ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 668

ตอนที่ 668

บทที่ 668 ศีลสามคนแปลก

“คงจะถึงยันเจียงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และคงจะถึงสหพันธ์บูโดช่วงค่ำ นั่นก็หมายความว่าพวกเราจะถึงก่อน” ก่วนหนานเทียนเอ่ย สำนักงานใหญ่ของสหพันธ์บูโดก็อยู่ที่ภูเขาซีซึ่งห่างจากที่พักของเย่หนานเทียนไม่ไกลนัก หากพวกเขาทั้งสามคนขึ้นรถไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็คงถึงที่หมาย

ก่วนหนานเทียนขับรถส่วนตัวมา เมื่อทั้งสามคนขึ้นรถแล้วก็มุ่งหน้าไปยังสำนักงานใหญ่สหพันธ์บูโดพร้อมกัน

สำนักงานใหญ่ของสหพันธ์บูโดตั้งอยู่ในสวนขนาดเล็กของภูเขาซี สวนแห่งนี้เคยเป็นสำนักงานของสถาบันหนึ่งๆ ตอนหลังสถาบันนั้นย้ายออกจากภูเขาซีไปอยู่ในเขตรุ่งเรือง ทำให้สวนแห่งนั้นว่างลงและเปิดเป็นที่สาธารณะ

ปัจจุบันถึงแม้ส่วนแห่งนี้จะเป็นสำนักงานใหญ่ของสหพันธ์บูโด ทว่าไม่มีการแขวนป้ายแต่อย่างใด ยังคงเปิดเป็นที่สาธารณะเหมือนสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง

ทว่าเนื่องจากที่แห่งนี้ค่อนข้างห่างไกล รอบข้างแทบไม่มีที่อยู่อาศัยของผู้คน ถึงแม้จะเปิดเป็นสถานที่สาธารณะก็ยากที่จะพบเห็นคน จะมีก็แต่คนที่ทำงานอยู่บริเวณใกล้เคียงมาเดินเล่นบ้างเท่านั้น พวกเฉินเฟิงขับรถเข้าไปในสวนก่อนจะขับไปตามถนนเส้นเล็กๆจนกระทั่งหยุดอยู่หน้าอาคารเก่าแก่หลังหนึ่ง

อู่จื่อโจวในฐานะหัวหน้าของแผนกบังคับใช้กฎหมายของสหพันธ์บูโด ยืนรอการมาถึงของทั้งสามคนอยู่หน้าอาคารเก่าแก่แห่งนี้ เพราะหลังจากที่ขับรถเข้ามาในสวนแล้ว ก่วนหนานเทียนก็ได้ส่งข้อความแจ้งอู่จื่อโจวไว้ก่อน

เมื่อรถหยุดลง อู่จื่อโจวก็ไม่ได้มีท่าทีวางมาดแต่กลับเป็นฝ่ายปรี่เข้าไปต้อนรับ

ส่วนเฉินเฟิงก็เดินไปยังกระโปรงท้ายรถเพื่อเอารถเข็นก่อน จากนั้นจึงพยุงเย่หนานเทียนลงจากรถ

ตอนที่เย่หนานเทียนถูกผู้แข็งแกร่งอันดับเทพรุมทำร้าย สุดท้ายกระดูกข้อเท้าและเข่าของเขาแตกหักเสียหายจนต้องตัดขาทิ้ง ปัจจุบันขาทั้งสองข้างของเขาล้วนเป็นขาเทียม หากไม่มีไม้เท้าต้องอาศัยคนพยุงเท่านั้น

หืม? เมื่อเห็นเย่หนานเทียนลงมาจากรถ อู่จื่อโจวก็ชะงักฝีเท้า บนใบหน้าปรากฏความประหลาดใจอย่างปิดไม่มิด

เขาคิดไม่ถึงว่าวันนี้เย่หนานเทียนจะมาด้วย

เนื่องจากวันนี้ไม่เพียงแต่มีทายาทของศาสนาพุทธภาคตะวันตก สำนักกระบี่เทียนซาน ตระกูลจีและหวังอีเตาเท่านั้น คนที่นำทัพมามีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นคนที่เคยประชันฝีมือกับเย่หนานเทียนในอดีต หรือก็คือทายาทรุ่นที่แล้วของสี่ขั้วอำนาจ

เช่นนั้นคนที่กลายเป็นคนพิการอย่างเย่หนานเทียนต้องพบเจอกับโจทก์เก่าในวันวาน นี่เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าหาญเป็นอย่างมากหรือไม่ก็ต้องปล่อยวางได้ในหลายๆเรื่อง

“ท่านประมุขก่วน ผู้อาวุโสเย่ เฉินเฟิง ยินดีต้อนรับสู่สหพันธ์บูโด” หลังตกอยู่ในภวังค์พักหนึ่ง อู่จื่อโจวก็รีบปรี่เข้ามาต้อนรับ ก่อนจะเอ่ยทักทายก่วนหนานเทียน เย่หนานเทียนและเฉินเฟิง

ขณะที่อู่จื่อโจวทักทายเย่หนานเทียน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความนับถือ

ไม่ผิด……

ถึงแม้ในตอนนี้เย่หนานเทียนจะกลายเป็นคนพิการ เขาก็ยังเคารพเย่หนานเทียนเป็นอย่างมาก! เพราะเขารู้ดีว่าคนที่เคยกดเขาจนกลายเป็นผู้ชายไร้ตัวตน หากไม่ใช่เพราะปกป้องประเทศจนถูกกำจัด ความสำเร็จด้านศิลปะการต่อสู้ในปัจจุบันไม่ใช่คนที่เขาสามารถเทียบได้อย่างแน่นอน ทว่าจะกลายเป็นคนที่เขาต้องเกรงกลัว

นอกจากนี้หากเขาเป็นเย่หนานเทียนที่ต้องกลายเป็นคนพิการอย่างทุกวันนี้ เขาไม่สามารถมีจิตใจที่เข้มแข็งอย่างเย่หนานเทียนได้แน่นอน!

“สวัสดี ท่านผู้อาวุโสอู่”

ทั้งสามคนต่างเอ่ยทักทายกลับ เฉินเฟิงและก่วนหนานเทียนเรียกอู่จื่อโจวตามตำแหน่ง ทว่าเย่หนานเทียนทำเพียงแค่ยิ้มบางๆเท่านั้นราวกับคนเป็นเพื่อนเก่าทักทายกัน

“ใช่แล้ว ชั่วพริบตาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว” อู่จื่อโจวถอนหายใจครั้งหนึ่งพลางมองเย่หนานเทียนที่นั่งอยู่บนรถเข็น เขามีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดทว่าไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน

“ท่านผู้อาวุโสอู่ เกณฑ์ในการคัดเลือกคนที่จะไปเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกในครั้งนี้คืออะไร?” ก่วนหนานเทียนที่เข้าใจสถานการณ์เอ่ยถามธุระในวันนี้ขึ้นมา เพราะไม่อยากให้อู่จื่อโจวและเย่หนานเทียนเอ่ยถึงเรื่องราวแย่ๆในอดีต

อู่จื่อโจวได้ยินดังนั้นก็กำลังจะเอ่ยปากตอบ ทว่ากลับเห็นรถคันหนึ่งขับตรงมาทางนี้ เขาจึงจำต้องกลืนคำพูดลงไปก่อนแล้วย้ายสายตาไปจับจ้องรถคันนั้นแทน

นอกจากอู่จื่อโจว ก่วนหนานเทียน เย่หนานเทียนและเฉินเฟิงก็หันไปมองเช่นเดียวกัน

ภายใต้สายตาที่จับจ้องของทั้งสี่คน รถคันนั้นก็ขับเข้ามาด้วยความเร็วก่อนจะจอดต่อท้ายรถส่วนตัวของก่วนหนานเทียน

เพียงแค่แวบเดียวเฉินเฟิงก็เห็นว่าป้ายทะเบียนรถคันนั้นคล้ายคลึงกับป้ายทะเบียนรถของก่วนหนานเทียนอยู่พอสมควร เขาจึงคาดเดาว่ารถคันนั้นคงเป็นรถของทางการหวาเซี่ย

“พระสงฆ์ผู้ยิ่งใหญ่ เราคุยกันแล้วไม่ใช่หรือ? เราจะไปเที่ยวเขตเมืองกันก่อน ทำไมถึงพาฉันมาที่นี่? ไหนพระราชวัง? ไหนกำแพงเมืองจีน? เป็นคนจะทำตัวไร้ยางอายแบบนี้ไม่ได้นะ!” ขณะนั้นเอง ศีลสามก็ลงจากรถแล้วมองสวนที่ไม่เหมือนสวนของพระราชวังเลยสักนิด โดยมองข้ามเฉินเฟิงและอีกสามคนที่เหลือไปเลย เขาบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุดเหมือนภรรยาที่บ่นสามีซึ่งไม่เข้ากับการแต่งกายและภาพลักษณ์ของเขาเลยสักนิด จะเรียกว่ากลับกันเลยก็ได้

เนื่องจากวันนี้เขาตั้งใจปฏิบัติตามข้อกำหนดของพระสงฆ์วัยกลางคน ถอดกาสาวพัสตร์สีดำออกแล้วสวมกาสาวพัสตร์สีแดงอมเหลือง อีกทั้งบนอกยังมีลูกประคำห้อยอยู่ มองไกลๆเหมือนพระในลัทธิเต๋า

“ศีลสาม!” เมื่อได้ยินเสียงบ่นของศีลสาม พระสงฆ์วัยกลางคนก็โมโหเป็นอย่างมาก สีหน้ามืดครึ้มก่อนจะตะโกนออกมา เพื่อห้ามอีกฝ่ายไม่ให้เพ้อเจ้อไปมากกว่านี้

“จะตะโกนทำไม?ห๊ะ พวกเขาเป็นจอมยุทธ์ นี่นายพาฉันมาที่ที่เขาแข่งศิลปะการต่อสู้ใช่ไหม? พระผู้ยิ่งใหญ่ ฉันจะบอกให้นะ ฉันยังโกรธอยู่ นายทำเกินไปแล้วนะ! การต่อสู้เพื่อแย่งชิงโควตาการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกอะไรกัน ฉันไม่เอาด้วยแล้ว นายจะไปก็ไปเองเลย!”

ศีลสามไม่พอใจเป็นอย่างมาก จะยังสนใจพระสงฆ์วัยกลางคนโมโหอยู่อีกหรือ?

เขาเหลือบมองเฉินเฟิงและอีกสามคนที่เหลือแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าทั้งสี่คนเป็นจอมยุทธ์ก็ใจกระตุกครั้งหนึ่งแล้วเข้าใจอะไรบางอย่าง ฉับพลันก็โมโหยิ่งกว่าพระสงฆ์วัยกลางคนเสียอีก เขาจึงถอดใจไม่เอาแล้วและเตรียมจะหันหลังเดินจากไป

“__” เมื่อเห็นภาพนี้ทั้งอู่จื่อโจว ก่วนหนานเทียน เย่หนานเทียนและเฉินเฟิงต่างก็อึ้งและคิดว่าพระสงฆ์เยาวชนคนนี้เป็นคนสุดแปลก

เมื่อได้ยินคำพูดของศีลสามและเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของทั้งสี่คน พระสงฆ์วัยกลางคนก็ปวดใจ ปวดตับ ปวดไปหมด มุมปากกระตุก เขาพยายามอดทนที่จะไม่พุ่งเข้าไปตบเจ้าเด็กคนนี้ ทำได้เพียงรีบเข้าไปรั้งศีลสามไว้

“ทำไม?”

ศีลสามถลึงตาพ่นลมออกจากจมูกด้วยท่าทีขึงขัง

“ศีลสาม ขอเพียงนายตั้งใจเข้าร่วมการคัดเลือกในครั้งนี้ หลังจบการคัดเลือก ฉันจะให้นายเที่ยวเล่นอยู่ในยันเจียงเป็นเวลาสามวัน”

เมื่อเห็นนิสัยดื้อรั้นของศีลสามเริ่มออกลาย พระสงฆ์วัยกลางคนไม่เพียงแต่ไม่โกรธเท่านั้น เขากลับกดเสียงต่ำแล้วพยายามเจรจากับศีลสาม

“ครั้งนี้พูดคำไหนคำนั้นใช่ไหม?”

ศีลสามมองหน้าพระสงฆ์วัยกลางคนอย่างชั่งใจ

“คำไหนคำนั้นแน่นอน ฉันสัญญา” พระสงฆ์วัยกลางคนตอบรับก่อนเอ่ย “แต่นายต้องสัญญากับฉันว่าจะทำอย่างเต็มที่!”

“ตกลง!” ศีลสามพยักหน้ายอมรับ พระสงฆ์วัยกลางคนโล่งอกก่อนจะพาศีลสามเดินไปทางที่พวกเฉินเฟิงยืนอยู่

“ท่านประมุขก่วน ท่านผู้อาวุโสอู่ ผู้อาวุโสเย่ ไม่เจอกันนานเลย อามิตตาพุทธ!” พระสงฆ์วัยกลางคนเอ่ยปากขึ้นก่อน ไม่ให้โอกาสก่วนหนานเทียน อู่จื่อโจว เย่หนานเทียนได้มีโอกาสเอ่ยถาม ขณะเดียวกันก็หันไปยิ้มให้เฉินเฟิงเล็กน้อย เรื่องมารยาทนั้นทำได้ดีไม่มีที่ติ

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน