บทที่ 70: รางวัล!
ตรวจช่วงเช้าจนถึงเวลา 12.00 น.
หวังเติ้งและเพื่อนๆของเขาเดินตามฝูงชนออกจากอาคารฝึกของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินนักเรียนหลายคนกําลังคุยกันถึงผลการตรวจสอบเมื่อครู่นี้
“ นั่นหวังเต็งจากโรงเรียนมัธยมตงไหนี่ เขาน่าทึ่งมากจริงๆ!”
“ นายพูดถูก เขาเป็นศิษย์นักสู้ขั้นสุดยอด! เขาอยู่ห่างจากการเป็นนักสู้เพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น!”
“ เขาคงจงใจซ่อนพลังที่แท้จริงของเขาไว้ และปล่อยมันออกมาในตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อสร้างความกดดันให้เราและดึงดูดความสนใจ เขาช่างชั่วร้ายอะไรเช่นนี้”
ขณะที่หวังเต็งฟังการสนทนา เขาก็รู้สึกว่าเขากําลังถูกนินทาในแง่ร้ายอยู่
มันพูดอะไรของมัน?
ให้ตายสิ ฉันนี่ยนะคนชั่วร้าย อย่าเพิ่งไป กลับมาอธิบายสิ่งที่แกพูดก่อน
ถ้าหลินหัวหานและหยางเจี้ยนไม่ได้ห้ามเขาไว้ หวังเต็งก็คงจะเดินเข้าไปกระชากไหล่ของไอ้เวรนั่นจนไหล่หลุดไปแล้ว
ไอ้พวกเด็กเหลือขอกลุ่มนี้ไม่เคยสัมผัสกับความโหดร้ายของสังคมมาก่อน ดังนั้นพวกมันจึงไม่รู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด!
ฉันหวังเต็ง ฉันเป็นคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา อย่างงั้นแล้วฉันจะเป็นคนชั่วไปได้ยังไง นี่ มันเรื่องตลกอะไรกัน!
“ เอาน่า ไม่เป็นไรนะ พวกเขาก็แค่บ่นเกี่ยวกับนาย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี้ ทําไมนายถึงใจแคบจัง” หลินซัวหานกล่าวขณะที่ระงับเสียงหัวเราะของเธอ
“ เธอก็พูดง่ายสิ มันไม่เกี่ยวกับเธอน” หวังเต็งเย้ยหยัน
หยางเจี้ยนหัวเราะอย่างลับๆ เขาเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็วและพูดว่า “ คุณได้ยินผ ลการตรวจสอบของศิษย์นักสู้ขั้นสูงจากโรงเรียนมัธยมขี่ยหยิงบ้างไหม?”
* ฉันได้ยินประกาศของหนึ่งในนั้น เขาอยู่ใกล้กับนายมาก ชื่อของเขาก็คือฉันเต ความแข็งแกร่ง 901 ความเร็ว 3.6 วินาที และร่างกาย 90” หลินหัวหานกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“ ว้าว เขาแข็งแกร่งจริงๆ” หยางเจี้ยนอุทานด้วยความประหลาดใจ “ ฉันได้ยินหนึ่งในผลการตรวจสอบของพวกเขาด้วยเหมือนกัน หลินชิง ความแข็งแกร่ง 866 ความเร็ว 4.1 วินาที ร่า งกาย 87
“ ดูเหมือนว่าศิษย์นักสู้จากฮุยหยิงจะค่อนข้างแข็งแกร่งนะ” หลินซัวหานคร่ําครวญ
“ เธอกลัวหรอ? เรามีนายน้อยอยู่กับเรานะ เราสามารถเอาชนะพวกมันได้อย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วพวกมันต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายกังวลในตอนนี้” หยางเจี้ยนมองไปที่หวังเต็งและยิ้ม
“ ผลการตรวจสอบของศิษย์นักสู้ขั้นสูงอีกสามคนจากโรงเรียนของเราเป็นยังไงบ้าง” หวังเต็งเมินเฉยต่อคําพูดของหยางเจี้ยนและถาม
“ ฉันไม่แน่ใจ ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะตรวจสอบเสร็จช่วงบ่ายนะ” หลินหัวหานกล่าว
“ โจวหวี่เสร็จสิ้นการตรวจสอบของเขาแล้ว ความแข็งแกร่ง 915 ความเร็ว 3.9 วินาที ร่างกาย 93” หยางเจี้ยนกล่าวขึ้นโดยฉับพลัน
โจวหรู่เป็นหนึ่งในห้าศิษย์นักสู้ขั้นสูงจากโรงเรียนมัธยมตงไห่
“ โอ้ ผลงานของเขาน่าจะสูงที่สุดใช่ไหม” หวังเต็งกล่าวด้วยความประหลาดใจ
* นายน้อย ทําไมคุณถึงพูดเรื่องไร้ยางอายแบบนั้นได้กัน?” หยางเจี้ยนมองเขาจากขอบตาของเขา
“ มันไม่มีประโยชน์ที่จะเปรียบเทียบกับฉัน” หวังเต็งแสร้งทําเป็นภูมิใจ
“ ถามจริง!”
