ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 712

ตอนที่ 712

บทที่ 712 เติ้งนี

ผู้แข็งแกร่งกลุ่มที่สาม ก็คือมูเนียร์ที่มีขนานนามว่าเสือจากัวร์ อาวุธลับของประเทศอเมริกา

การแข่งขันในครั้งนี้ ไม่ต้องสงสัย มูเนียร์ได้ชัยชนะอย่างง่ายดาย เพียงแต่เขาไม่ได้ฆ่าคู่ต่อสู้ เขาเพียงใช้การโจมตีล้มคู่ต่อสู้

การแข่งขันกำลังดำเนินอยู่ การแข่งขันครั้งที่สองของกลุ่มที่สาม ความสามารถของผู้ต่อสู้ทั้งสองคนห่างไกลกันมาก มีหนึ่งคนในนั้นเป็นคนที่ถูกเลือกมาเป็นคนสุดท้าย เรียกได้ว่ามาเพื่อให้ครบจำนวน ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลย เพิ่งเริ่มต้นก็ถูกฝ่ายตรงข้ามล้มแล้ว สุดท้ายก็แพ้การแข่งขัน

“ศีลสาม คุณแน่ใจว่าคนบ้าการต่อสู้คนนั้นจะไม่ฆ่าคน อย่างโหดเหี้ยมเหมือนวิลเลียม?”

หลังจากการแข่งขันจบสิ้น จียุ่นเงียบไปสักพัก ลุกขึ้นเตรียมพร้อมที่จะขึ้นไปบนสนามแข่ง แต่ว่าในใจของเขาก็ยังค่อนข้างเป็นกังวล จึงถามศีลสามขึ้นว่า “ศีลสาม เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คุณแน่ใจนะว่าเติ้งนีคนนั้นไม่ใช่คนโหดเหี้ยม?”

ได้ยินคำพูดของจียุ่น ศีลสามพูดขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “คุณวางใจ เติ้งนีเป็นเพียงคนที่บ้าการต่อสู้คนหนึ่ง แค่สนใจในศิลปะการต่อสู้ ไม่เอาชีวิตคนแน่”

“แต่ว่า” ศีลสามหยุดไปสักพัก

“แต่ว่าอะไร?” จู่ๆจียุ่นก็พูดขึ้นมาอย่างเสียงดัง

“ถึงแม้เขาจะไม่ฆ่าคน แต่ก็จะไม่มีความเมตตา การถูกทำร้ายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จะเลือกยังไง อยู่ที่ตัวคุณเอง”

“รู้แล้ว”

สีหน้าจียุ่นหนักอึ้ง การแข่งขันในครั้งนี้เขาไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย หลังจากออกมาจากกลุ่มผู้ชม แล้วไปนั่งรอตรงที่นั่งผู้ต่อสู้

“เอาล่ะ การแข่งขันในก่อนหน้านี้น่าตื่นเต้นอย่างมาก อันดับต่อมาเป็นการแข่งขันของกลุ่มที่ห้า เขาคือเติ้งนี ทายาทจากพระพุทธศาสนาอินเดีย เขาก็เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งทั้งสิบหกคนในครั้งนี้ เรามาดูกันว่าเขาจะมีผลงานที่ยอดเยี่ยมขนาดไหน” พิธีกรขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง คำพูดคำจา เร้าอารมณ์ผู้ชมอย่างมาก

“โอเค”

ถึงแม้การแข่งขันการต่อสู้จะดำเนินมาแล้วหลายรอบ แต่อารมณ์ของผู้ชมก็ยังตื่นเต้นอย่างมาก

ภายใต้เสียงตะโกนอันกึกก้องของผู้ชม เติ้งนีทายาทพระพุทธศาสนาอินเดีย ปรากฏตัวอยู่บนสนามแข่ง เติ้งนีคลุมตัวไว้ด้วยผ้าเหลือง ห้องลูกประคำไว้ตรงคอ หน้าตาดูมีเมตตา ค่อนข้างเหมือนพระผู้มีญาณแก่กล้าในพุทธศาสนา

หลังจากที่เขาขึ้นมาบนสนามแข่ง มือทั้งสองประสานกันแล้วมองไปยังผู้ชมโดยรอบ เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของเขาเอาชนะใจผู้ชมได้เป็นอย่างดี

เติ้งนีเดินขึ้นไปบนเวทีการต่อสู้อย่างเป็นกันเอง ส่วนจียุ่นกลับสีหน้าขาวซีด เท้ายังก้าวไม่ค่อยมั่นคง เห็นได้ชัดว่าการได้ต่อสู้กับเติ้งนี ทำให้จิตใจเขาทดถอยอย่างมาก

“โยมจี สามารถเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้กับคุณ อาตมายินดีเป็นอย่างยิ่ง”

หลังจากเติ้งนีเห็นจียุ่นเดินขึ้นมา แววตาก็เป็นประกาย เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เขารอมานานมากแล้ว ตอนนี้สามารถได้ต่อสู้กับคน ร่างกายที่ตื่นเต้นของเขาไม่สามารถที่จะหยุดสั่นได้ สายตาที่มองดูจียุ่นเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

ได้ยินคำพูดของเติ้งนี บวกกับสายตาของเขาที่เหมือนดั่งเสือหมาป่า ทำให้ในใจจียุ่นมีเพียงความสั่นเทา ถึงแม้เติ้งนีจะเป็นคนบ้าการต่อสู้ ยังไงก็เป็นคนบ้า ไม่มีความดีหรอก เขาพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นถามว่า “อาจารย์เติ้งนี ผมเป็นเพื่อนที่ดีของศีลสาม ทายาทพระพุทธศาสนาศีลสาม ดังนั้นการแข่งขันการต่อสู้ในอีกสักครู่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

“โยมจีอย่าคิดมาก อาตมาไม่ฆ่าคน”

ถึงแม้เติ้งนีจะพูดเช่นนี้ แต่ท่าทีของเขากลับดูแปลกประหลาดมาก ภาพแบบนี้ปรากฏอยู่ในสายตาของจียุ่น ทำให้เขาสั่นเทาอย่างเดียว

อาจเป็นเพราะเติ้งนีดูออก รีบพูดขึ้นว่า “โยมจี เราแค่แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน เมื่อรู้ผลแล้วก็พอ” ที่เติ้งนีพูดเช่นนี้ ก็เพราะมองออกว่าจียุ่นกำลังหวาดหวัด หากจียุ่นกลัวจนยอมแพ้ งั้นเขาคงแย่ วันนี้ก็จะไม่ได้แข่งขันแล้ว คนที่บ้าการต่อสู้อย่างเขา ไม่มีอะไรเจ็บปวดไปกว่าการไม่ได้แข่งขันการต่อสู้แล้ว

จียุ่นพยักหัวอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ว่าในใจก็ยังคงไม่วางใจ

ในระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่ ผู้ตัดสินเดินขึ้นมาบนสนามแข่ง มองดูทั้งสองฝ่ายแล้วก็พูดขึ้นหนึ่งประโยคอีกครั้งว่า “กฎกติกาของการแข่งขัน จะให้พูดย้ำอีกรอบไหม?”

“ไม่ต้องแล้ว ไม่ต้องแล้ว”

เติ้งนีรีบพูดขึ้น ดูท่าทีของเขา เหมือนจะทนรอไม่ไหวแล้ว อยากที่จะลงมือทันที

“ไม่ต้อง”

จียุ่นลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ดีเลือกที่จะถอนตัวโดยไม่ต่อสู้ หากยอมแพ้ ไม่เพียงแค่เขา ตระกูลจีของเขา ก็จะกลายเป็นตัวตลกของวงการศิลปะการต่อสู้ประเทศหวา นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้

ดังนั้นเขาจึงต้องสู้ และในฐานะที่เขาเป็นทายาทของตระกูลจี ความสามารถก็ไม่ได้ด้อย เดิมก็มีความหยิ่งยโสนั้นอยู่แล้ว

นี่เป็นส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็คือคำพูดของศีลสาม ที่บอกว่าเติ้งนีไม่มีทางฆ่าคน เขาเชื่อคำพูดของศีลสาม

จะมีชีวิตที่น่าอัปยศอดสูหรือตายในการต่อสู้อย่างรุ่งโรจน์ จียุ่นไม่จำเป็นต้องคิด ยังไงก็เลือกอย่างหลัง

ทั้งสองคนต่างก็แสดงให้เห็นว่าเข้าใจกฎกติกาในการแข่งขันเป็นอย่างดี มีความเห็นใดๆ กรรมการตัดสินก็ไม่รีรอ โบกมือพร้อมพูดขึ้นว่า “การแข่งขัน…เริ่มได้”

