันตราย คอยคลุกคลีกับพวกเจมส์ เมื่อสบโอกาสเมื่อไหร่ก็จะลงมือจัดการทันที
หากว่าเย้นหว่านเดาไม่ผิด ถ้าหากว่าเธอไม่กลับมา โห้หลีเฉินก็ต้องมีแผนการในการต่อกรกับเจมส์อย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่าแผนการนี้ ไม่แน่อาจจะลงเอยอย่างน่าเศร้า อาจต้องแลกด้วยบางสิ่ง ที่อาจจะเป็นชีวิตของโห้หลีเฉินเองก็ได้
เย้นหว่านใจสั่นระรัว กอดเขาไว้ด้วยความเจ็บปวดสุดแสนจะหาที่เปรียบไม่ได้
กอดเขาไว้อย่างแน่น ซบศีรษะเข้าไปในอ้อมกอดของเขา น้ำตาไหลพราก “ลำบากคุณแล้วนะ ที่รัก”
เขาสามารถสืบหาฉู่หยุนซีเจอ อย่างนั้นก็น่าจะรู้ด้วยว่าฉู่หยุนซีทำอะไรได้บ้าง มีเครือข่ายข่าวกรองที่แข็งแกร่งพอๆ กัน มีฝีมือสุดยอด ดังนั้นก็พอจะเดาออกได้ว่า เย้นหว่านรู้สถานการณ์ของแรบบิททั้งหมดจากฉู่หยุนซี ด้วยเหตุนี้จึงได้วางแผนการต่อสู้ขึ้น
ความจริงทั้งหมดได้ประจักษ์แล้ว เห็นสองคนที่กอดกันกลมเกลียว เย้นโม่หลินจึงทั้งช็อกทั้งนับถือเลยจริงๆ
การตอบโต้กลับครั้งนี้ ต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมมาก
และการแสดงของพวกเขาทั้งคู่ก็ช่างสุดยอดมากจริงๆ ถึงได้ทำให้ละครเรื่องนี้ประสบผลสำเร็จ และจบลงอย่างสวยงาม
ตอนนี้ทุกอย่างได้จบลง ปริศนาได้ถูกไข
เย้นหว่านก็ได้วางภาระที่หนักอึ้งในใจลง ค่อยๆ ถือนาฬิกาพกไว้ในมืออย่างระมัดระวัง “แล้วจะทำลายสิ่งนี้ได้อย่างไร”
เธออยากจะทำลายนาฬิกาพกตอนนี้เลย ให้สิ่งนี้ที่สามารถทำลายชีวิตของแรบบิทได้ หายไปตลอดกาล
“ผมรู้ เอามาให้ผม”
โห้หลีเฉินหยิบนาฬิกามา แล้วค่อยๆ แกะออกอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันก็พลางอธิบายให้เย้นหว่าน “เมื่อก่อนเจมส์ไม่ได้ให้ผมรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควบคุมปุ่มสวิตช์ชีวิตของแรบบิท แต่สามปีมานี้ผมได้ทำการศึกษาค้นคว้ามากมาย รู้ว่าทำอย่างไรถึงจะทำลายสิ่งนี้ลงได้ และก็ไม่ส่งผลต่อชีวิตของแรบบิทด้วย”
และก็เป็นอย่างที่โห้หลีเฉินพูด ไม่นานเขาก็แกะนาฬิกานี้ออก จากนั้นก็ทำลายชิปจนไม่มีชิ้นดี
จากนั้นใช้ราดน้ำมันเผา ให้ชิปนั้นไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
มองดูผงขี้เถ้าที่อยู่บนพื้น เย้นหว่านน้ำตาไหลพราก ก้อนหินขนาดใหญ่ในหัวใจในที่สุดก็ถูกปล่อยวางลง
เธอสะอึก “ในที่สุดแรบบิทก็ปลอดภัยแล้ว”
ในขณะที่เธอพลางพูดก็ได้เป่าลมออกมาแรงๆ เป่ากองผงขี้เถ้านี้ให้ปลิวกระจาย ไม่ปล่อยโอกาสให้คนที่คิดจะนำผงขี้เถ้าไปทำอย่างอื่นที่มิดีมิร้ายได้อีก
“ฮ่าๆ ๆ พวกคุณคิดว่าทำลายชิปนี้แล้วก็จะสามารถหมดความกังวลแล้วอย่างนั้นเหรอ”
เวลานี้ เสียงชายหนุ่มที่เคร่งขรึมได้ดังขึ้นมาจากเครื่องเล่นคอมพิวเตอร์
เสียงที่จู่ๆ ดังขึ้นได้ทำลายความโล่งใจของเย้นหว่านเมื่อสักครู่ลง จนขนลุกฉับพลัน แล้วหันไปอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นใบหน้าของฝู้ยวนปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
ดวงตาที่ดุร้ายของเขาจ้องมองมาทางพวกเขา ถึงแม้จะคั่นด้วยหน้าจอ แต่ก็ดูอันตรายเสมือนจริง
นิ้วมือของเขาชี้อยู่ที่ขมับของตัวเอง แล้วกัดฟันพูดออกมาทีละคำ ราวกับเสียงของปีศาจ ที่จะผลักผู้คนให้ตกลงไปนรกหุบเหวลึก
“ชิปเป็นเพียงการควบคุมความเป็นความตายของมนุษย์พันธุ์แกร่งเท่านั้น ตอนที่ผมทำยาน้ำมนุษย์พันธุ์แกร่งออกมานั้น ก็ได้ฉีดยาพิเศษที่เชื่อมต่อกันให้กับตัวเอง ขอเพียงแค่ความคิดผมขยับ ก็เหมือนกับการกดปุ่มสวิตช์แล้ว ลูกสาวของพวกคุณก็จะต้องตายเช่นกัน”
พลางพูดนิ้วมือของเขาก็พลางกำแน่นเป็นหมัดขึ้น ฝ่ามือที่เห็นชัดเจนว่าว่างเปล่า ทันใดนั้นกลับกลายเป็นเหมือนกำลังบีบบางอย่างให้แหลกลาญ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาทำอะไร
สีหน้าเย้นหว่านซีดจัด พลังบนตัวของเธอทั้งหมดฉับพลันถูกสูบออกไปหมด ล้มไปกองลงกับพื้นเสียงดัง”ปัง”
ร่างเธอสั่นเทา ส่ายหน้าด้วยความกลัว “ไม่ ไม่ ไม่!”
เธอแทบจะเป็นบ้าแล้ว
เธอไม่เชื่อ เธอพยายามสุดความสามารถจนในที่สุดก็สามารถช่วยแรบบิทไว้ได้ แต่ทำไมฝู้ยวนถึงจู่ๆ ได้ปรากฏตัวขึ้น แล้วมาบอกเรื่องแบบนี้ให้กับตัวเอง เธอไม่เชื่อ ไม่เชื่อ แต่ความกลัวที่มากมายได้ล้อมรอบอยู่ในหัวใจ ทำให้เธอไม่อาจไม่เชื่อได้
ฝู้ยวนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเชื่อมต่อสัญญาณมาหลอกเธอให้ตกใจ
เคล็ดลับทางการแพทย์อยู่ที่เขา เรื่องแบบนี้ก็ใช่ว่าเขาจะทำออกมาไม่ได้
โห้หลีเฉินเองก็แข็งทื่อราวกับน้ำแข็ง ที่เหมือนตกลงไปในโรงน้ำแข็งก็ไม่ปาน เขามองฝู้ยวนที่อยู่ในหน้าจอด้วยความตกใจ แววตาดุร้าย
“ฝู้ยวน! มึงอยากตายหรือไง!”
“โห้หลีเฉิน เย้นหว่าน พวกมึงบังอาจมาทำลายฐานของกู ทำลายทุกอย่างของกู กูก็จะให้พวกมึงได้ลองลิ้มรสน้ำตาที่เปื้อนเลือด นี่เป็นแค่เพียงการเริ่มต้น การแก้แค้นของกูจะทำให้พวกมึงถึงกับแบกรับกันไม่ไหวเลยทีเดียว!”
ฝู้ยวนที่แววตาเต็มไปด้วยความดุร้าย ความเคียดแค้นคับฟ้า ราวกับอสุรกายที่คลานออกมาจากขุมนรก
เย้นโม่หลินเองก็ช็อกสะเทือนไม่ต่างกัน แต่ว่าเขายังคงคุมสติไว้ได้ ออกคำสั่งลูกน้องเบาๆ “ตาม ตามหาตำแหน่งมันให้เจอ”
เขาจะต้องฉีกฝู้ยวนออกเป็นชิ้นๆ ทำให้เขาไม่สามารถจะลุกขึ้นมาได้อีก
แต่เมื่อคำพูดของเขาสิ้นสุดลง ฝู้ยวนก็หัวเราะขึ้นอย่างโอหัง “กูไม่มีทางที่จะให้พวกมึงจับตัวได้ง่ายๆ หรอก เย้นหว่าน โห้หลีเฉิน ขอให้เพลิดเพลินกับความเจ็บปวดของการสูญเสียลูกสาวนะ พวกเรายังจะต้องเจอกันอีก”
เมื่อพูดจบ หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็มืดดับลง เขาได้ตัดสายไปแล้ว
สภาพแวดล้อมโดยรอบเงียบสงัดเป็นพิเศษ เงียบราวกับโลกนี้ได้หยุดหมุน อะไรก็ไม่เหลือแล้ว
หัวสมองของเย้นหว่านได้กลายเป็นภาพสีขาว ว่างเปล่าไปหมด
ความสิ้นหวังเข้ามาห้อมล้อม กลืนกิน และลากเธอเข้าไปในหุบเหวลึกที่ไร้ก้นบึ้ง
ลูกของเธอ แรบบิทของเธอ……
ในที่ที่เธอมองไม่เห็น มีเด็กน้อยคนหนึ่งเสียชีวิตกะทันหันอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
ควักหัวใจยังไม่เจ็บปวดขนาดนี้ เจ็บจนใจสลาย เจ็บจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
“เย้นหว่าน”
โห้หลีเฉินดึงสติคืนจากอาการแข็งทื่อ คุกเข่าลงมากอดเย้นหว่านไว้ “เขาอาจจะโกหกพวกเราก็ได้ คุณอย่ากลัวนะ แรบบิทจะต้องไม่เป็นอะไร”
โกหก?
เย้นหว่านดวงตาลอยค้าง แดงก่ำ แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมา
โกหก? เหตุผลนี้เธอก็อยากจะเชื่อ แต่ว่าไม่สามารถเชื่อได้
“ไปกันเถอะ ที่นี่มีแต่เครื่องดักฟัง พวกเราออกกันไปก่อน”
โห้หลีเฉินอุ้มตัวเย้นหว่านขึ้นมาจากพื้น สาวเท้าเก้ายาวดุจดาวตกมุ่งหน้าออกไปด้านนอก
เย้นหว่านราวกับเด็กน้อยที่สูญเสียจิตวิญญาณ แววตาเจ็บปวดจนว่างเปล่า และร่างกายก็ดูไม่มีชีวิตชีวา
มีเพียงความสิ้นหวังและความเจ็บปวดสุดขีด ถึงจะทำให้เป็นแบบนี้ได้
โห้หลีเฉินเห็นแล้วก็เจ็บปวดใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ที่แทบจะเป็นการอุ้มเย้นหว่านวิ่งออกมาจากใต้ดิน