* ชิ!”
หลินซัวหานและหยางเจี้ยนแสดงความหมั่นไส้ รู้แล้วว่าเก่ง แต่อย่ามาอวดเบ่งจะได้ไหม?
“ อ๋อ ฉันต้องโทรหาแม่!” หลินหัวหานจําสิ่งนี้ได้ในทันใด เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรไปที่บ้านของเธอ
“ โอ้พระเจ้า ฉันก็ลืมไปว่าฉันต้องบอกข่าวดีนี้กับพ่อแม่โดยเร็ว” หยางเจี้ยนตบหน้าผากของเขา
ทันที่ที่พวกเขาผ่านการตรวจสอบระดับ พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่สอบต่อไป ผู้เข้าสอบ จะต้องอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองถึงสามวัน ในขณะที่ผู้เข้าสอบที่ไม่ผ่านก็จะถูกส่งกลับบ้านโดยตรง
ผู้ที่ผ่านแล้วสามารถติดต่อกับครอบครัวได้โดยใช้โทรศัพท์เพื่อบอกข่าวดีเท่านั้น
หวังเต็งหยิบโทรศัพท์ออกมาและลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดหมายเลขของหลี่ซิ่วเหม่ย
“ กลิ้ง กลิ้ง กลิ้ง!”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็รับสาย
“ เฮ้ ลูกแม่ ลูกสอบเสร็จแล้วหรอ? ลูกจะกลับกี่โมง แม่กําลังทําอาหารอยู่เลย ไม่เป็นไรนะถ้าลูกจะไม่ผ่าน เราเตรียมใจกันพร้อมแล้ว”
ก่อนที่หวังเต็งจะทันได้พูดอะไร หลี่ซิ่วเหม่ยก็ได้เปิดก่อนแล้ว
“ แม่! ผมผ่านการตรวจสอบระดับแล้ว!” หวังเต็งใช้โอกาสในตอนที่หลี่ซิ่วเหมียพักหายใจพูดอย่างเร่งรีบ
“ ลูกผ่าน? แม่รู้ แม่รู้อยู่แล้วล่ะว่าลูกจะไม่.” หลี่ซิ่วเหม่ยหยุดพูดกลางคัน จากนั้นระดับเสียงของเธอก็สูงขึ้น “ อะไรนะ? ลูกผ่าน!”
“ ใช่ ผมบังเอิญผ่าน” หวังเต็งตอบ
ในขณะนี้ หลินซัวหานและหยางเจี้ยนก็ได้เสร็จสิ้นการโทรแล้ว เมื่อพวกเขาได้ยินประโยคนี้พวกเขาก็มีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับความไร้ยางอายของหวังเต็ง
บังเอิญผ่าน!
ฮีม พูดออกาได้ไง เฮงซวย!
หวังเงใช้ความพยายามอย่างมากก่อนที่เขาจะสามารถโน้มน้าวหลีซิวเหม่ยได้ในที่สุดว่าเขาผ่านการตรวจสอบระดับของศิษย์นักสู้แล้ว
ตื่นเต้นและกังวลไปในเวลาเดียวกัน แม้ว่าการผ่านการตรวจสอบจะเป็นเรื่อง ที่น่ายินดี แต่เธอก็ยังต้องกังวลเกี่ยวกับการประเมินการต่อสู้จริงในภายหลัง
เธอหยุดทําอาหารและต้องการโทรหาหวังเฉินกั่ว
แต่เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเขาไปต่างประเทศเพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการสําคัญกับหุ้นส่วนธุรกิจมันเป็นการดีกว่าที่จะไม่ไปเพิ่มภาระทางจิตใจของเขาในขณะนี้
เมื่อหวังเต็งไปสอบศิลปะการต่อสู้ หวังเฉินกั๋วก็ออกเดินทางเพื่อไปทําธุรกิจ เขาไม่เคยคาดหวังว่าหวังเต็งจะผ่านการตรวจสอบ
หลี่ซิ่วเหมียวางโทรศัพท์ของเธอลง เธอกังวลและอยู่คนเดียวที่บ้านและไม่สามารถทําอะไรได้
เธอทําได้เพียงสวดอ้อนวอนอย่างเงียบๆว่าหวังเต็งจะกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องที่เขาจะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ไหม เธอก็ไม่สนใจแต่อย่างใด
ในตอนบ่าย ผู้เข้าสอบรับประทานอาหารกลางวันในโรงอาหารของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน
เพื่อแสดงความเอื้ออาทรของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน อาหารกลางวันของพวกเขาจึงเป็นแบบบุฟเฟต์และฟรี มันอนุญาตให้ผู้เข้าสอบทุกคนสามารถรับประทานอาหารจนอิ่มได้
หวังเต็ง,หลินหัวหานและหยางเจี้ยนนั่งลงที่โต๊ะและรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน
ผู้เข้าสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้คนอื่นๆจากแถวที่ 8 ก็รวมตัวกันและทักทายหวังเต็งราวกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกัน
ก่อนที่จะรู้ความสามารถของหวังเต็ง พวกเขาทั้งหมดก็ได้รักษาระยะห่างจากเขา อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เมื่อพวกเขาได้รู้ว่าหวังเต็งแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาก็เปลี่ยนทัศนคติของตัวเองและเริ่มเข้ามาทําความคุ้นเคยกับเขา
แม้แต่ผู้เข้าสอบจากชแถวอื่นก็ยังเดินเข้ามาทักทาย
น่าเสียดายที่นายน้อยหวังนั้นทําหน้าเย็นชาตลอดเวลา ดังนั้นมันจึงไม่มีใครสามารถเข้าใกล้เขาได้
ที่ผ่านมาพวกแกให้ไหล่ที่เย็นชาแก่ฉัน วันนี้ฉันก็จะทําให้แน่ใจว่าฉันอยู่เหนือพวกแกคุณอย่างแท้จริง ยิ้ม!
คนนั้นก็ขี้เหร่เหมือนกัน นั่นผู้ชายหรือผู้หญิงน่ะ? โอ้พระเจ้า คนๆนี้มีกลิ่นตัว อย่าเข้าใกล้ฉันนะ ฉันจะปฏิเสธทุกคนที่น่าเกลียด
หลังอาหารเที่ยงก็เป็นเวลาพักผ่อน
ผู้อํานวยการของโรงเรียนมัธยมตั้งให้ใช้โอกาสนี้เดินเข้าไปด้วยกันพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของพวกเขา “ เธอคงเป็นหวังเต็งใช่ไหม? แท้จริงแล้ว เธอก็เป็นเด็กผู้ชายที่ดูดีและเธอก็ดูไม่ธรรมดา…”
“ ผู้อํานวยการ คุณมีวิชากังฟูศักดิ์สิทธิ์มาสอนฉันอย่างงั้นหรอ? คุณจะขอให้ฉันกอบกู้โลกหลังจากนั้นรึเปล่า?” หวังเต็งถามขึ้นในทันที
ผู้อํานวยการ: ..
หลินซัวหานะ ..
หยางเจี้ยน: ..
นักเรียนรอบตัว: ..
“ ฮ่าฮ่า เธอเป็นคนตลกดีจริงๆ” ผู้อํานวยการหัวเราะอย่างเคอะเขิน
“ คุณทําไม่ได้หรอ? น่าเสียดาย!” หวังเต็งแสดงออกด้วยท่าที่เสียใจ เขาดูราวกับคนที่ต้องการจะกอบกู้โลกจริงๆ
ผู้อํานวยการพูดไม่ออก เขารู้สึกว่าความเป็นมืออาชีพที่เขาสั่งสมมาหลายปีกําลังจะพังทลาย
ไอ้โง่เอ้ย เอาจริงดิ? ฉันกําลังพูดถึงเรื่องธุรกิจ แต่แกกลับมาอยากกอบกู้โลก?
มันใช่เรื่องไหมล่ะนั่น?
เมื่อหวังเต็งสังเกตเห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนบนหน้าผากของผู้อํานวยการ เขาก็พูดอย่างเร่งรีบ “ ผู้อํานวยการ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ? โปรดพูดต่อเลย!”
