บทที่ 66: หมาป่าท่ามกลางฝูงหมาวัด
เมื่อหมดเวลา แนวกั้นก็ถูกปลดออก นักเรียนที่เข้าร่วมในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปกติได้เข้าไปในโรงเรียนมัธยมเพื่อสอบ
ก่อนที่พวกเขาจะจากไป พวกเขาก็เหลือบมองไปที่เหล่านักเรียนที่กําลังรอสอบศิลปะการต่อสู้อย่างโหยหา การแสดงออกของพวกเขาซับซ้อน
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต
ในขณะนี้พวกเขาทุกคนก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้มาถึงทางแยกของชีวิต
บางคนมุ่งสู่เส้นทางธรรมดา พวกเขาอาจจะโดดเด่นในสาขาของตน แต่ถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นนักสู้ พวกเขาก็จะเป็นได้แค่คนธรรมดา
ในทางกลับกัน บางคนกําลังจะออกเดินทางบนเส้นทางที่ไม่ธรรมดา ความแข็งแกร่ง,อายุขัยที่ยืนยาว สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป
แม้ว่าเส้นทางแห่งศิลปะการต่อสู้นั้นจะไม่ง่าย แม้ว่าผู้คนจํานวนมากจะล้มเลิกอยู่ที่ครึ่งทางและเสียชีวิตเร็วกว่าคนธรรมดา แม้ว่ายอดเขาจะปืนยากและนักสู้ส่วนใหญ่จะยังคงอยู่ที่ด้านล่างของภูเขา แต่มันก็ยังมีคลื่น คลื่นของผู้คนที่มุ่งหน้ามาทางนี้
หลังจากที่นักเรียนธรรมดาเข้าไปในสถานที่สอบ ในที่สุดมันก็ไม่มีความแออัดอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ยานพาหนะจากโรงเรียนอื่นก็ได้มาถึงอย่างต่อเนื่องและมารวมตัวกันที่หน้าโรงเรียนมัธยมตงไห่
มันมีผู้เข้าสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ไม่มากนัก ถึงกระนั้น เมื่อรวมทั้งหมดแล้ว มันก็มีมากกว่า 800 คน
จํานวนนี้ถือว่าสูงมาเนื่องจากข้อกําหนดสําหรับการสอบศิลปะการต่อสู้นั้นลดลงในปีนี้ ตอนนี้ศิษย์นักสู้ขั้นกลางสามารถมีส่วนร่วมได้ ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าทําไม่จํานวนผู้เข้าสอบในปีนี้ถึงได้สูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ผู้อํานวยการโรงเรียนและครูใหญ่ชั้นปีที่ 3 ต่างก็มาร่วมงานด้วย
ครูใหญ่มาเพื่อดูการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้
ในทางกลับกัน ผู้อํานวยการโรงเรียนก็กําลังสนทนากับผู้อํานวยการโรงเรียนของโรงเรียนอื่นๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สองสามคนจากกระทรวงศึกษาธิการ
ฟานเว่ยหมิงสังเกตเห็นว่ามันยังพอมีเวลา ดังนั้นเขาจึงพูดกับนักเรียนของเขา
“ ในเมื่อพวกเธอทุกคนได้ตัดสินใจที่จะสมัครสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้แล้ว งั้นก็จงทําให้ดีที่สุด อย่าปล่อยให้ความเสียใจใดๆเกิดขึ้นในภายหลัง ฉันหวังว่าพวกเธอจะเป็นเกียรติแก่โรงเรียนของเรา และแก่ชั้นเรียนของเรา”
“ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โปรดจําไว้ว่าความปลอดภัยในชีวิตของวพวกเธอก็ยังคงมาเป็นอันดับหนึ่ง!”
นักเรียนรู้สึกประทับใจกับคําพูดของฟานเว่ยหมิง หลายคนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และเริ่มหลั่งน้ำตา
“ ครูไม่ต้องกังวล แม้ว่าในชั้นเรียนของเราจะไม่มีศิษย์นักสู้ขั้นสูง แต่เราก็มีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่มาเข้าร่วมในการสอบครั้งนี้ เราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ทุกคนได้จดจําว่านี่คือห้องที่มีคนสอบผ่านหลักสูตรศิลปะการต่อสู้มากที่สุด!”
“ ใช่แล้ว ถูกต้องแล้ว เราจะเอาชนะพวกห้องที่มีศิษย์นักสู้ขั้นสูง”
สิ่งที่นักเรียนไม่รู้ก็คือ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีศิษย์นักสู้ขั้นสูง แต่พวกเขาก็มีนักสู้ตัวเป็นๆอยู่ในชั้นเรียน!
ในขณะนี้ การแสดงออกของหวังเต็งก็เปลี่ยนไปอย่างแปลกๆ
เขามองดูเพื่อนร่วมชั้นที่กําลังพูดอยู่ข้างหน้าเขาและรู้สึกว่าพวกเขาดูเหมือนพวกหมาวัดที่กําลังเห่า
ในทางกลับกัน เขาก็กําลังซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพวกเขาราวกับหมาป่าที่แสร้งทําเป็นไม่รู้อะไรเลย เขารู้สึกว่าเขาน่าขยะแขยงไปเล็กน้อย ..
“ มีอะไรผิดปกติหรอ?” หลินวัวหานสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆของเขาและเธอก็ถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัย
“ อืม ไม่มีอะไร” หวังเต็งส่ายหัวอย่างเร่งรีบ หลินซัวหานจ้องมองเขาอย่างแปลกๆ
ฟ่านเว่ยหมิงรู้สึกสบายใจเมื่อเห็นเหล่าลูกศิษย์ของเขามีกําลังใจและเต็มไปด้วยพลัง เขาอดไม่ได้ที่จะเปิดขวดน้ำที่เขานํามาด้วย
เขาดื่มชาโกจิเบอร์รี่หนึ่งอีก “ อ่า สดชื่น!”
ครูใหญ่คนอื่นๆเข้าประจําห้องเสร็จแล้ว
ในขณะนั้น ครูใหญ่ก็ได้เดินเข้ามาและปรบมือเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคน “ ทุกคนมากันครบรึยัง?”
หญิงวัยกลางคนก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ นักเรียนคนหนึ่งของเราไม่ได้มา”
“ เป็นเด็กของห้องสิบสาม”
“ มีคนจากห้องของพวกเขาไม่ได้มาหรอ? ใครกันที่กล้าสมัครสอบแล้วไม่มา” นักเรียนเริ่มพูดคุยกันในทันทีด้วยเสียงที่เงียบงัน
“ เกิดอะไรขึ้น?” ครูใหญ่ขมวดคิ้วถาม
“ อืม…” ครูใหญ่ห้องสิบสามมีสีหน้าแปลกๆบนใบหน้าของเธอ เธอลังเลก่อนจะตอบว่า “ เมื่อคืนก่อนเขาซ้อมหนักเกินไปและทําให้กระดูกที่แขนของเขาหัก แม่ของเขาโทรหาฉันเมื่อเช้านี้ และบอกฉันว่าเขาจะไม่สามารถมาเข้าร่วมในการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ในปีนี้ได้”
“ ป๊าฟฟ!”
นักเรียนหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินข้อแก้ตัวนี้
“ นี่มันน่าทึ่งจริงๆ เขาต้องฝึกหนักแค่ไหนถึงทําแขนตัวเองหักได้?”
“ น่าประทับใจ น่าประทับใจจริงๆ เขาเป็นแบบอย่างที่ดีของคนรุ่นเรา ถ้าฉันขยันเหมือนเขา ฉันก็คงจะเป็นศิษย์นักสู้ชั้นสูงไปแล้ว!”
“ ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน! คนๆนี้น่าฟังมาก!”
ตอนแรกครูใหญ่มีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ตอนนี้เขาแทบจะควบคุมสีหน้าตนเองไม่ได้ เขาต้องการปกปิดใบหน้าของเขาจริงๆ นี่คือโรงเรียนมัธยมอันดับ 1 ของเมืองตงไห่ กระนั้นมันก็ยังมีนักเรียนที่ไร้สมองคนหนึ่งที่ทําในสิ่งที่โง่เขลาในช่วงเวลาที่สําคัญเช่นนี้ เขารู้สึกอับอายมากจริงๆ!
คุณเห็นสีหน้าที่ทนไม่ได้บนใบหน้าของเจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาธิการไหม?
แม้แต่ผู้อํานวยการจากโรงเรียนอื่นๆก็ยังหัวเราะอย่างลับๆ พวกเขาหัวเราะเยาะโรงเรียนของเขา!
ผู้อํานวยการรู้สึกสุดเดือด!
“ ในอนาคตเราต้องประเมินนักเรียนกันดีๆแล้วล่ะ ครูใหญ่ตําหนิด้วยใบหน้าสีดํา
“ เอาล่ะ เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว เนื่องจากทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว งั้นเราก็จะเริ่มการดําเนินการต่อไป”
“ คราวนี้ฉันจะเป็นผู้นําการสอบศิลปะการต่อสู้ของพวกเธอทุกคน ฉันชื่อหลิว เหวินซี เรียกฉันว่านายหลิวก็ได้ เอาล่ะหยุดเสียเวลาและขึ้นรถบัสกันเถอะ” เจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาธิการก้าวไปข้างหน้าและกล่าวกับนักเรียน
นักเรียนทุกคนเริ่มขึ้นรถเมล์ หวังเต็งนั่งข้างหลินซัวหานอย่างไร้ยางอายในขณะที่หยางเจี้ยนก็นั่งบนที่นั่งทางซ้ายของเขา
หยางเจี้ยนหันศีรษะมาและพูดว่า “ คนๆนั้นคือลุงของฉันที่ทํางานที่กระทรวงศึกษาธิการ”
“ ลุงคนนนั้นน่ะหรอ?” หวังเต็งรู้สึกประหลาดใจ
นั่นเป็นเรื่องบังเอิญ ลุงของหยางเจี้ยนมีหน้าที่นําผู้เข้าสอบจากภูมิภาคของพวกเขา
นักเรียนชายที่นั่งข้างหยางเจี้ยนก็มาจากห้องแปดด้วยเช่นกัน เมื่อเขาได้ยินว่าชายวัยกลางคนซึ่งแม้แต่ครูใหญ่ก็ยังต้องปฏิบัติด้วยความเคารพจริงๆแล้วเป็นลุงของหยางเจี้ยน เขาก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ หยางเจี้ยน ลุงของนายเป็นคนในกระทรวงศึกษาธิการจริงๆหรอ? เมื่ออยู่กับคุณ เขาจะดูแลพวกเราทุกคนอย่างแน่นอน”
เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ รอบตัวพวกเขาเห็นด้วยกับคําพูดของเขา
ใบหน้าของหยางเจี้ยนเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินพวกเขาประจบประแจงเขา เขาพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ แน่นอน อย่างไรก็ตาม อย่าแสดงให้เห็นชัดเจนเกินไปและอย่าสร้างปัญหาให้ลุงของฉัน นี่คือความเข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่ได้พูด เป็นความเข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่ได้พูดไ
“ ชู่ว~”
นักเรียนรีบลดเสียงราวกับว่าพวกเขากําลังแบ่งปันความลับร่วมกัน
รถบัสแล่นไปทางทะเล
เมื่อเขาเห็นถนนที่คุ้นเคย หวังเต็งก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่าเขาโชคดีแค่ไหน เขาคุ้นเคยกับสถานที่สอบ
วันนี้สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินได้ไล่ศิษย์นักสู้ทั้งหมดของพวกเขาออกไป และนั่นก็ทําให้สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ในตอนนี้เงียบมาก
เมื่อผู้เข้าสอบมาถึง ยามก็ปล่อยให้เข้าไปโดยไม่ถามอะไร
รถบัสจอดที่ลานจอดรถของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ นักเรียนลงจากรถโดยสาร หลายคนไม่เคยมาที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงมองไปรอบๆด้วยความสงสัย
“ นี่คือสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน หนึ่งในสามสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ของจีน!”
“ อย่างที่คาดไว้ มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
“ เฮอะ อาคารทั้งสามนั่นดูแปลกๆนะ พวกมันดูเหมือน… (ดูบทที่ 2 สําหรับคําอธิบายที่แน่นอน)
ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดโดยรูปร่างของอาคารในทันที นักเรียนชายหัวเราะอย่างคลุมเครือ ขณะที่นักเรียนหญิงหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“ นี่มันตลกร้ายจริงๆ!” หลิวเหวินซีลงจากรถและเห็นฉากนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น