ตอนนี้เติ้งนีตื่นเต้นมาก แต่เขาก็ยังคงรักษาสติไว้ เขาไม่ได้ลงมือ แต่รอให้จียุ่นลงมือ เขากลัวทำให้จียุ่นบาดเจ็บ นี่ไม่ใช่เพราะเขาดูถูกจียุ่น แต่เขามีความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเองอย่างมาก

“โยมจี อาตมาคิดว่าท่านลงมือก่อนเถอะ ใช้กำลังทั้งหมดของคุณที่มีจะดีที่สุด”

จียุ่นได้ยินคำพูดนี้ ก็ไม่รอช้า ในเมื่อเติ้งนีพูดแล้ว เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ขยับร่างกายไปประชิดเติ้งนีอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้จียุ่นได้แสดงศิลปะการต่อสู้ของตระกูลจีออกมาอย่างเต็มที่ และได้ใช้ความรวดเร็วอย่างสูงที่สุด

ร่างกายของเขาปรากฏอยู่ด้านข้างเติ้งนีในทันใด เพิ่งประชิดตัวก็ต่อยลงไปทันที

หมัดนี้เต็มไปด้วยพลังลมกำปั้นที่โหยหวน

หมัดที่มาดุเดือด แต่เติ้งนีก็ไม่หวั่นไหว ยังคงยืนตระหง่านนิ่งอยู่ที่เดิม ยื่นฝ่ามือออกไป รับหมัดของจียุ่นไว้

ภาพนี้ทำให้สีหน้าของจียุ่นเปลี่ยนไป หมัดนี้ของเขาถือได้ว่ามีพลังอย่างมาก เดิมคิดว่าเติ้งนีจะหลบ กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรับไว้ได้ และดูสีหน้าแล้วก็เหมือนสบายมาก

ครั้งนี้ไม่ใช่ที่สำคัญที่สุด ที่สำคัญที่สุดคือหลังจากปล่อยหมัดนี้ไปแล้ว ไม่เพียงไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัว กลับรับรู้ได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดผ่านฝ่ามือของเติ้งนี แรงกระแทกจากการโต้ตอบนี้ ทำให้จียุ่นทดถอยหลังไป อย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

“ความแข็งแกร่งของโยมจี อาตมารู้แล้ว งั้นครั้งนี้ก็ถึงทีอาตมาแล้ว”

เติ้งนียังคงแสดงท่าทีดูเป็นมิตร เพียงแต่เมื่อพูดเสร็จแล้ว ร่างกายของเขาก็หายไปจากที่เดิมทันที

สีหน้าจียุ่นเปลี่ยนไป รีบมองไปรอบๆ แต่ก็ยังคงมองไม่เห็นเติ้งนี

เวลาต่อมา เติ้งนีกลับปรากฏอยู่ด้านหลังของจียุ่นอย่างไร้ร่องรอย และจียุ่นก็ยังไม่รู้ตัว เห็นเพียงครึ่งกรงเล็บมือเดียวของเติ้งนี จับตัวจียุ่นไว้ กระบวนท่านี้ดูเหมือนง่าย กลับเป็นกรงเล็บมังกร ที่มีชื่อเสียงของศิลปะการต่อสู้ในพระพุทธศาสนา

สายตาจียุ่นหดลง ไม่ได้หลบหนี แต่กำหมัดไว้แน่นอีกครั้ง ดูเหมือนกำลังคิดที่จะต่อสู้กับเติ้งนี

“ปัง”

เสียงดังขึ้น กรงเล็บมังกรของเติ้งนีรับหมัดของเติ้งนีไว้ หลังจากนั้นก็ดึงอย่างแรง แล้วมืออีกข้างหนึ่ง แบฝ่ามือ ตบไปที่หน้าอกของจียุ่น

ครั้งนี้ จียุ่นไม่ทันตั้งตัว ร่างกายทดถอยหลัง เขาไม่สามารถรับมือกับความแข็งแกร่งนี้ได้ ทดถอยหลังไปหลายก้าว เจ็ดแปดก้าวถึงค่อยหยุด ถึงแม้เมื่อกี้จะไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ได้ใช้ลมปราณปกป้องส่วนที่สำคัญไว้ จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ตอนนี้จียุ่นก็โล่งอก เห็นได้ชัดว่าศีลสามไม่ได้โกหกเขา เติ้งนีไม่มีทางลงมือฆ่า

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท