บทที่ 600 พนันชีวิต
วินาทีต่อมา เสียงโห่ร้องดังขึ้น
นักแข่งรถกาวลี่เปิดแชมเปญฉลอง ต่างโห่ร้องอย่างฮึกเหิม
ฝั่งหวาเซี่ย ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งรถหวาเซี่ยหรือผู้ชมต่างเงียบกริบเป็นเป่าสาก
จนถึงตอนนี้ ฝั่งหวาเซี่ยแพ้รวด!
พอได้ยินเสียงโห่ร้องของพวกนักแข่งรถกาวลี่โดยมีผูชางจวู้นเป็นหัวโจก ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งรถหวาเซี่ยที่มาจากทั่วทุกสารทิศ หรือแม้แต่ผู้ชมที่มาเพื่อดูการแข่งในคืนนี้เป็นพิเศษ ต่างทำหน้าเหมือนกินแมลงวันเข้าไป สีหน้าไม่สู้ดีกันขึ้นไปเรื่อยๆ!
ไม่เพียงแค่พวกเขา หวู่เหวินโป่กับจี้หงเองก็สีหน้าย่ำแย่พอกัน
“เหอะ ไม่คิดเลยว่าแกยังกล้าโผล่หน้ามาอีก? ฉันคิดว่าแกจะมุดหัวอยู่ในห้องไม่กล้าออกมาแล้วซะอีก!”
วินาทีต่อมา หลี่ตงชิงก็เห็นพวกเฉินเฟิงสามคน เลยเดินเข้ามาหาเอง พลางมองหวู่เหวินโป๋อย่างเย้ยหยัน “อาจารย์ฉันบอกว่าจะพาคนมายึดแชมป์แข่งรถหวาเซี่ย ตอนแรกแกไม่เชื่อ ตอนนี้เชื่อหรือยังล่ะ?”
“การแข่งยังไม่จบ!” พอเห็นสีหน้าเหิมเกริมกร่างของหลี่ตงชิง และได้ยินคำพูดถากถางของเขา หวู่เหวินโป๋กัดฟันตอบ
“ต่างกันไหมล่ะ? แกคิดว่าแกจะเอาชนะฉัน หรืออาจารย์แกจะเอาชนะอาจารย์ฉันได้หรือไง?” หลี่ตงชิงยิ้มเย็น
“เดี๋ยวผลลัพธ์จะบอกนายเอง!” หวู่เหวินโป๋ตอบเสียงเย็น
“เหอะ ในเมื่อแกมั่นใจขนาดนี้ งั้นเรามาพนันกันให้มันส์กว่านี้หน่อย—-นอกจากเงินพนันก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าแกแพ้ ก็ฆ่าตัวตายซะ ถ้าฉันแพ้ก็แล้วแต่แกจะจัดการ เป็นไง?”
หลี่ตงชิงพูดอย่างหมายมาด และไม่ปกปิดรังสีอำมหิตในดวงตาเลยสักนิด
ตอนหวู่เหวินโป๋ไม่ไว้หน้าผูชางจวู้นที่สนามบิน หลี่ตงชิงก็ตั้งใจจะสั่งสอนหวู่เหวินโป๋ซักยกอยู่แล้ว แถมเมื่อกี้หวู่เหวินโป๋ยังให้คนหักขานักแข่งกาวลี่อีก ทำให้ผูชางจวู้นเสียหน้ายกใหญ่ เขายิ่งอยากฆ่าหวู่เหวินโป๋หนักขึ้น
“เห…”
พอได้ยินคำพูดของหลี่ตงชิง ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งรถหวาเซี่ยที่มาจากทั่วทุกสารทิศ หรือแม้แต่ผู้ชมที่อยู่โดยรอบ ต่างพากันตะลึงอึ้งไป
พวกเขาไม่คิดเลยว่า หลี่ตงชิงจะพนันชีวิตกับหวู่เหวินโป๋!
เพราะไม่ว่าจะเป็นการพนันแบบไหนก็ตาม การพนันชีวิตถือเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นและอัตรายที่สุด นอกจากจะมีความแค้นหนักหนาสาหัสแล้ว แทบไม่มีใครที่ไหนกล้าพนัน
ไม่เพียงพวกเขาเท่านั้น จี้หงกับหวู่เหวินโป๋เองก็ไม่คิดเหมือนกัน ต่างพากันตะลึงอยู่กับที่ มีแต่เฉินเฟิงที่สีหน้าเรียบเฉย เขาจับความอยากฆ่าที่หลี่ตงชิงซ่อนไว้ได้หลายครั้งแล้ว!
“แกไม่ได้กล้ามากหรือไง? แกพึ่งบอกฉันเองนะว่า จะไม่ยอมเป็นหมาหัวหดหรือขี้ขลาดตาขาวในการแข่ง? ทำไมไม่กล้ารับปากล่ะ? ถ้าแกกลัว ก็ยอมแพ้ออกมาตรงๆเลย ฉันจะได้ยอมไว้ชีวิตแก!” ที่หลี่ตงชิงกล้าเข้ามาท้าทายหวู่เหวินโป๋ก่อน ก็เพียงแค่อยากให้หวู่เหวินโป๋โกรธจนขาดสติ และยอมพนันชีวิตด้วย จากนั้นก็ชนะการแข่ง ฆ่าหวู่เหวินโป๋ซะ ล้างแค้นให้ผูชางจวู้น
เพราะอย่างนั้น พอเขาเห็นหวู่เหวินโป๋อึ้งตะลึงอยู่กับที่ ไม่ตอบรับ เขาเลยใส่ไฟเพิ่ม “พนันก็….”
นั่นไง หวู่เหวินโป๋โดนหลี่ตงชิงท้าทายหลายรอบเข้า หัวเริ่มร้อน ทำท่าจะหลุดปากรับพนัน
จากนั้น—-
ไม่รอเขาพูดคำสุดท้ายออกมาก็โดนเฉินเฟิงตัดบทก่อนว่า: “เหวินโป๋ อย่าใจร้อน”
“พี่เฟิง ผม…” หวู่เหวินโป๋อยากอธิบายอะไร เขารู้สึกว่าหลี่ตงชิงมันหยามหน้ากันเกินไป และเขาเองก็ไม่กลัวตายด้วย
“ฟังพี่”
เฉินเฟิงส่ายหน้าเบาๆ เสียงไม่ดัง แต่น้ำเสียงหนักแน่น เขาสัมผัสความอยากฆ่าในแววตาหลี่ตงชิงได้นานแล้ว และดูออกว่าสิ่งที่หลี่ตงชิงทำทั้งหมดก็เพื่อยั่วให้หวู่เหวินโป๋ตบะแตก
ถ้าเป็นแบบนี้ เขาเชื่อว่า หลี่ตงชิงต้องมั่นใจในการแข่งที่กำลังจะลงแข่งมาก ไม่งั้นคงไม่เอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นแน่!
ยิ่งไปกว่านั้นผ่านการแข่งสี่รอบก่อนมา เฉินเฟิงเห็นได้ชัดเลยว่า นักแข่งรถกาวลี่รู้เขารู้เราดีมาก เห็นได้ชัดว่าตั้งใจมาจัดการนักแข่งรถหวาเซี่ยโดยเฉพาะ?
“เหอะ ฉันเดาถูกจริงด้วย แกมันก็ไอ้ขี้ขลาด พวกแกคนหวาเซี่ยน่ะขี้ขลาดตาขาวกันหมดแหละ ไม่แม้แต่จะแข่งเลยด้วยซ้ำ งั้นก็ยอมแพ้ออกมาเลยสิ!” พอเห็นหวู่เหวินโป๋กำลังจะรับพนันกลับโดนเฉินเฟิงเบรกไว้ หลี่ตงชิงถลึงตาใส่เฉินเฟิงหนึ่งที ก่อนหันมายั่วหวู่เหวินโป๋ต่อ “อีกอย่าง แกกลับเปลี่ยนการตัดสินใจตัวเองเพราะคำพูดคำเดียวของลูกน้อง นี่มันน่าผิดหวังจริงๆนะ…” “ไอ้เวรแกว่าไงนะ?”
“สารเลว แกพูดอีกรอบสิ?”
…คราวนี้ไม่รอหวู่เหวินโป๋ตอบคำ นักแข่งรถหวาเซี่ยและผู้ชมที่ยืนอยู่รอบๆร้อนใจมาก พวกเขาตะคอกดังใส่หลี่ตงชิง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวนี่ทำให้หลี่ตงชิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ถอย กลับยิ้มเย็นมองหวู่เหวินโป๋: “หรือว่าพวกนักแข่งรถหวาเซี่ยอย่างพวกแกแพ้ไม่เป็นหรือไงล่ะ? แพ้การแข่งก็อาศัยว่าเป็นเจ้าถิ่นจะมารังแกแขกงั้นสิ? พวกแกไม่กลัวเรื่องนี้แพร่ออกไปแล้วจะโดนคนในวงการของประเทศอื่นหัวเราะเยาะเอาหรือไง?”
“อย่าขยับ!”
ต้องยอมรับเลยจริงๆว่า หลี่ตงชิงเป็นคนเจ้าเล่ห์มากคนหนึ่ง เขาจับจุดตายของหวู่เหวินโป๋ได้แม่นมาก พอเขาพูดจบ หวู่เหวินโป๋ก็เอ่ยปากห้ามทัพพวกนักแข่งรถหวาเซี่ยและผู้ชมไว้ทันที
พอได้ยินคำพูดของหวู่เหวินโป๋ พวกนักแข่งรถหวาเซี่ยและผู้ชมก็ชะงักเท้าไว้ แต่ยังคงชี้หน้าด่าทอหลี่ตงชิงไม่หยุด เหมือนกับว่า ถ้าหลี่ตงชิงกล้าพูดจาไม่เข้าหูออกมาอีกที พวกเขาจะลงมือแล้ว
“แกระวังปากแกไว้ดีๆละกัน อย่าใช้ก้นพูด ไม่งั้นฉันไม่รับประกันว่าแกจะมีชีวิตออกไปจากที่นี่ได้!” หวู่เหวินโป๋รับรู้ได้ถึงความโกรธของคนรอบข้าง เขาเอ่ยปากเตือนหลี่ตงชิง
“เหอะ!”
หลี่ตงชิงยิ้มเย็นเย้ยหยัน แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก ได้แต่จ้องมองหวู่เหวินโป๋เขม็ง “ขี้ขลาด บอกฉันสิ แกกล้าพนันชีวิตไหม? ถ้าไม่กล้าพนัน ก็พนันขาข้างหนึ่งก็ได้! ถ้าแกแพ้ ฉันหักขาแกข้างหนึ่ง ถ้าแกชนะ ก็หักขาฉันข้างหนึ่ง!”
ครั้งนี้หวู่เหวินโป๋ไม่ได้รับปากทันที เขาข่มกลั้นความอยากรับปากเอาไว้ มองไปทางเฉินเฟิง และเห็นเฉินเฟิงส่ายหัวอีกครั้ง
“ตงชิง นายก็บอกว่ามันขี้ขลาดแล้ว มันจะกล้ารับปากได้ไงล่ะ?”
“ตงชิง มันตกใจจนจะฉี่ราดอยู่แล้ว แกอย่าไปทำมันตกใจอีกเลย! ฮะฮะ”
พวกนักแข่งรถกาวลี่ต่างเข้าใจความคิดหลี่ตงชิง พอได้ยินหลี่ตงชิงยอมถอยให้ เหลือแค่พนันขา ก็พากันเย้ยหยันแดกดัน
“ก็จริงนะ มันตกใจกลัวสุดขีดแล้วนั่น ไม่กล้ารับพนันแบบนี้อยู่แล้วล่ะ” หลี่ตงชิงพูดประชด แต่ในใจกลับเข้าใจดีว่า ที่หวู่เหวินโป๋ไม่รับปาก เป็นเพราะเฉินเฟิงคอยห้ามไว้ เขายิ่งไม่พอใจเฉินเฟิงมากขึ้น แต่ไม่ได้เข้าไปหาเรื่องเฉินเฟิง และพูดกับหวู่เหวินโป๋ต่อว่า:
“เอาอย่างนี้ละกัน ไอ้ขี้ขลาด ในเมื่อแกไม่กล้าพนันชีวิตพนันขา งั้นเอาให้ง่ายลงหน่อย ถ้าแกแพ้ ก็คุกเข่าต่อหน้าพวกเรา ตบหน้าตัวเองขอโทษ ถ้าแกชนะ ฉันจะทำแบบเดียวกัน— แกคงไม่ใช่ไม่กล้ารับพนันแบบนี้ด้วยนะ?”
“ได้!” พอเผชิญกับการยั่วยุครั้งแล้วครั้งเล่าของหลี่ตงชิง ในที่สุดหวู่เหวินโป๋ก็ทนไม่ไหวรับปากออก
จากนั้นก็หันไปพูดเชิงขอโทษกับเฉินเฟิงว่า: “ขอโทษ พี่เฟิง ผมทนไม่ไหวจริงๆ! ถ้าวันนี้ผมไม่รับปากอะไรเลย คำว่าขี้ขลาดสองคำนี้ต้องตามติดผมไปตลอดชีวิตแน่ ผมไม่มีวันจะโงหัวสู้หน้าใครได้อีกเลย!”