ผู้อํานวยการสูดหายใจเข้าลึกๆและแสดงท่าทีที่เป็นมิตรและน่าพอใจต่อหวังเต็ง เขากล่าวว่า “ ฉันมาที่นี่เพื่อขอบคุณสําหรับความรุ่งโรจน์ของโรงเรียน ในเวลาเดียวกัน ฉันก็หวังว่าเธอจะ ทํางานอย่างหนักในส่วนต่อไปของการสอบ และมุ่งมั่นที่จะเป็นนักเรียนอันดับต้นๆในการประเมินการต่อสู้จริง เราหวังว่าเธอจะเป็นเกียรติให้แก่โรงเรียนมัธยมตงไห้ของเรา!”
“ ผู้อํานวยการ การเป็นเกียรติให้โรงเรียนนั้นคือสิ่งที่เราควรทํา อย่างไรก็ตาม ความสามารถของฉันก็มีจํากัด ผลการเรียนของฉันมันก็ค่อนข้างยุ่งเหยิงในอดีต และฉันก็เคยเป็นนักเรียนที่น่าสิ้นหวังในสายตาของเหล่าคุณครูมาโดยตลอด พูดตามตรง ฉันมีหัวใจนะ แต่ฉันขาดความสามารถหวังเต็งทําหน้าเศร้า
ผู้อํานวยการมองดูนักเรียนที่อยู่ข้างหน้าเขาและตระหนักได้ว่าเขาไม่เหมือนนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ ถ้าเป็นนักเรียนคนอื่น พวกเขาก้จะตบหน้าอกและสัญญาว่าจะทํางานหนักหลังจากได้ยินคําชมของเขา
อย่างไรก็ตาม หวังเต็งก็ไม่ไหวติงอะไรเลย เขายังกล้าทําเป็นใบ้ต่อหน้าผู้อํานวยการ
แกเป็นผู้เข้าสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ อย่างงั้นแล้วผลการเรียนปกติของแกจาะมา เกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ได้อย่างไร?
อย่างน้อยที่สุด แม้ว่าหวังเต็งจะไม่ผ่านการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ แต่เขาก็จะต้องทําได้ดีในระหว่างการประเมินการต่อสู้จริง เขาเป็นศิษย์นักสู้ขั้นสุดยอด และมันก็มีมหาวิทยาลัยมากมายที่ต้องการตัวเขา
และดูเหมือนว่าผู้อํานวยการคนนี้จะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะประสบความสําเร็จจริงๆ
“ หวังเต็ง เธอไม่รู้หรอว่าโรงเรียนของเรามีระบบการให้รางวัลแก่ผู้เข้าสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ด้วยนะ?”
“ ถ้าเธอสามารถเข้าสู่ 50 อันดับแรกของการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ได้ เธอก็จะได้รับรางวัลเป็นหินพลังงานระดับต่ําขั้นเหลืองหนึ่งก้อน หากเธออยู่ใน 40 อันดับแรก เธอก็จะได้รับ หินพลังงานระดับต่ําขั้นเหลืองสามก้อน และเมื่อเข้าสู่ 30 อันดับแรก เธอก็จะได้รับหินพลังงานห้า ก้อน ถ้าอยู่ใน 20 อันดับแรก เธอก็จะได้เจ็ดก้อน และ 10 อันดับแรกเธอก็จะได้รับรางวัลเป็ นหินพลังงานสิบก้อน”
“ ถ้าเธอติดสามอันดับแรกของกลุ่ม เธอก็ไม่เพียงแต่จะได้รับหินพลังงานเท่านั้น แต่เธอยังจะได้รับขวดเม็ดยาจิตวิญญาณอีกด้วย”
ผู้อํานวยการมองไปที่หวังเต็งและยิ้มอย่างลึกลับให้กับเขา เขาพูดอย่างช้าๆว่า “ และถ้าเธอเป็นที่หนึ่ง เธอก็ไม่เพียงแต่จะได้รับรางวัลทั้งหมดที่ฉันพูดถึงก่อนหน้านี้เท่านั้น แต่มันก็จะยังมีรางวัลลึกลับอีกรางวัลหนึ่งที่จะไม่ทําให้เธอผิดหวังอย่างแน่นอน!
หินพลังงาน!
เม็ดยาจิตวิญญาณ!
รางวัลลึกลับ!
หวังเต็งติดอยู่ในภวังค์งอมแงมในทันที รางวัลเหล่านี้น่าดึงดูดใจมากขึ้นเรื่อยๆ หินพลังงานเม็ดยาจิตวิญญาณ เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าโรงเรียนมัธยมตงไห่จะร่ํารวยและเอื้อเฟื้อขนาดนี้