ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 672

ตอนที่ 672

บทที่ 672 การคัดเลือกเริ่มต้นขึ้น

“พวกคุณทั้งห้าคน ใครจะเริ่มก่อน?”

อู่จื่อโจวเอ่ยถามเฉินเฟิงและอีกสี่คนที่เหลือในมาดของมหาปรมาจารย์

“ผมก่อน!”

ไม่รอให้ใครได้เอ่ยปาก ศีลสามก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมพลางเอ่ยขึ้นก่อน

“หืม?”

เมื่อได้ยินคำตอบของศีลสาม ทุกคนก็หันขวับไปมองเขาอย่างตกตะลึง เรียกได้ว่าถึงแม้เมื่อสักครู่อู่จื่อโจวจะอธิบายกฎเกณฑ์ในการคัดเลือกแล้ว ทว่ารายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆยังไม่ได้เอ่ยถึง

เช่นนี้แล้วการที่ศีลสามออกตัวก่อนแบบนี้ถือว่าเสียเปรียบพอสมควร เพราะไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัดว่าเป็นอย่างไร นั่นเท่ากับว่าเขาจะกลายเป็นหนูทดลองให้กับทุกคน

อาจารย์ฟางเจิ้งที่รู้ถึงข้อเสียเปรียบนี้ดีจึงรีบฉุดมือของศีลสามไว้ก่อนเอ่ย “นายรับปากกับฉันแล้วนะว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ อย่าลืมสิ!”

ศีลสามยกยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “วางใจได้ ฉันพูดคำไหนคำนั้น!” เอ่ยจบก็ก้าวเร็วๆไปทางอู่จื่อโจวด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับการคัดเลือกในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร

ความจริงเขาก็ไม่เห็นการคัดเลือกครั้งนี้อยู่ในสายตาจริงๆนั่นแหละ ทว่าไม่ใช่เพราะเขามั่นใจว่าเขาจะเป็นคนที่ถูกเลือก แต่เขาไม่ได้สนใจการแข่งขันศิลปะการต่อสู้นั่นต่างหาก เขาเพียงหวังว่าจะจบการคัดเลือกครั้งนี้โดยเร็วจากนั้นก็จะตามเฉินเฟิงไปเที่ยวชมโลกภายนอก

นี่คือเหตุผลที่เขาเสนอตัวเป็นคนแรก

แสงอาทิตย์ในยามเช้าอาบไล้ลงบนร่างของอู่จื่อโจว เขายืนเอามือไขว้หลังด้วยสีหน้าเรียบนิ่งระหว่างรอศีลสามบุกเข้ามา ส่วนคนที่เหลือก็แยกย้ายเพื่อเว้นพื้นที่ให้กับการต่อสู้ของอู่จื่อโจวและศีลสาม

“พระสงฆ์น้อยศีลสาม ไม่ต้องออมมือแสดงฝีมือได้เต็มที่เลย ไม่ต้องกลัวว่าผมจะได้รับบาดเจ็บ!”

เมื่อเห็นศีลสามเดินเข้ามา อู่จื่อโจวระบายยิ้มโดยไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือน

“ปรมาจารย์อู่ ท่านชมเกินไปแล้ว ผมรู้ขีดความสามารถของตัวเองดี ถึงแม้ผมจะรู้ว่าผมแสดงฝีมืออย่างสุดความสามารถก็อาจจะทำอะไรท่านไม่ได้ แต่ในเมื่อผมรับปากกับพระสงฆ์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ผมก็จะทำอย่างเต็มที่แน่นอน!”

ศีลสามยังคงดูไม่เอาไหนเหมือนเดิม

คิดไม่ถึงว่าศีลสามจะพูดแบบนี้ ทุกคนในที่นี้ต่างชะงักค้างอยู่กับที่

ด้านปรมาจารย์ฟางเจิ้งก็เงียบไป เขายิ่งรู้สึกว่าการที่มหาปรมาจารย์ของศาสนาพุทธตะวันตกเลือกศีลสามเป็นทายาทนั้นเป็นการตัดสินใจที่ไม่ค่อยฉลาดนัก

ศีลสามไม่ได้ใส่ใจกับสายตาแปลกประหลาดของคนรอบข้างที่มองมา เขาเอ่ยกับอู่จื่อโจวด้วยความเคารพ “ปรมาจารย์อู่ ผมพร้อมแล้ว!”

“ดี!” อู่จื่อโจวตอบรับคำหนึ่ง

เมื่อได้ยินคำตอบของอู่จื่อโจว ชั่วพริบตาสายตาของศีลสามก็เปลี่ยนเป็นคมกริบพลางก้าวเท้าซ้ายไปด้านหน้า ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาอู่จื่อโจวอย่างรวดเร็วราวกับคันศรที่พุ่งออกจากคันธนู

ชั่วพริบตาศีลสามก็ปรากฏตัวอยู่ข้างอู่จื่อโจว หมัดขวาถูกปล่อยออกไปพร้อมพลังภายใน จนเกิดเสียงเคลื่อนไหวกลางอากาศ

หมัดนี้ดูเหมือนจะธรรมดา ทว่าความจริงแล้วคือหมัดเทวราชของพระพุทธศาสนา

หมัดเทวราชเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “หมัดอรหันต์ทวราช” เป็นชนิดหมัดมวยเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนา โดยมีระบบที่สมบูรณ์แบบ มีความหมายด้านศิลปะการต่อสู้ที่ลึกซึ้ง มีเทคนิคที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นศิลปะป้องกันตัวที่เรียบง่ายใช้งานได้จริง จึงกลายเป็นศิลปะการต่อสู้สำคัญที่สืบทอดต่อกันมา

พลังหมัดของศีลสามนั้นดุร้ายมากทว่าอู่จื่อโจวยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม

เมื่อหมัดของศีลสามใกล้เข้ามา อู่จื่อโจวก็ยื่นมือออกไปรับหมัดของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ศีลสามรู้ตัวดีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอู่จื่อโจว ดังนั้นจึงออกหมัดเต็มแรงทว่าคิดไม่ถึงว่าอู่จื่อโจวจะรับหมัดได้ง่ายดายเพียงนี้ อีกทั้งอีกฝ่ายยังมีท่าทีสบายๆ

หมัดที่ชกออกไปแฝงไว้ซึ่งพลังภายใน แรงขนาดนี้ไม่ใช่แรงที่คนทั่วไปจะรับได้ อีกทั้งเมื่อดูจากด้านข้างจะเห็นได้ว่าปฏิกิริยาโต้ตอบของอู่จื่อโจวนั้นรวดเร็วมาก

ศีลสามเห็นว่าหมัดแรกไม่ได้ผลจึงไม่ลังเลที่จะชกออกไปอีกสามหมัดติดต่อกัน ฟึบ ฟึบ ฟึบ ทุกหมัดที่ชกออกไปแรงกว่าหมัดแรกเสียอีก เห็นได้ว่าตอนนี้ศีลสามออกแรงอย่างสุดความสามารถแล้ว

ทว่าคิดไม่ถึงว่าอู่จื่อโจวจะรับหมัดทั้งสามนี้ด้วยมือเดียว อีกทั้งยังยืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย เห็นได้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดไหน

“พอแล้วๆ ผมไม่สู้แล้ว ไม่ใช่ระดับเดียวกันตั้งแต่แรกแล้ว จะสู้ยังไง!”

ใช้แรงทั้งหมดชกไปทั้งสิ้นสี่หมัดทว่าอีกฝ่ายกลับไม่กระดิกเลยแม้แต่น้อย ทำให้ศีลสามรู้สึกเหมือนโดนทำร้ายจิตใจจึงยอมแพ้เสียเลย ไม่สู้ต่อแล้ว

“หืม?”

เมื่อได้ยินศีลสามเอ่ย อย่าว่าแต่ทุกคนในที่นี้จะมึนงงเลย แม้แต่อู่จื่อโจวก็เช่นเดียวกัน

ทว่าคนเป็นอาจารย์อย่างฟางเจิ้งที่นิ่งมาโดยตลอด เมื่อเห็นศีลสามยอมแพ้ก็อดที่จะคำรามไม่ได้ “ศีลสาม นายลืมสัญญาไปแล้วหรือ!”

“พระสงฆ์ผู้ยิ่งใหญ่ หยุดตะโกนสักที ไม่เห็นหรือว่าฉันกับปรมาจารย์อู่ไม่ใช่คนในระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!” ศีลสามเดินเข้าไปหาปรมาจารย์ฟางเจิ้งอย่างไม่ใส่ใจ

วินาทีนี้ปรมาจารย์ฟางเจิ้งคับข้องใจเป็นอย่างมากทว่าไม่รู้จะพูดอะไร

“เอ่อ ปรมาจารย์ฟางเจิ้ง ศีลสามทำได้ไม่เลวเลย เห็นได้ว่าเขาฝึกฝนหมัดเทวราชถึงระดับหนึ่งแล้ว ความสามารถของเขาผมก็พอรู้แล้ว ส่วนเรื่องที่เขาไม่ยอมแข่งต่อก็ปล่อยเขาไปเถอะ!”

เมื่อเห็นว่าปรมาจารย์ฟางเจิ้งมีท่าทีกระอักกระอ่วน อู่จื่อโจวจึงรีบเอ่ยแก้สถานการณ์ให้

ทว่าถึงแม้ตัวอู่จื่อโจวเองก็คิดไม่ถึงว่าศีลสามจะเห็นการคัดเลือกในครั้งนี้เป็นเพียงเรื่องเล่นๆแล้วยอมแพ้ง่ายดายแบบนี้ แต่ก็เหมือนที่อู่จื่อโจวบอกออกไปว่าความสามารถของศีลสามเขารู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่คนดูที่อยู่รอบข้างทั้งก่วนหนานเทียน ชางโป๋ จีอู๋ฉาง เย่หนานเทียนล้วนเห็นถึงความสามารถของศีลสามแล้ว

ด้านปรมาจารย์ฟางเจิ้ง ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครรู้จักความสามารถของศีลสามได้ดีไปกว่าคนเป็นอาจารย์อย่างเขาแล้ว

ปรมาจารย์ฟางเจิ้งถอนหายใจครั้งหนึ่ง ไหนๆอู่จื่อโจวก็พูดขนาดนี้แล้วจะบังคับศีลสามต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ปล่อยไปเถอะ

ศีลสามเป็นคนแรกที่ท้าชิงและเป็นคนแรกที่พ่ายแพ้ หลังจากศีลสามลงจากเวทีสายตาของอู่จื่อโจวก็กวาดมองตั้งแต่เฉินเฟิง ฉู่เหอ จียุ่นก่อนเอ่ย “คนต่อไปคือใคร?”

“ปรมาจารย์อู่ ผมเอง!”

จียุ่นก้าวไปข้างหน้าอย่างคึกคะนอง ก่อนจะเดินมุ่งไปทางอู่จื่อโจว

“อืม เริ่มได้!” อู่จื่อโจวยังคงยืนเอามือไขว้หลังอยู่ที่เดิม ตามแบบฉบับของมหาปรมาจารย์แห่งบูโด

จียุ่นพยักหน้ารับ พลังในร่างกายพุ่งสูงขึ้น จียุ่นในตอนนี้ดูแข็งแกร่งน่าเกรงขาม เมื่อพลังภายในของเขาพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดสูงสุด เขาจึงพุ่งเข้าหาอู่จื่อโจวอย่างไม่ลังเล

จียุ่นเคลื่อนตัวได้รวดเร็วมาก นี่คือหัวใจสำคัญของศิลปะการต่อสู้ของตระกูลพวกเขา นั่นก็คือ “รวดเร็ว”

จียุ่นเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว สายตาของทุกคนมองตามเขาตาไม่กระพริบและคิดว่าเขาจะลงมือทันที แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่ออยู่ในระยะห่างจากอู่จื่อโจวประมาณสองเมตร เขาจะหยุดกะทันหัน จากนั้นก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้าต่อด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม ในช่วงระหว่างเร็วและช้านี้ จียุ่นก็ใช้ฝ่ามือแทนดาบฟันลงมาทันที

ถึงแม้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือผู้อาวุโสอู่ ทว่าจียุ่นก็ไม่มีการออมมือเลยสักนิด แค่ลงมือครั้งแรกก็รุนแรงราวสายฟ้าฟาด

ในขณะที่จียุ่นฟันมือลง อู่จื่อโจวยังคงอยู่ในลักษณะเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพียงแค่เอียงเล็กน้อยก็สามารถหลบการโจมตีของอีกฝ่ายได้แล้ว เนื่องจากความเร็วที่มากเกินไปทำให้ดูเหมือนอู่จื่อโจวยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่มีการเคลื่อนไหว

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน