ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 641

ตอนที่ 641

บทที่ 641 ยิ่งใหญ่เอิกเกริก

พวกก่วนหนานเทียนทั้งสามคนตอบรับตามๆกัน ใบหน้าของก่วนหนานเทียนมีรอยยิ้ม ดูเป็นมิตรเข้าหาง่าย ทางด้านรองประมุขสหพันธ์บูโดหางโจวท่าทางเกรงใจเป็นอย่างมาก

แม้ว่าเขาจะเป็นถึงรองประมุขของสหพันธ์ แต่เมื่อเทียบกับพวกปรมาจารย์คงเหมิงปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้แล้ว ฐานะ ตำแหน่งไม่อาจเทียบเท่าได้

สำหรับอู่จื่อโจว….เขาเพียงแค่พยักหน้าให้กับทุกคนเล็กน้อย จากนั้นเดินไปยังดาดฟ้าบนเรือ มองไปที่ทางขึ้นเรือ คล้ายว่ากำลังรอการมาของผู้สืบทอดตระกูลจิ่งและเฉินเฟิง

“ท่านประมุขก่วน คนของตระกูลจิ่งจะมาเมื่อไหร่?” หลังจากอู่จื่อโจวเดินไป จ้าวอู๋เต้าถามก่วนหนานเทียน

“ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ติดต่อมาหาฉัน บอกว่าจะมาถึงที่นี่ตอนเที่ยง น่าจะใกล้ถึงแล้ว” ก่วนหนานเทียนตอบ

“คนของตระกูลจิ่งมาแล้ว!”คล้ายกับว่ายืนยันคำพูดของก่วนหนานเทียน สิ้นเสียงของเขา หางตาของเจ้าสำนักอู่ตังจางเทียนซือ เห็นจิ่งหยุนเฟิงซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลจิ่ง เขาพาพ่อลูกจิ่งเถิงเดินมุ่งหน้ามาทางขึ้นเรือ

ทางด้านเฉินอี๋ซือไท่เจ้าสำนักเอ๋อร์เหมยพาศิษย์สำนักเอ๋อร์เหมยมาสองคน พวกคนเดินตามหลังคนตระกูลจิ่ง คล้ายกับว่าเป็นผู้ติดตามของตระกูลจิ่ง

“ตระกูลจิ่งมาอย่างยิ่งใหญ่เอิกเกริกจริงๆ!”

เมื่อเห็นภาพนี้ แทบจะทุกคนต่างมีความคิดนี้ขึ้นในใจ

สำนักเอ๋อร์เหมยเคยเป็นสำนักใหญ่เช่นเดียวกับเส้นหลิน สำนักอู่ตัง ถือเป็นตัวอย่างของบูโดหวาเซี่ย ถึงแม้ในตอนหลังจะย่ำแย่ลงไปบ้าง แต่อูฐที่ผอมแห้งก็ตัวใหญ่กว่าม้า นอกจากสำนักอู่ตังและเส้นหลินแล้วนั้น แม้แต่สำนักปากั้วก็ยังไม่กล้าพูดว่าสามารถข่มสำนักเอ๋อร์เหมยได้

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เจ้าสำนักเอ๋อร์เหมยเฉินอี๋ซือไท่กลับทำตัวเหมือนผู้ติดตาม คนเดินอยู่ด้านหลังคนตระกูลจิ่ง ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะบอกว่าคนตระกูลจิ่งมาด้วยความยิ่งใหญ่เอิกเกริก ยากที่จะได้เห็น

“หัวหน้าตระกูลจิ่งจิ่งหยุนเฟิงมาถึง!”

“เจ้าสำนักเอ๋อร์เหมยเฉินอี๋ซือไท่มาถึง!”ตามด้วย ตอนที่จิ่งหยุนเฟิงเดินมาถึงสถานที่ปิดล้อม พนักงานร้องตะโกนชื่อและตำแหน่งของพวกเขาออกมาเสียงดัง

สำหรับสิ่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นจิ่งหยุนเฟิงและจิ่งเซ่อเหมิง พ่อลูกจิ่งเถิง หรือว่าเฉินอี๋ซือไท่ก็ไม่แม้แต่จะปรายตามองพนักงาน พวกเขาเดินตรงเข้ามาในสถานที่ปิดล้อม

พนักงานคนนั้นไม่เพียงแต่ไม่เดินเข้าไปขวางหน้า ในทางกลับกันพวกเขากลับถอยหลังหนีเพราะรังสีความน่ากลัวที่แผ่ออกมา พนักงานคนนั้นถอยหลังจนเกือบจะล้มลงกับพื้น เขาแทบจะทรุดลงไป

เมื่อเห็นภาพนี้ อู่จื่อโจวที่ยืนอยู่ตรงดาดฟ้าเรือขมวดคิ้วเล็กน้อย ทางด้านพวกก่วนหนานเทียนมองหน้ากัน แล้วพากันส่ายหน้า

จากบันทึกของบูโดหวาเซี่ย ทุกครั้งที่ตระกูลจิ่งออกมาล้วนทำให้บูโดหวาเซี่ยสั่นสะเทือน สร้างเรื่องใหญ่ ครั้งนี้ก็ไม่เป็นข้อยกเว้น ใช้อำนาจของตนเองมาข่มคนอื่น!

“ปรมาจารย์จิ่ง ไม่ได้เจอกันนาน”

ตามด้วย หลังจากที่จิ่งหยุนเฟิงและคนของเขาขึ้นมาบนเรือ ก่วนหนานเทียนลุกขึ้น เดินไปกล่าวทักทายจิ่งหยุนเฟิงก่อน

“หนานเทียน พวกเราไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว”

จิ่งหยุนเฟิงพยักหน้า ไม่ได้พูดยศนำหน้าชื่อของก่วนหนานเทียน จากนั้นชำเลืองมองปรมาจารย์คงเหมิง จางเทียนซือและจ้าวอู๋เต้าทั้งสามคน แล้วพูดขึ้น:“แต่ฉันกับคงเหมิง จางเทียนซือและจ้าวอู๋เต้าทั้งสามคนเคยเจอกันเมื่อหกปีก่อน”

ตกตะลึงกับคำพูดของจิ่งหยุนเฟิง ปรมาจารย์คงเหมิงและปรมาจารย์อีกสองคนสีหน้าเหยเกทันที

เมื่อหกปีก่อน เป็นครั้งแรกที่จิ่งเถิงออกมาจากพื้นที่บรรพบุรุษตระกูลจิ่ง ออกมาเที่ยวเตร่ด้านนอก ท้าประลองกับผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักเส้นหลิน สำนักอู่ตังและสำนักปากั้ว จิ่งหยุนเฟิงก็มาด้วยตนเอง มาเป็นพยานดูจิ่งเถิงบดขยี้ทำลายผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งที่สุดของสามสำนักใหญ่

วันนี้ จิ่งหยุนเฟิงพูดถึงเรื่องเมื่อหกปีก่อนต่อหน้าสาธารณะ เป็นการไม่ให้เกียรติสำนักเส้าหลิน สำนักอู่ตังและสำนักปากั้วแม้แต่น้อย

“ท่านประมุขก่วน ในเมื่อพวกคุณมาถึงแล้ว แสดงว่าพวกคุณรู้ว่าเจ้าเด็กที่ชื่อเฉินเฟิงจะรับคำท้าของเถิงเอ๋อ”

ครู่หนึ่ง ไม่รอให้ปรมาจารย์คงเหมิงทั้งสามคนได้ตอบกลับ จิ่งเซ่อเหมิงผู้เป็นพ่อของจิ่งเถิงอยู่ดีๆก็พูดขึ้นมา น้ำเสียงของเขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก “ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราทุกคนต่างมากันแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็รอเจ้าเด็กคนนั้นเพียงคนเดียว——เขาวางมาดเกินไปรึเปล่า?”

“คุณอาจะไม่รู้ จนถึงตอนนี้ เฉินเฟิงยังไม่ได้เอ่ยว่าจะรับคำท้าและไม่ได้มีท่าทีว่าจะรับคำท้าของลูกชายฉัน”

เสียงของจิ่งเซ่อเหมิงดังขึ้น รับรู้ถึงน้ำเสียงบีบเคล้นของจิ่งเซ่อเหมิง รอยยิ้มบนใบหน้าก่วนหนานเทียนจางหายไป พูดเสียงเคร่งขรึม:“ที่พวกเรามาที่นี่ เป็นเพราะคิดว่าเขาจะตอบรับคำท้า ไม่ใช่เป็นเพราะรู้ว่าเขาต้องรับคำท้า”

“มีอะไรแตกต่างกันหรอ?” จิ่งเซ่อเหมิงถามด้วยใบหน้าเย็นชา

“แตกต่างมาก”

ครั้งนี้ ไม่รอให้ก่วนหนานเทียนตอบ อยู่ดีๆอู่จื่อโจวก็เดินมาทางนี้ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ พูดด้วยคำพูดหนักแน่น “พวกเราคิดว่าเฉินเฟิงจะรับคำท้าแต่นี่ก็เป็นแค่การคาดเดา ตัดสินใจของพวกเราเท่านั้น ท่าทีของเฉินเฟิงต่างหากที่จะสามารถตัดสินใจว่าการประลองครั้งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ เปลี่ยนเป็นพูดอีกด้านหนึ่ง ถ้าเฉินเฟิงไม่รับคำท้า พวกเราทุกคนก็จะไปจากที่นี่ และตระกูลจิ่งของพวกคุณก็ห้ามทำอะไรเฉินเฟิงเด็ดขาด!”

“อู่จื่อโจว หลังจากที่นายเข้าร่วมสหพันธ์สงคราม นายไม่เหมือนเดิมแล้ว คำพูดของนายหนักแน่น ไม่ได้เป็นไอ้ขี้ขลาดคนเดิมในตอนนั้นที่ไม่กล้าแม้แต่ท้าประลองกับฉัน” ได้ฟังคำพูดของอู่จื่อโจว สีหน้าของจิ่งเซ่อเหมิงเปลี่ยนเป็นเล็กน้อย จากนั้นแสยะยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

ตอนนั้น หลังจากโจวโพ่คองบรรลุระดับหั้วจิ้ง เขาได้ท้าประลองกับสำนักและตระกูลที่ซ่อนตัวเอาไว้ของบูโดหวาเซี่ย ทว่าอัจฉริยะที่รองมาจากโจวโพ่คอง อู่จื่อโจวกลับไม่ได้ทำแบบนั้น เขาเอาแต่ฝึกซ้อมวรยุทธ์อย่างถ่อมตน

“อาจารย์ของคุณไม่เคยสอนให้คุณเคารพผู้อาวุโสหรอ?”

ไม่เพียงแต่จิ่งเซ่อเหมิง จิ่งหยุนเฟิงเองก็พูดขึ้นมา เขาขมวดคิ้วเป็นปม ตัวของเขาแผ่รังสีที่แสนน่ากลัวออกมา รังสีทั้งตัวจับจ้องมาที่อู่จือโจว หัวเราะในลำคอแล้วพูด:“คำพูดเมื่อกี้ ท่านอาจารย์ของนายพูดก็ยังพอได้ สำหรับนาย นายมันเป็นแค่อะไร? ถึงกล้าชี้หน้าสั่งต่อหน้าท่านผู้อาวุโส?”

“ฉันมาในนามตัวแทนของท่านอาจารย์และสหพันธ์สงคราม คำพูดของฉันก็คือคำพูดของท่านอาจารย์ และเป็นท่าทีของสหพันธ์สงคราม!” อู่จื่อโจวพยายามข่มความแข็งแกร่งของจิ่งหยุนเฟิง พูดอย่างไม่แข็งกร้าวและไม่ถ่อมตนจนเกินไป เพราะถึงอย่างไรจิ่งหยุนเฟิงก็เป็นชั้นครึ่งปรมาจารย์แล้ว ทุกคนที่อยู่ที่นี่ แม้ว่าจะเป็นก่วนหนานเทียน ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจิ่งหยุนเฟิง

“หึ……ท่านอาจารย์ของนายสอนลูกศิษย์ที่หยิ่งผยองจริงๆ”

จิ่งหยุนเฟิงหัวเราะในลำคอ ไม่ได้ใช้ฐานะของผู้อาวุโสและหัวหน้าครอบครัวตระกูลจิ่งในการข่มอู่จื่อโจว

ด้านหนึ่ง เขาดูออกว่าอู่จื่อโจวเป็นคนหัวรั้นมาก อีกด้านหนึ่ง เขากลัวท่านอาจารย์ของอู่จื่อโจวและสหพันธ์สงครามไม่มากก็น้อย

เพราะถึงอย่างไร ท่านอาจารย์ของอู่จื่อโจวก็ก้าวเข้าไปในแดนชั้นครึ่งปรมาจารย์ วรยุทธ์ของเขาลึกล้ำไม่สามารถคาดการณ์ได้ แม้ว่าเขายังไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะได้ ส่วนสหพันธ์สงครามก็เป็นตัวแทนอำนาจของประเทศ เป็นหนึ่งในองค์กรจอมยุทธ์ทั้งสามของหวาเซี่ย

ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าตระกูลจิ่งเล่นไม้แข็งกับสหพันธ์สงคราม เท่ากับหาเรื่องอำนาจของประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีกับตระกูลจิ่ง

“แน่นอนว่าฉันไม่มีทางทำอะไรไอ้คนขี้ขลาดนั่น” ในเวลานี้เอง จิ่งเถิงที่เงียบมาโดยตลอดก็พูดขึ้น น้ำเสียงของเขาเคล้าไปด้วยความหยิ่งผยอง เมื่อเทียบกับจิ่งหยุนเฟิง จิ่งเซ่อเหมิงพ่อลูกทั้งสองคนแล้ว มีแต่จะเหนือกว่า อธิบายความหมายของคำว่าชายหนุ่มบ้าคลั่งทั้งสี่คำนี้ได้ดี “แต่ถ้าไอ้ขี้ขลาดคนนั้นคลุ้มคลั่งขึ้นมาจะรับคำท้า เช่นนั้นต่อให้ผมทำร้ายมันจนกลายเป็นหมาตาย หรือว่าเอาตัวมันหั่นเป็นชิ้นๆแล้วเลี้ยงปลาในทะเลสาบตะวันตก ก็ห้ามมีใครเข้ามายุ่ง สหพันธ์สงครามก็ไม่ได้!”

อู่จื่อโจวฟังในสิ่งที่เขาพูด แล้วมองจิ่งเถิงอย่างลุ่มลึก ไม่ได้พูดอะไร

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน