ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 667

ตอนที่ 667

บทที่ 667 จุดอ่อนของเฉินเฟิง

“แบบนี้นี่เอง”

เฉินเฟิงครุ่นคิด เซียวกั่วจงสอนวิชาหายใจอันลึกลับให้แก่เขาไม่เพียงแต่ช่วยให้เขาฝึกการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น อีกทั้งเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูวรยุทธก็จะแกร่งกล้ามากขึ้น

เขามีข้อสงสัยในเรื่องนี้มาโดยตลอด วันนี้ได้ฟังจากเย่หนานเทียนเขาก็เพิ่งเข้าใจความเป็นมา พลังภายในเป็นพื้นฐานของจอมยุทธ์ เหมือนดั่งรากฐานของสิ่งก่อสร้างซึ่งมีความสำคัญต่อจอมยุทธ์เป็นอย่างมาก!

“เสี่ยวเฟิง ที่ฉันพูดเมื่อกี้ไม่ได้จะปฏิเสธความสำเร็จในเส้นทางการต่อสู้ของแกนะ พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของแกแข็งแกร่งมากจะบอกว่าแกคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยเจอมา”

เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงตกอยู่ในภวังค์ก็กลัวว่าคำพูดของเขาจะกระทบจิตใจอีกฝ่ายจึงเอ่ยเสริม “เหล่าทายาทของศิลปะการต่อสู้แห่งตระกูลใหญ่และอำนาจ ถึงแม้จะสามารถผ่านเข้าขั้นหั้วจิ้งได้ก่อนอายุสามสิบแต่ไม่มีใครสร้างการต่อสู้ได้ด้วยตัวเองเหมือนแกแน่นอน เท่าที่ฉันรู้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีใครสร้างการต่อสู้ได้ด้วยตัวเองก่อนอายุสามสิบเพื่อตั้งสำนักขึ้นมาใหม่! ยิ่งไปกว่านั้นกระบี่สแลชมังกรที่แกสร้างขึ้นมามีความทรงพลัง เหมาะแก่การนำมาแสดงมีอานุภาพการทำลายล้างที่น่ากลัว”

“ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่ทายาทของศิลปะการต่อสู้แห่งตระกูลใหญ่และอำนาจได้ฝึกการต่อสู้ตั้งแต่เล็กจนโต กระทั่งเทความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ นี่คือสิ่งที่ผมเทียบไม่ได้”

เมื่อได้รับการชื่นชมจากเย่หนานเทียนเฉินเฟิงก็แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน โดยการหาข้อบกพร่องของตัวเอง

“อืม นี่เป็นข้อเสียเปรียบอย่างหนึ่งของแก ทว่าหากแกได้ทุ่มฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่เล็กจนโต หนทางความสำเร็จในด้านศิลปะการต่อสู้ของแกนั้นยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน”

เย่หนานเทียนมีสีหน้าปลื้มใจจากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา โดยชี้แนะถึงข้อบกพร่องอีกอย่างของเฉินเฟิง “นอกจากเวลาในการฝึกฝนการต่อสู้ของแกน้อยแล้ว แกยังมีจุดอ่อนอีกอย่างหนึ่ง”

“ศิษย์พี่พูดมาได้เลยครับ” เฉินเฟิงน้อมรับคำแนะนำ

“นอกจากกระบี่สแลชมังกรที่แกสร้างขึ้นมาเองแล้ว แกยังได้ศิลปะการต่อสู้อีกหลากหลายอย่าง แต่แกยังเข้าไม่ถึงแก่นแท้”

เย่หนานเทียนเอ่ยอย่างเอ็นดู “กระบี่สแลชมังกรเป็นศิลปะการต่อสู้ที่แกสร้างขึ้นมาเองและก็เหมาะสมกับแกมากที่สุด แต่แกก็ไม่สามารถใช้มันในการต่อสู้ทุกครั้งได้ ไม่อย่างนั้นพอเวลาผ่านไปนานวันเข้าก็จะมีคนรู้ทัน ความทรงพลังของมันก็จะลดลง ฉันหมายความว่านอกจากกระบี่สแลชมังกรแล้วแกต้องเข้าถึงแก่นแท้ของศิลปะการต่อสู้อย่างอื่น เพื่อที่จะได้ใช้ต่อกรกับศัตรู”

“สำหรับจอมยุทธ์ทั่วไปเมื่อเทียบกับอัจฉริยะในรุ่นเดียวกันแกถือว่าเข้าถึงแก่นแท้ของศิลปะการต่อสู้แต่ละแขนงแล้ว แต่เมื่อเทียบกับมหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้หรือเจ้าสำนัก แกยังห่างจากคำว่าเข้าถึงแก่นแท้อีกไกลนัก”

เย่หนานเทียนอธิบายอย่างใจเย็น ก่อนเอ่ยแสดงความคิดเห็น “ฉันแนะนำว่าบนหนทางศิลปะการต่อสู้ของแกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากแกจะต้องฝึกกระบี่สแลชมังกรที่ตัวเองสร้างขึ้นให้ดีแล้ว เลือกการต่อสู้แขนงอื่นอีกสองสามแขนงฝึกฝนควบคู่ไปด้วยจะได้เข้าใจและเข้าถึงแก่นแท้อย่างแท้จริง ไม่ใช่รู้แค่ผิวเผินเหมือนในตอนนี้”

“ครับศิษย์พี่”

เฉินเฟิงพยักหน้ารับ ราวกับสะดุ้งตื่นจากฝัน

คำแนะนำของเย่หนานเทียนราวกับเสียงที่ปลุกเขาตื่นจากฝัน

ถึงแม้หลายวันก่อนเขาจะเพิ่งฆ่าจิ่งเถิงในสงครามแห่งความเป็นความตาย ทว่าในระหว่างการไตร่ตรองเขาก็พบว่าตอนที่จิ่งเถิงใช้วิชาเฉพาะของตระกูลจิ่ง โดยเฉพาะตอนที่ใช้หยินหยางฆ่า นอกจากใช้กระบี่สแลชมังกรแล้วเขาก็ไม่มีศิลปะการต่อสู้แขนงอื่นมาใช้ต่อกรกับศัตรู

พูดอีกอย่างก็คือหากเขาไม่มีกระบี่สแลชมังกรที่สร้างขึ้นเอง คนที่ถูกฆ่าในวันนั้นคือเขาไม่ใช่จิ่งเถิง!

นี่คือเสียงระฆังที่เตือนสติเขา!

ดังที่เย่หนานเทียนกล่าว คู่ต่อสู้ที่เขาเจอก่อนหน้านี้ล้วนธรรมดา เขาใช้การต่อสู้แขนงต่างๆก็รับมือได้โดยง่าย ทว่าเมื่อปะทะกับทายาทของศิลปะการต่อสู้แห่งตระกูลใหญ่และจอมยุทธ์ชั้นสูง ศิลปะการต่อสู้เหล่านั้นก็ไร้ประโยชน์

ทว่าเมื่อศึกษาหาสาเหตุไม่ใช่เพราะศิลปะการต่อสู้เหล่านั้นไม่แกร่งพอ เพียงแค่เขาเข้าไม่ถึงแก่นแท้จึงไม่ได้แสดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของศิลปะการต่อสู้เหล่านั้นออกมา

ครืด~”

ในขณะที่เฉินเฟิงกำลังครุ่นคิด เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

เมื่อเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นก็ทำให้เฉินเฟิงหลุดออกจากภวังค์ เขาหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหินมาดูก่อนจะพบว่าเป็นสายจากก่วนหนานเทียน เขาจึงกดรับสายทันที “สวัสดีครับท่านประมุขก่วน”

“เสี่ยวเฟิง นายยังอยู่ที่ยันเจียงใช่ไหม?” ก่วนหนานเทียนเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา

“ครับท่านประมุขก่วน ผมอยู่กับศิษย์พี่ของผม” เฉินเฟิงเอ่ยตอบตามความจริง

“อย่างนั้นก็ดี”

ก่วนหนานเทียนได้ยินดังนั้นก็โล่งอกไปก่อนเอ่ย “เป็นอย่างที่ฉันคาดเดาไว้จริงๆ ทายาทของสำนักกระบี่เทียนซาน ศาสนาพุทธภาคตะวันตก ตระกูลจีและหวังอีเตาล้วนเข้าร่วมชิงโควต้าของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกในครั้งนี้ เมื่อกี้อู่จื่อโจวโทรมาหาฉันบอกว่าทั้งสี่คนนั้นจะมาถึงยันเจียงในวันนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้ ให้ฉันมาบอกนายให้รีบมาที่ยันเจียง สหพันธ์บูโดจะเลือกหนึ่งคนจากในบรรดาพวกนาย เพื่อเป็นตัวแทนของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ยไปเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลก”

“จะคัดเลือกยังไงครับ? แข่งกันเองหรือ?”

เมื่อได้ยินข่าวนี้เฉินเฟิงก็ไม่ได้ประหลาดใจจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ส่วนรายละเอียดที่ว่าจะคัดเลือกยังไงอู่จื่อโจวยังไม่ได้บอกฉันต้องรอข่าวจากทางสหพันธ์บูโดก่อน เอาแบบนี้ดีกว่า วันนี้นายมาหาฉัน ฉันจะพานายไปสหพันธ์บูโด” ก่วนหนานเทียนเอ่ย

“ครับท่านประมุขก่วน”

เฉินเฟิงตอบรับจากนั้นรอก่วนหนานเทียนกดวางสายก่อนจึงจะเก็บโทรศัพท์

“เสี่ยวเฟิง หากนายต้องปะทะกับทายาทของหวังอีเตา ให้ระวังตัวด้วยแล้วก็ไม่ต้องออมมือ” เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงเก็บมือถือแล้วเย่หนานเทียนจึงเอ่ยเตือนขึ้นมา

ถึงแม้จะกลายเป็นคนพิการไปแล้วทว่าความสามารถในการได้ยินนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปอยู่มาก เขาจึงได้ยินบทสนทนาระหว่างเฉินเฟิงและก่วนหนานเทียนอย่างชัดเจน

“ทำไมครับ?” เฉินเฟิงเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ตอนนั้นฉันเลือกต่อสู้กับทายาทของห้าอำนาจทรงอิทธิพล ชนะเพียงแค่หวังอีเตา อีกสี่คนที่เหลือแพ้หมด และหลังจากที่ฉันเอาชนะหวังอีเตาได้ หวังอีเตาไม่พอใจที่พ่ายแพ้จึงเลือกที่จะแอบโจมตี เขาจึงโดนฉันฟันแขนขาดไปข้างหนึ่ง”

เย่หนานเทียนอธิบายช้าๆ “วิชาดาบของตระกูลหวังนั้นเหี้ยมโหด กระหายเลือด คนที่ฝึกฝนส่วนมากจะกลายเป็นคนใจแคบ เจ้าคิดเจ้าแค้น หากไม่มีอะไรผิดพลาด เขาต้องให้ลูกศิษย์ของเขาใช้โอกาสในครั้งนี้ลบล้างความอัปยศในครั้งนั้น!”

“ลูกศิษย์คนนั้นของหวังอีเตาหากอยากตาย ผมก็ไม่ถือสาที่จะทำให้เขาสมหวัง!”

ม่านตาของเฉินเฟิงหดแคบลง แววตาปรากฏความเหี้ยมโหด

เพื่อวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ย ศิษย์พี่ต้องกลายเป็นคนพิการ หากมีคนต้องการซ้ำเติมศิษย์พี่ เขาไม่ถือสาหากต้องให้บทเรียนแก่อีกฝ่าย!

“ฉันไปเป็นเพื่อนแกเอง”

เย่หนานเทียนพยักหน้า ตัดสินใจจะไปสหพันธ์บูโดเป็นเพื่อนเฉินเฟิง

การต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ยรุ่นเยาวชนกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!

ช่วงเช้าวันที่ต่อมา ก่วนหนานเทียนก็มาถึงที่พักของเย่หนานเทียน

ในฐานะประมุขของสหพันธ์บูโด เย่หนานเทียนไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับก่วนหนานเทียน เพราะว่าเขาคือสักขีพยานตอนที่เย่หนานเทียนตกต่ำ

หลังจากที่เย่หนานเทียนถูกผู้แข็งแกร่งอันดับเทพลอบทำร้ายจนพิการ ก่วนหนานเทียนก็รีบมาเยี่ยมเยียนเย่หนานเทียนทันที และตอนหลังก็มาเยี่ยมเยียนอีกหลายครั้งเพราะเกรงว่าเย่หนานเทียนจะทำใจไม่ได้ สุดท้ายเขาก็พบว่าเขาคิดมากไปเอง เพราะว่าเย่หนานเทียนเข้มแข็งกว่าที่เขาคิดไว้มาก ไม่เพียงแต่ทำใจได้อย่างรวดเร็วเท่านั้นเขายังแสดงความสามารถที่เหลืออยู่ในกองทัพและวงการศิลปะการต่อสู้ต่อไป!

“ท่านประมุขก่วน พวกเขามาถึงกันแล้วหรือ?” ภายในลานบ้านของอาคารสองชั้น เฉินเฟิงเข็นรถเข็นของเย่หนานเทียนออกไปด้านนอกพร้อมกับก่วนหนานเทียน

พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไปยังสหพันธ์บูโด

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน